Ep.1055 - เผ่าอันเดดซามัว

3/4

Ep.1055 - เผ่าอันเดดซามัว

【คำเตือน! ยานอวกาศกำลังถูกโจมตี!】

【คำเตือน! คำเตือน ..!】

สัญญาณเตือนภัยบนยานอวกาศดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าท่าทีของผู้โดยสารข้างใน กลับดูเหมือนไม่ใส่ใจ แทบไม่ตื่นตระหนกเลย นั่นเพราะพวกเขาทราบดีอยู่แล้ว ถึงอันตรายของทะเลดาราหมื่นปี

มุมปากเผ่าอันเดดยกสูงขึ้น เผยรอยยิ้มที่แฝงเจตนาชั่วร้าย

“เห็นไหม ศัตรูบุกเข้ามาแล้ว ระวังตัวด้วย! ส่วนผู้หญิงคนนี้ .. นายต้องการให้ฉันช่วยปกป้องได้นะ ว่าไง?”

ไม่รอให้ฉินเฟิงเอ่ยปาก ไป๋หลีตวาดสวนด้วยความเย็นชา “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน ไม่งั้นถ้าหัวแกหลุดขึ้นมา อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”

“ฮี่ ฮี่”เผ่าอันเดดไม่หวาดเกรงทัศนคติที่ไป๋หลีแสดงออกมา มันเพียงหัวเราะเบาๆ หันศรีษะแล้วเดินจากไป

ณ ขณะนี้ ฉินเฟิงไป๋หลีมองลอดออกไปทางหน้าต่าง เห็นแค่เพียงฝูงสัตว์ร้ายลอยผ่านไปผ่านมา โดยบนหัวของพวกมันมีเขาโค้งมนเมือนแกะ แต่ร่างกายกลับดูเหมือนค้างคาว

สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ แต่ละตัวมีขนาดถึง 200 เมตร แต่สำหรับสัตว์ร้ายอวกาศแล้ว ไม่ถือว่าใหญ่โตอะไรมากมาย แต่ประเด็นคือมันอยู่รวมกันเป็นฝูง แถมยังมีจำนวนนับล้านเนี่ยสิ

พยุหะกองทัพนี้ มิใช่สิ่งที่ยานอวกาศขนส่งเพียงลำเดียวจะต้านทานได้

ตูมมม!

ครืด ครืดดด!

สัตว์ร้ายเหล่านั้นเหินหาวไปมาในอวกาศ โฉบเข้าชนเรือ

ภายใต้การรุมโจมตีที่รุนแรงและต่อเนื่อง อีกไม่นานโล่พลังงานคงแตกสลาย ยานอวกาศหันหัวเปลี่ยนทิศทาง หลบหนีอย่างสิ้นหวัง

【ซ่าา ซ่าาา … 】เสียงสั่นสะเทือนดังมาจากนอกยานอวกาศ แต่ในเวลานั้นเอง พลังสมาธิสายหนึ่งพลันห่อหุ่มยานทั้งลำเอาไว้

“คนที่พร้อมสู้ จงลงจากเรือเสีย ส่วนคนที่กลัวตาย ก็อยู่ในเรือ แล้วกลับไปเสีย!”

สิ้นเสียง ช่องว่างมิติที่อยู่ใกล้ที่สุดพลันเปิดออกให้ผู้ใจไม่สู้จากไป

ทว่าผู้ใช้พลังที่เดินทางมายังทะเลดาราหมื่นปี หัวหอกล้วนเป็นกลุ่มเลเวล SSS ทั้งสิ้น เดิมพวกเขามาที่นี่เพราะรับภารกิจจากจ้าวเหนือหัว ดังนั้นแน่นอนย่อมไม่หวาดกลัวกองทัพสัตว์ร้ายอวกาศเหล่านี้

ด้วยเหตุนี้ เหล่าผู้ใช้พลังจึงเริ่มทยอยกันลงจากยาน ฉินเฟิงไป๋หลีเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ลงไปเช่นกัน

