ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 64 ดาวคู่ส่องแสงในเจียงโจว (ตอนที่ 2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 66 คำพูดไม่กี่คำชี้นำสถานการณ์

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 65 ธรรมชาติของหมาป่า


ตอนที่ 65 ธรรมชาติของหมาป่า

สองวันต่อมา

ในบริเวณหอพักซึ่งอยู่ห่างจากเจียงโจวประมาณ 80 กิโลเมตร ฉินหยู่ถามเถ้าแก่อย่างอ่อนน้อม “อาการบาดเจ็บของเพื่อนฉันเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ยาของเราไม่แรง เขายังมีไข้อยู่” เถ้าแก่ตอบเบาๆ “ให้หมอมาดูจะดีกว่านะ”

“เถ้าแก่พอจะหาให้ได้ไหม? เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาครับ” ฉินหยู่ถาม

“ฉันหามาให้ได้ แต่คนพวกนี้ปากไม่มีหูรูด ฉันเกรงว่าพวกเขาจะก่อปัญหาให้นายหลังจากที่ฉันเรียกเขามา” เถ้าแก่พยักหน้าพร้อมตอบอย่างสุภาพ

ฉินหยู่คิดอยู่นานและทำได้เพียงตอบอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นช่วยฉันซื้อยาดีๆ ให้หน่อย อย่างน้อยก็จะช่วยลดการอักเสบและลดไข้ลงก่อน”

“ตกลง ฉันจะให้คนไปเจียงโจวเพื่อซื้อและเอาไปให้นาย” เถ้าแก่พยักหน้า

เมื่อฉินหยู่ได้ยิน เขาก็หยิบเงินสดออกมาและมอบให้เถ้าแก่อย่างอ่อนน้อม “ขอบคุณมากครับ”

“ไม่เป็นไร” เถ้าแก่ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด เขายัดเงินเข้ากระเป๋า แล้วหันหลังกลับ “ฉันจะเอาอาหารมาให้คุณทีหลัง”

ที่พักและหอพักประเภทนี้สามารถพบเห็นได้ทุกที่ในพื้นที่โครงการพัฒนา ค่อนข้างมีความปลอดภัยดี และส่วนใหญ่จะให้บริการผู้ที่เดินทางไปทางเหนือและใต้ มีเพียงสภาพภายในห้องเท่านั้นที่แย่ และอาหารก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เจ้าของมีในครัว โดยทั่วไปแล้วไม่มีอาหารตามสั่ง แต่โชคดีที่ราคาถูกและเถ้าแก่ส่วนใหญ่ก็ฉลาด เข้าใจคนและสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจน ที่สำคัญคือไม่ปากโป้ง

หลังจากที่ฉินหยู่พูดคุยกับเถ้าแก่เสร็จแล้ว เขาก็เดินกลับไปที่ห้องพักทางด้านซ้าย ฉีหลินนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวและถามอย่างกังวล “สถานการณ์เป็นไงบ้าง? มีข่าวจากที่โน่นบ้างไหม?”

“ไม่ต้องกังวล ฉันจัดการแล้วทุกอย่าง” ฉินหยู่บอกเบาๆ “นายพักผ่อนให้เต็มที่ จะได้ฟื้นตัวเร็วๆ”

ฉีหลินน้ำหนักลดไปอย่างน้อย 20 ปอนด์ในช่วงเวลานี้ แก้มที่อ้วนท้วนก่อนหน้านี้ของเขาตอนนี้ดูผอมลงอย่างเหลือเชื่อ “ฉันเกรงว่าถ้าแมวแก่อยู่ในมือของคนอื่นนานเกินไป อาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา”

“ฉันรู้สึกได้ว่าโคโค่ต้องการร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เราจับหลี่ถง” ฉินหยู่ปลอบใจอีกครั้ง

“ฉันสามารถพูดคุยกับแมวแก่ได้ทุกเมื่อ มันไม่เป็นไรหรอก”

“นั่นก็ดี” ฉีหลินพยักหน้า

“นายอดทนสักหน่อย ฉันได้คุยกับเถ้าแก่แล้ว และขอให้เขาไปช่วยสั่งยาดีๆ มาให้” ฉินหยู่แย้มฟันยิ้ม “ถ้าไข้ของนายไม่หายจริงๆ ฉันคงต้องโทรหาโคโค่ และขอให้เธอไปหาหมอที่เชื่อถือได้มา”

“ฉันทนได้” ฉีหลินไอสองสามครั้งแล้วจ้องมองไปที่ฉินหยู่ด้วยสีหน้าลังเลเล็กน้อย

ฉินหยู่สังเกตคำพูดและอารมณ์คนอื่นได้ดี เขาหยิบบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรจะพูดไหม?”

