ตอนที่ หนึ่ง
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
ท่านนั้นกว้างใหญ่และไพศาลยิ่งกว่ามัตยะตนใดจะพรรณนาได้ แต่ตนที่กำลังเรียกหาท่านอยู่นี้, เจ้าผู้อัญเชิญ, อยากให้ท่านบีบตัวให้เล็กลงจนกระท้อมกระแท้ม. มัตยะตัวน้อยตนนี้ร้องขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ด้วยความหน้ามืดตามัวนั้น, พอคิดๆดูแล้วกลับทำให้ท่านอภิรมย์นัก.
บิดไป, พลิกมา, แล้วบีบอัดมวลที่ท่านมีอยู่. ช่องว่าง* นั้นเป็นสิ่งไม่เที่ยง, มันสามารถทำตามที่ท่านต้องการได้. ด้วยเสียงคำราม, ฟิสิก์ผกผันไปมาด้วยความเหยียดหยามที่ท่านมีต่อกฏของมัน. มันกระทบกับท่านไปมาระหว่างที่กระทำอยู่แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ปล่อยไปได้ง่ายๆราวกับกลิ่นเหม็นชั่วขณะ.
ในพริบตาเดียวท่านก็มิใช่เอ็นทิตี้*แห่งเดอะวอยด์อีกต่อไป.
****
บนเพดานนั้นมีคานไม้อยู่, ส่วนนึงเปื้อนไปด้วยควันเขม่าสีดำ. ท่านรับรู้ได้เพราะท่านกำลังนอนหลังชิดพื้นอยู่, นั่นทำให้ท่านเห็นภาพที่ยอดเยี่ยม.
ท่านย่นจมูกเพราะได้กลิ่นซัลเฟอร์ที่เหม็นไหม้กับสิ่งหวานอ่อนๆบางอย่าง, จากนั้นท่านก็ย่นจมูกอีกครั้งก็เพราะท่านทำได้. ตอนนี้ท่านมีจมูกแล้ว. นี่มันนิยายชัดๆ.
แน่นอนมันเป็นเรื่องปกติทั้งนั้นนั่นแหละ. ท่านคือสิ่งที่มีกายเนื้อแล้วตอนนี้. ท่านมีส่วนที่หยุ่นๆครอบส่วนที่แข็งๆ. ทุกอย่างนั้นค่อนข้างน่าขยะแขยงและน่าจะไม่ถูกอนามัยอีกด้วย. ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหล่ามัตยะถึงตายได้ทั้งนั้น. แรงกระทบเบาๆนิดเดียวก็ทำให้ถุงเนื้อที่เรียกว่าบ้านนี่แหลกเป็นเสี่ยงๆได้.
มีเสียงดังออกมา. ท่านรู้เพราะท่านมีหูแล้ว.
ท่านกระดิกรยางค์แล้ว, หลังจากที่มันไม่ขยับเลยพักหนึ่ง, ท่านจึงหมดความอดทนกับรยางค์ของกายเนื้อมัตยะนี่. ท่านเอื้อมเข้าไปในช่องว่างระหว่างช่องหว่างทั้งหลายเพื่อเอาตัวของท่านออกมาเพิ่มจากนั้นก็ดึงเศษของเศษของแก่นของท่านเข้ามาในกายมัตยะนี่. มันมีเสียงฉีกดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระเฉาะ.
ความอบอุ่นหลั่งไหลเข้ามาที่หลังของท่านจากนั้นท่านก็เห็นบ่อเลือดสีดำรอบๆตัวท่าน.
นั่นคงไม่ดีสินะ. แต่อย่างน้อยตอนนี้ท่านก็ไม่ถูกจำกัดแค่รยางค์ทั้ง4อีกต่อไปแล้ว. รยางค์ใหม่หลายชิ้นพรั่งพรูออกมาจากหลังของท่านราวกับปีกของเทวดา. แต่ที่ไม่เหมือนกับเจ้าพวกกระจอกนั่นคือปีกของท่านเป็นสีดำและดุ๊กดิ๊กไปมาและเหนอะหนะเล็กน้อยเพราะเลือดของท่านด้วย. ปีกพวกนั้นไม่มีทั้งกระดูกและขนใดๆ.
พวกมันเป็นหนวด.
ปีกหนวด.
พวกเทวดานั่นเทียบท่านไม่ติดเลย.