กัปตันยานอวกาศก็หวังให้เป็นเช่นนี้ ทิ้งผู้ใช้พลังให้อยู่ที่นี่ คอยสกัดฝูงค้างคาวเขาแกะเอาไว้ ตนและยานคู่ใจจะได้หลบหนีจากไปอย่างสะดวกสบาย

แต่กว่าฉินเฟิงจะลงจากยานอวกาศ ผู้ใช้พลังคนอื่นๆก็ลงมากันเกือบหมดแล้ว ท่ามกลางอวกาศที่ว่างเปล่า ขนาดตัวของมนุษย์ช่างเล็กจ้อย แต่พวกเขาก็มีพลังมากเช่นกัน หนึ่งในผู้ใช้พลังเลเวล SSS ระเบิดอบิลิตี้ไฟออกมา อวกาศโดยรอบลุกไหม้ แผดเผาค้างคาวเขาแกะตายเป็นฝูง

แต่การกระทำนี้ เห็นได้ชัดว่ามันกระตุ้นค้างคาวเขาแกะให้โกรธแค้น กองทัพอันน่าสยดสยองพรั่นพรึงไม่แยกกันโจมตี ถลาลงมาพร้อมกันในคราเดียว!

เพียงแต่ว่าโกรธไปมันก็ไร้ประโยชน์ เพราะคู่ต่อสู้ของพวกมันคือเลเวล SSS หลายคนโจมตีตอบโต้สวนกลับไป ค้างคาวเขาแกะที่อยู่แค่เลเวล S ถูกกวาดล้าง กองทัพแตกพ่าย กระเจิงหลบหนีไปอย่างสิ้นเชิง

สุดท้าย เหลือแค่คนขององค์กรมืดเท่านั้นที่ยังคงลอยอยู่ในอวกาศ

ฉินเฟิงไป๋หลีอยู่ไม่ไกลจากฝูงชน แต่ถึงอย่างไรเห็นได้ชัดว่าพวกเขาแตกต่างกับกลุ่มอื่นๆ มันสะดุดตาเกินไป

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เช่าไท่ตกใจที่ฉินเฟิงตัดสินใจมาเพียงลำพัง เพราะตอนนี้อย่างน้อยที่สุดมีเลเวล SSS ขององค์กรมืดอย่างน้อยหลายสิบคน และแต่ละคนไม่มีใครมาลำพัง พวกเขายกโขยงมาเป็นกลุ่มใหญ่ บางกลุ่มมีจำนวนมากเป็นพันคน แต่ฉินเฟิงไป๋หลีอยู่กันแค่สองคน จึงดูอ่อนแอและโดดเดี่ยว

ช่วงเวลานี้ เลเวล SSS เผ่าอันเดดคนเดิมก้าวผ่านเบื้องหลังของทั้งสอง ปรากฏว่ากลุ่มของเขามีจำนวนนับหมื่น! ทว่าพวกนี้ไม่ใช่คนจริง แต่น่าจะเป็นหุ่นเชิดของเผ่าอันเดด

เผ่าอันเดดเป็นอาชีพผู้ฝึกสัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุด สามารถสั่งสมกองทัพตน แล้วควบคุมในคราวเดียวได้เป็นจำนวนมาก

ส่วนลูกน้องของเขา ไม่มีใครหลงเหลือจิตสำนึกอยู่เลย ตรงจุดนี้อาจทำให้ประสิทธิภาพในการรบถดถอยไปบ้าง แต่ปริมาณของพวกมัน ถือว่าทดแทนตรงส่วนนั้นได้เช่นกัน

ผู้ใช้พลังเลเวล SSS คนอื่นๆ พอเห็นเผ่าอันเดดเลเวล SSS สายตาก็ตึงเครียดขึ้นทันที

“ที่แท้เป็นท่านปรมาจารย์ซามัวนี่เอง ถ้าฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ ฉันคงไม่มาหรอก!” ผู้ใช้พลังเลเวล SSS คนหนึ่งกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มเหมือนไม่ยิ้ม แต่การที่คนแข็งแกร่งระดับนี้ เรียกผู้อื่นด้วยคำขึ้นต้นว่าปรมาจารย์ นั่นหมายความว่าบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงย่อมมีอะไรพิเศษอย่างแน่นอน