ฉีหลินเกาหัวของเขา

“ฮ่าฮ่า” ฉินหยู่สูบบุหรี่ของเขาพลางจ้องมองไปที่ฉีหลินแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา “เราสามคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว พร้อมเสี่ยงตายด้วยกันอย่างไม่ย่อท้อ แล้วยังมีอะไรที่นายไม่กล้าพูดกับฉันอีกเหรอ?”

“โอเค งั้นฉันจะพูดนะ”

“พูดเลย”

“ฉันต้องการปรึกษากับนาย ว่านายสามารถให้ฉันรับผิดชอบในการวิ่งไปมาบนถนนสายนี้ได้หรือเปล่า หลังจากที่สายส่งตลาดยาเริ่มขึ้นใหม่แล้ว” ฉีหลินค่อนข้างที่จะขอคำแนะนำ ความเห็น หรือแสวงหาการรับรองฝีมือเขาจากฉินหยู่โดยไม่รู้ตัว หลังจากที่เขาคุ้นเคยกับปัญหาชีวิตที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ฉินหยู่กะพริบตา ขมวดคิ้วแล้วตอบว่า “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิดไว้แต่แรก”

ฉีหลินอึ้งไปนิดก่อนจะพูดต่อ “งั้นนายหมายความว่ายังไง นายวางแผนที่จะปล่อยให้ตระกูลหม่าดำเนินการสายส่งยาของเขาเองไปเลยหรือ?”

“เป็นไปไม่ได้” เมื่อฉินหยู่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็ส่ายหัวทันทีและตอบว่า “เราสามพี่น้องเสี่ยงชีวิตเพื่อสายส่งนี้จนสำเร็จ ดังนั้นฉันจะปล่อยให้พวกเขาติดต่อกับโคโค่โดยตรงได้ยังไง ถ้าผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตติดต่อกันโดยตรง แล้วทำไมจะต้องมีพ่อค้าคนกลางอย่างพวกเราอีกล่ะ? แม้ว่าตระกูลหม่าเต็มใจที่จะพึ่งพาผู้กำกับหลี่ในขณะนี้ แต่ถ้าปล่อยให้พวกเขาติดต่อกับโคโค่โดยตรง นั่นก็เท่ากับลดสิทธิ์และเสียงของเราไปโดยไม่จำเป็นนะสิ”

ฉีหลินไม่ได้คาดหวังว่าฉินหยู่จะคิดลึกซึ้งขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าโดยไม่รู้ตัวและพูดว่า “ถูกของนาย”

“เดิมทีฉันต้องการให้นายจับตาดูสินค้าในฝั่งของโคโค่ ในขณะที่ฉันรับผิดชอบในการเชื่อมต่อตรงกลาง” ฉินหยู่อธิบายพลางสูบบุหรี่ควันฉุย “เพราะงานนี้ค่อนข้างอันตราย หนึ่งคือนายต้องเดินทางระหว่างเจียงโจวและซงเจียง นายต้องวิ่งกลับไปกลับมา และยังมีแม่และน้องสาวต้องคอยดูแล ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น มันก็จบเห่ สองคือคนกลางต้องมีการติดต่อกับตระกูลหม่ากับโคโค่บ่อยๆ และนายต้องสามารถกำราบผู้อื่นในกระบวนการนี้ได้ และป่วนได้เมื่อจำเป็น…”

หลังจากได้ฟังคำอธิบาย ฉีหลินก็เงียบไปสองสามวินาทีแล้วพูดขึ้นมา “เสี่ยวหยู่ ฉันอยากจะลองดู”