บัดนี้ท่านก็สวมใส่ของพร้อมแล้ว, ท่านพยายามลุกขึ้นขณะที่หนวดของท่านทิ่มลงไปกับพื้นพร้อมพยุงตัวท่านให้ขึ้นมายืนได้.
ในห้องนั้นมีถุงเนื้ออยู่2ถุง. พวกมันมีขนาดเล็ก, พร้อมกับกระดูกน้อยๆน่ารักที่มีเนื้อครอบคลุมอยู่. ตัวหนึ่งมีขนยาวสีน้ำตาลบนหัวของนางส่วนอีกคนเป็นสีดำ. บางทีขนนั่นอาจจะมีความหมายบางอย่าง. ท่านต้องหาคำตอบให้ได้และใช้ขนที่ท่านมีอยู่เพื่อบอกให้มัตยะนั่นได้รู้ว่าท่านเป็นสิ่งที่มิอาจมาล้อเลียนด้วยได้.
เด็กหญิงคนหนึ่งก้าวออกมา, คนที่ตัวสั้นที่สุดในสองคนนั้นและคนที่ท่านคาดว่าน่าจะเป็นผู้อัญเชิญท่านมา. นางเปิดรูบนหน้าออกแล้วก็มีเสียงดังออกมา.
ท่านกะพริบตาให้กับเสียงพิลึกผ่านลำคอนั่น. นี่มันปัญหา. แต่แน่นอนว่าท่านก็มีทางออกง่ายๆให้ได้เช่นกัน. ท่านแค่จำเป็นต้องฉีกความรู้ออกมาจากหัวของผู้อัญเชิญท่าน. ทุกๆอย่างที่เหล่ามัตยะนี่รู้จะถูกเก็บไว้ในอวัยวะเนื้อแน่นที่อยู่ในหัวนั่น. เป็นวิธีทำสิ่งต่างๆที่ไม่มีประสิทธิภาพเสียจริงๆ แต่พวกมันเป็นมัตยะล้าหลัง จะคาดหวังอะไรได้เล่า?
ท่านง้างหนวดเส้นหนึ่งเตรียมพร้อมที่จะเจาะมันทะลุเข้าไปในกระโหลกของผู้อัญเชิญท่านเพื่อชิ้นส่วนสมองชุ่มช่ำด้านในแล้วท่านก็ชะงักไป. หากเจาะทะลุผ่านกระโหลกไปผู้อัญเชิญจะไม่ถูกทำลายหรอกรึ?
ทางที่ดีที่สุดคือใช้แรงกดส่วนบนของหัวผู้อัญเชิญแล้วสกัดความรู้ภาษาเนื้อเผยิบผยาบนั่นมาจะดีกว่า. แม้จะไม่มีประสิทธิภาพเท่าแต่ก็น่าจะใช้ได้.
ท่านก้าวออกไปจากนั้นโลกก็หมุนแล้วจมูกใหม่เอี่ยมของท่านก็เจ็บปวดเพราะมันจูบกับพื้นด้วยเสียงดังแผละ.
เจ้าฟิสิกส์ชั่ว! มันพยายามทำลายความอภิรมย์ของท่านด้วยการดึงเนื้อหยุ่นๆของท่านลงไปที่พื้น.
การเดินไม่น่าจะยุ่งยากหากเหล่ามัตยะยังทำได้แต่เจ้าสองตัวกลับยืนนิ่งๆไม่ช่วยแสดงศาสตร์แห่งการเดินในวิธีที่ง่ายต่อการย่อยเลยงั้นรึ. ได้, ท่านไม่จำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือจากพวกมันอยู่แล้ว. หนวดของท่านช่วยนำท่านกลับมายืนตรงอีกครั้ง.
ท่านยกแขนหนึ่งข้างขึ้นมาแล้วเอื้อมไปหาศีรษะของผู้อัญเชิญ.
ท่านรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อบนใบหน้าของท่านที่กำลังยู่หากันในขณะที่พยายามเอื้อม. บางทีท่านอาจจะไม่สามารถแตะศีรษะของผู้อัญเชิญได้เพราะท่านไม่ได้ยืนขึ้นสูงที่สุด? ต้องใช่แน่, ท่านจึงตัดสินใจ.
ท่านยืนขึ้นให้สูงที่สุด.
…..