ยังไงก็ตาม  พลังสมาธิที่ผู้ใช้พลังคนนั้นถ่ายทอดมา เป็นแค่เรื่องล้อเล่นกันขำๆ ต่อให้รู้ว่าซามัวก็รับภารกิจนี้เหมือนกัน เขาก็ไม่สนใจอยู่ดี

เพียงแต่ว่า ถึงเขาไม่สนใจ แต่คนอื่นๆเริ่มตึงเครียดกับสถานการณ์

“ครั้งนี้ซามัวก็มาด้วยหรือ เป็นปัญหาแล้วสิ”

“ระวังกันด้วยล่ะ อย่าปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเป้าหมายของเขา มิฉะนั้นต่อให้พวกเจ้าอยู่ภายใต้การดูแลของข้า ข้าก็มิอาจช่วยพวกเจ้าได้ เห็นหุ่นเชิดที่อยู่ข้างหลังเขาไหม? กองทัพเหล่านั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ใช้พลังมาก่อน”

ประเด็นก็คือ ข้างหลังนั่นไม่ใช่แค่ผู้ใช้พลังธรรมดาๆ แต่ทั้งหมดเป็นเลเวล S ขึ้นไปทั้งสิ้น! ภายใต้กลวิธีของซามัว ทั้งหมดค่อยๆถูกสะสมเป็นกองทัพพยุหะความตายของเขา

บางทีซามัวอาจไม่ใช่ภัยคุกคามต่อกลุ่มเลเวล SSS แต่สำหรับกลุ่มเลเวล SS และ S แล้วถือเป็นอันตรายใหญ่หลวง

“ฮี่ ฮี่ พวกนายอยากออกไปก็ไปเถอะ ว่าแต่คนในที่นี้ มีใครรู้จักมนุษย์คนนั้นบ้าง? พวกนายมีใครคิดจะร่วมมือกับเขารึเปล่า?”

ซามัวหันหน้าไปยังทิศทางของฉินเฟิงไป๋หลี

ครั้งก่อนเขาไปตรวจสอบฉินเฟิงมาแล้ว อันที่จริงเขาสัมผัสได้ลางๆว่าพลังธาตุมืดของฉินเฟิงแข็งแกร่งมาก แต่ขณะเดียวกัน ยังสัมผัสได้ว่าร่างกายของฉินเฟิงค่อนข้างอ่อนแอ ในความคิดของเขา ฉินเฟิงจริงๆแล้วน่าจะไม่ใช่ผู้ใช้พลังระดับสูง แต่มีวิธีซ่อนตัวที่แนบเนียน และมาที่นี่เพื่อลองเสี่ยงโชค

ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋หลีที่อยู่ข้างกายฉินเฟิงยังเป็นสัตว์ร้ายในรูปลักษณ์มนุษย์ คาดว่าคงใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์เป็นระยะเวลานาน สัตว์ร้ายดังกล่าวต้องมีพันธสัญญาอยู่แน่ ตราบใดที่ซามัวสังหารฉินเฟิง แล้วยึดครองร่างของอีกฝ่าย สัตว์ร้ายรูปลักษณ์มนุษย์ตัวนี้ก็จะกลายเป็นของซามัวโดยปริยาย

ดังนั้นเป้าหมายแรกที่ซามัวเพ่งเล็งในภารกิจนี้ คือฉินเฟิง

ผู้ใช้พลังคนอื่นๆในทิศทางเดียวกัน เมื่อได้ยินคำถามนี้ ต่างหลีกซ้ายถอยขวา ปล่อยให้ฉินเฟิงยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง

“ฉันไม่รู้จัก!”

“อย่าไปยุ่งกับเจ้านั่น ไม่อย่างงั้นพวกเราจะพลอยตกเป็นเป้าหมายของซามัวไปด้วย!”

“เขาช่างโชคร้ายอะไรอย่างนี้!”

เรื่องอะไรแบบนี้ไม่มีคนอยากยุ่งเกี่ยว ทั้งหมดที่ไม่ใช่เลเวล SSS พากันตอบปฏิเสธ ไม่อยากมีปัญหากับซามัว แยกย้ายกันไปคนละทิศทาง ส่วนผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งย่อมอยู่ต่อ เพื่อรอรับชมเรื่องสนุก

เพียงแต่ว่าในเวลานี้ ฉินเฟิงหันมาสบตากับซามัว ก็เข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายทันที และพบว่าเผ่าอันเดดผู้นี้ช่างโง่เขลานัก

“เห~ มองหน้าหาเรื่องตายใช่ไหม? เดิมทีผมก็ไม่คิดจะวุ่นวายอะไรกับคุณ แต่ในเมื่อคิดมีปัญหากันแบบนี้ ถ้างั้นกองทัพแห่งความตายข้างหลังนั่น ผมขอรับช่วงต่อก็แล้วกัน!”

พลังสมาธิระดับเทวะของฉินเฟิงระเบิดออกมาทันที

“แค่คุยโวน่ะ ใครๆมันก็พูดกันได้! ฮึ่ม!”

แม้พลังสมาธิของฉินเฟิงจะอยู่ในระดับเทวะ แต่ความแข็งแกร่งของซามัวอยู่ที่เลเวล SSS3  ดาวเคราะห์มืดมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เมตร ซึ่งในความรู้สึกของเขา เพียงเท่านี้ก็นับว่ามากพอแล้วที่จะบดขยี้ฉินเฟิง

วินาทีต่อมา ดาวเคราะห์ทมิฬของซามัวปรากฏขึ้น โถมกดทับไปยังทิศทางของฉินเฟิง

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็นชา อัญเชิญดาวเคราะห์ทมิฬของตนออกมาในทำนองเดียวกัน

ช่วงเวลานี้  เสมือนสองมิติก่อตัวขึ้น ภายใต้แรงการตุ้นของพลังสมาธิ พวกมันปะทะเข้าใส่กันและกัน

ทว่า ณ จุดนี้ ซามัวค่อยตระหนักถึงความผิดปกติ

“นั่นมันอะไร? เป็นไปได้ยังไงกัน!”

ซามัวพบว่าดาวเคราะห์ทมิฬที่ศัตรูอัญเชิญออกมา มีเส้นผ่านศูนย์กลางมหึมาเกินกว่าที่ผู้คนจะจินตนาการได้ น่ากลัวว่านั่นจะเป็นแก่นอบิลิตี้ที่ตัวตนระดับจ้าวเหนือหัวเท่านั้นที่จะครอบครอง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อันน่าเหลือเชื่อนี้กลับเกิดขึ้นตรงหน้า มันให้ความรู้สึกเหมือนซามัวได้เอาหัวไปโขกเข้ากับแผ่นเหล็ก โขกอย่างแรงจนแตกเลือดตกยางออก !

เขาต้องการที่จะหลบหนี แต่มันก็สายเกินไป

ดาวเคราะห์ทมิฬสองดวงชนกัน จากนั้น รูนแห่งความมืดระเบิดออก แตกกระเจิงไปทั่วอวกาศ

ซามัวถูกคลื่นยักษ์ที่เกิดจากอักษรรูนมืดมหาศาล อัดกระเด็นออกไปทันที เสี้ยววินาทีต่อมา หัวเขารู้สึกราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

“อ๊าากกกก!!” ซามัวร้องลั่น

ดาวเคราะห์ทมิฬของเขายุบตัวลงอย่างรวดเร็ว พลังสมาธิคล้ายโดนฉีกทึ้ง บังเกิดความเจ็บปวดชนิดไม่อาจบอกบรรยาย

เมื่อคลื่นยักษ์อันบ้าคลั่งผ่านพ้นไป ก็เกิดเสียงดังโผล๊ะ!

--ตำแหน่งเดิมที่เคยมีหัวของซามัว บัดนี้กลายเป็นว่างเปล่า