ฉินหยู่หันไปมองฉีหลินและพูดอย่างอ่อนโยน “สิ่งที่ฉันพูดไปนายอย่าไปคิดมาก ชะตากรรมของอาหลงพี่ชายคนโตของนาย ยังคงยากที่จะลืมมันในขณะนี้ แต่นี่ไม่ใช่งานง่าย เพราะเมื่อตระกูลหยวนรู้ว่าสายส่งยากลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง เขาอาจค้นพบช่องโหว่ที่จะทำลายแหล่งค้าส่งอีกครั้งจากคนกลางเองก็ได้ และแม้ว่าตระกูลหยวนจะไม่เคลื่อนไหวมาระยะหนึ่งแล้ว แต่นายเห็นไหมว่าการตายของพี่คังน่าสังเวชแค่ไหน...มันมีเงินมหาศาลในอุตสาหกรรมนี้ และการแข่งขันก็ดุเดือดมาก ฉันกับแมวแก่ไม่ต้องการให้นาย…”

“ฉันเข้าใจสิ่งที่นายพูด นายกับแมวแก่คิดว่าฉันมีน้องสาวกับแม่ และนายห่วงใยฉัน...” ฉีหลินมองดูฉินหยู่ด้วยดวงตาแดงเล็กน้อย และพูดขึ้นหลังจากคิดอยู่นาน “แต่ฉันไม่สามารถปล่อยให้นายดูแลฉันตลอดไปเพราะเหตุนี้! เสี่ยวหยู่ ฉันไม่อยากฝากโชคชะตาและความหวังไว้กับคนอื่นเหมือนเมื่อก่อน หลังจากผ่านเรื่องมากมายมาแล้ว ฉันเริ่มเข้าใจความจริงว่า ถ้าคนอยากลุกขึ้นให้ได้ ก็ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น”

ฉินหยู่สะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดของฉีหลิน

“ให้ฉันทำมัน ฉันจะทำมันให้ดีกว่าใครๆ” ฉีหลินพูดอีกครั้ง “เพราะฉันถูกเหยียบลงไปกองกับพื้นโดยไม่รู้ตัว และมองไม่เห็นทางที่จะกลับมาได้”

“นายคิดดีแล้วหรือ?”

“ฉันตัดสินใจแล้ว” ฉีหลินพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“เอาล่ะ นายจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้” ฉินหยู่กล่าวหลังจากคิดอยู่นาน “จากนี้ไป แมวแก่และฉันจะรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทางการ และนายจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งต่างๆ บนท้องถนน เราสามคนพี่น้องทำงานประสานกันให้ดีที่สุด ทำบางสิ่งที่ส่งเสียงให้วงการได้ยินบ้างเล็กน้อย”

“ตกลง” ฉีหลินได้ฟังแล้วยิ้ม

ฉินหยู่วางบุหรี่ไฟฟ้าลงแล้วยืนขึ้น ก้มหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพลางพูดว่า “ฉันต้องโทรหาเฒ่าหม่า”

“เขาต้องการใบแสดงสินค้าหรือเปล่า?”

“ฉันต้องการใบเรียกเก็บเงินและเงินกู้” ฉินหยู่ตอบเรียบๆ

ฉีหลินรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “เงินกู้ หมายความว่ายังไง?”

“โคโค่ จะไม่ให้สินค้าแก่นายฟรีๆ ในตอนนี้ หากเราต้องการได้รับสินค้าชุดแรกเราต้องจ่ายค่าสินค้า” ฉินหยู่กางมือออกพร้อมถามว่า “แต่ใครในพวกเราที่มีเงินตอนนี้? สามารถจ่ายได้หรือเปล่า?”

เมื่อฉีหลินได้ยิน เขาก็ยิ่งสับสนมากขึ้น “เฒ่าหม่าต้องจ่ายค่าสินค้า และฉันคิดว่าเขายินดีจ่าย ถ้ามันไม่ได้ผล ให้โทรหาผู้กำกับหลี่โดยตรง เขาควรจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องเงินได้ เรายังต้องยืมเองอีกเหรอ?”

“ไม่” ฉินหยู่ส่ายหัว “นายจะไม่ปล่อยให้เฒ่าหม่าจ่ายเงินจำนวนนี้ และนายก็จะไม่ปล่อยให้ผู้กำกับหลี่จ่ายเงินด้วย”

ฉีหลินครุ่นคิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ฉินหยู่แย้มฟันยิ้มและอธิบายเรียบๆ “เฒ่าหลี่ดำรงตำแหน่งระดับสูงเป็นผู้กำกับการตำรวจและมีสิทธิ์มีเสียงในส่วนราชการ ยังไงก็ตาม ผู้เฒ่าหม่าถูกรังแกอย่างรุนแรงจากหยวนเค่อเมื่อไม่นานนี้ และการค้าก็ได้รับความเดือดร้อนขาดทุนย่อยยับ ตราบใดที่ตลาดยาของเขากลับมา เขาก็จะมีแรงจูงใจระดมให้ทีมค้าขายแข่งกันทำตลาดอีกครั้ง แต่ลองคิดดูสิ เรามีอะไรอยู่ในมือบ้าง นอกจากนายที่กล้าเสี่ยงชีวิตและเจ้าซื่อบื้อแมวแก่ แล้วมีอะไรบนโต๊ะเราอีกล่ะ?”