ท่านยืนขึ้นสูงที่สุดแล้ว.
ท่านกะพริบตาเนื้อแน่นของท่านจากนั้นก็มองลงมา.
พื้นอยู่ใกล้มากๆ. ท่านมองขึ้นไปอีกครั้ง. ผู้อัญเชิญท่านสูงกว่าท่าน. สูงกว่า2ศีรษะได้.
นี่มันปัญหา.
แต่ปัญหาทุกอย่างก็มีทางออก. และทางออกที่ดีที่สุดนั้นย่อมมีหนวดเข้ามาเกี่ยวด้วยเสมอ. ท่านยืดหนวดของท่านไปพันรอบๆกับคานบนเพดาน จากนั้นก็ใช้หนวดที่เหลือผลักท่านให้ลอยขึ้นจากพื้นจนท่านลอยต่องแต่งอยู่กลางห้อง. ผู้อัญเชิญท่านถอยกลับไปจากท่านซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่มิอาจยอมรับได้. ท่านเอาหนวดไปพันรอบเอวของนางแล้วดึงเข้ามาใกล้ๆ.
ตอนนี้ท่านสูงกว่าผู้อัญเชิญท่านแล้ว, สูงพอเหมาะที่จะเอื้อมแล้วก็….
มือแตะที่หัว. สายใยที่ไม่สมบูรณ์เฉพาะในแดนนี้และช่วงเวลานี้หลั่งไหลผ่านเข้าไปในจิตใจของผู้อัญเชิญท่าน, มองผ่านเรื่องที่น่าเบื่อไปจนถึงส่วนที่แสดงการพูดและความรู้เรื่องวิธีการขยับส่วนเผยิบผยาบบนหน้าจนในที่สุดก็สื่อสารเป็น.
อ้อ, ท่านต้องใช้ลิ้นของท่านนี่เอง. มันคือสิ่งที่เจ้าหนวดเล็กๆไร้ประสิทธิภาพบนหน้าของท่านมีไว้สินะ.
ผิดหวังจริง.
ท่านกระแอมคอขณะที่นำมือออกจากหัวของผู้อัญเชิญท่านจากนั้นก็ค่อยๆนำนางลงบนพื้นอย่างทุลักทุเล. ทันทีที่นางออกจากเอื้อมของท่านไป ท่านก็รู้สึกขาดอะไรไป, ราวกับว่าท่านเผลอชนกับหลุมดำเข้าโดยบังเอิญแล้วเสียตัวท่านไปส่วนนึง.
ท่านจะต้องทดลองดูว่าหากนำหนวดไปพันรอบตัวผู้อัญเชิญของท่านเพิ่ม จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่แต่นั่นก็เป็นปัญหา (แต่ก็เป็นอีกครั้ง, ที่มันสามารถแก้ไขได้ด้วยหนวด) ในภายหลัง. ท่านคงไม่มีความหมายอะไรเลยหากมิใช่มหาแห่งการควบคุมตนเอง.
“สวัสดี” ท่านกล่าว.
“อ๊ะ” เด็กผู้หญิงกล่าวตอบ. จริงๆเลย, ผู้อัญเชิญท่านขาดหลายสิ่งหลายอย่างมาก. คงจะดีซะกว่าหากเก็บนางให้ปลอดภัยไว้ในรังไหมที่ทำจากก้อนเนื้อทั้งก้อนของท่าน-- ท่านส่ายศีรษะเนื้อของท่านแล้วตั้งสติใหม่. แล้วนางก็กล่าวต่อ “สวัสดีจ่ะ” นางกล่าว “ชื่อของชั้นคืออบิเกล”
ชื่องั้นรึ.
ใช่. ท่านเองก็ต้องใช้มันเช่นกัน. จากนั้นก็ต้องเสาะหาว่าเหตุใดมัตยะตนนี้ถึงเรียกหาท่าน.
*เตือนความจำอีกรอบครับ. ช่องว่างผมใช้แทนคำว่าอวกาศครับ เพราะเดี๋ยวหลังๆจะมีท่อนที่ทำให้มันดูเม้คเซ้นส์ขึ้น*
*เอ็นทิตี้ (Entity) แปลว่าตัวตนครับ เนื่องจากหาคำไทยมาแปลยากมากเลยใช้ทับศัพย์ไป ทางการเองก็บัญญัติทับศัพท์เหมือนกันครับ*