ฉีหลินคิดอยู่นานและโพล่งออกมาว่า “เรามีโคโค่และซัพพลายเออร์”

“ถูกต้อง” ฉินหยู่พยักหน้าทันทีและตอบว่า “ซัพพลายเออร์คือสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกัน และตอนนี้มันอยู่ในมือของเราแล้ว เราจะใช้โอกาสนี้เพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจยาให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการกับทุกคนรอบตัวเรา ดังนั้นเราจะให้เฒ่าหลี่จ่ายไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าไม่มีวันไปปรึกษาอะไรกับตระกูลหม่า นายต้องเข้าใจว่า เขาเป็นรองพวกเราแล้ว จากนี้ไปตระกูลของเขาจะต้องพึ่งพาเราเพื่อหาเลี้ยงชีพต่อไปในวันหน้า”

เมื่อฉีหลินได้ยินเรื่องทั้งหมด เขาก็หรี่ตาและมองไปที่ฉินหยู่อีกครั้ง ยกนิ้วให้และพูดว่า “ไม่น่าแปลกใจเลยที่แมวแก่จะภูมิใจและเต็มใจที่จะฟังนาย และผู้กำกับหลี่ก็เต็มใจที่จะช่วยนาย...นายมีบางสิ่งที่พวกเราไม่มี”

“อะไรนะ?” ฉินหยู่เอามือป้องหูถามพร้อมด้วยรอยยิ้มขี้เล่น

“หมาป่าที่ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อได้กลิ่นเหยื่อ” ฉีหลินคิดอยู่นานก่อนที่จะเปรียบเทียบเหมือนเป็นคำคม

“เฮ้ จริงเหรอ ฮ่า” ฉินหยู่แสดงรอยยิ้มที่ดูเหมือนจริงใจ แล้วเขาก็ก้มหน้าลงแล้วกดหมายเลขของผู้เฒ่าหม่า

สิบวินาทีต่อมา

“ฮัลโหล?” เสียงของผู้เฒ่าหม่าดังขึ้น

“ลุงหม่า โปรดนำรายการยาที่จำเป็นและราคาซื้อก่อนหน้านี้มาให้ฉันด้วย ฉันใช้ประโยชน์จากมันได้”

“...เอาล่ะ” ผู้เฒ่าหม่าพยักหน้าด้วยดวงตาเป็นประกายแห่งความหวัง

“อีกอย่าง คุณให้ฉันยืม 150,000 หยวน มันจะมีประโยชน์สำหรับฉัน” ฉินหยู่พูดอย่างมั่นใจมาก “ฉันจะทยอยจ่ายเงินนี้คืนให้คุณ”

ผู้เฒ่าหม่าขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้ “จะยืมมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันมีอยู่ในมือ…”

“คุณหามาได้แน่ ฉันต้องการมันอย่างเร่งด่วน”

“ตกลง” ผู้เฒ่าหม่าพยักหน้า

“แค่นั้นแหละครับ”

หลังจากที่ทั้งสองวางสาย ผู้เฒ่าหม่าก็วางโทรศัพท์มือถือลงและสั่งคนข้างๆ ทันทีว่า “เอาคำสั่งซื้อก่อนหน้ามาหน่อย ฉันต้องการดูอีกที แล้วก็ไประดมทุน 150,000 หยวนทันทีด้วย”

“คุณต้องการเงินมากมายไปทำไม” ชายวัยกลางคนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“มาร่วมมือกัน ฉินหยู่ทำงานสำเร็จแล้ว ช่องทางแหล่งค้าส่งจะเชื่อมต่อกันในไม่ช้า”

ผู้เฒ่าหม่ากล่าวด้วยความหึกเหิม “หยวนเค่อเหยียบเราจนจะไม่รอดอยู่แล้ว หากเราไม่สู้วันนี้ เราคงไม่มีโอกาสในวันหน้าแล้ว”

…………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด