ตอนที่แล้วEp.1053 - มิติบาฮามุทล่มสลาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1055 - เผ่าอันเดดซามัว

Ep.1054 - ทะเลดาราหมื่นปี


Ep.1054 - ทะเลดาราหมื่นปี

ณ เมืองลอยฟ้าแห่งความมืด

ที่นี่คือมิติที่เต็มไปด้วยข่าวสาร มีข้อมูลนับไม่ถ้วนถูกส่งเข้ามาตลอดเวลา

ในโรงเตี๊ยมเล็กๆ มนุษย์สี่คนกำลังจับกลุ่มนั่งล้อมวงกันอยู่หน้าโต๊ะ และสองในสี่ คือฉินเฟิงไป๋หลี

ส่วนอีกสองคน คือเทพวูดูและเช่าไท่ที่ถูกฉินเฟิงใช้เทคนิคควบคุมวิญญาณ

ท่าทีของทั้งสองเปี่ยมไปด้วยความเคารพนับถือ แสดงออกกระทั่งอารมณ์บางอย่างที่อยู่นอกเหนือพันธสัญญา

เพราะท้ายที่สุดแล้ว  ฉินเฟิงเพิ่งสังหารเผ่ามังกรเลเวล SSS ลง ปัจจุบันความแข็งแกร่งของเจ้านายพวกเขา ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งในมิติบลูสตาร์เป็นที่เรียบร้อย

“ท่านจอมมาร ข้อมูลนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับท่าน”

ทั้งสี่ก้มลงมองข้อมูลบนอุปกรณ์สื่อสาร ฉินเฟิงไป๋หลีกำลังเรียนรู้เรื่องราวของพันธมิตรองค์กรมืด ศึกษาเกี่ยวกับภารกิจและข้อมูลบางประการที่ได้รับการเผยแพร่ ถึงแม้มีหลายรายการที่ดูดี แต่ก็มีกับดักอยู่มากมาย

ซึ่งคราวนี้ เทพวูดูกับเช่าไท่ช่วยเหลือฉินเฟิงได้มากทีเดียว เพราะถึงอย่างไรเสีย ทั้งสองอยู่ในพันธมิตรองค์กรมืดมาเป็นเวลานาน ซึ่งด้วยทรัพยากรและความแข็งแกร่งของทั้งสอง อยู่มาได้นานขนาดนี้โดยที่ยังไม่ตาย ย่อมหมายความว่าพวกเขามีไหวพริบและรู้จักเล่ห์เหลี่ยมคนพอสมควร

ฉินเฟิงอ่านข้อมูลที่เทพวูดูเสนอขึ้นมา

“ภารกิจช่วยกันออกค้นหาดาวเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัวในทะเลดาราหมื่นปีให้แก่จ้าวเหนือหัว?” ฉินเฟิงพออ่านจบ ก็ยังไม่เห็นว่าภารกิจนี้มันเกี่ยวอะไรกับเขา แต่ในเมื่อเทพวูดูยกมันขึ้นมาพูด แสดงว่าต้องมีเหตุผล

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เทพวูดูเอ่ยปากว่า “ท่านจอมมาร ไม่ใช่ว่าท่านกำลังต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางกายภาพหรอกหรือ เต่าสัตว์ร้ายตัวนี้ นับเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว หากท่านค้นพบดาวเคราะห์ที่เกิดจากการเปลี่ยนร่างของมัน ค้นพบดาวเคราะห์ที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายพลังชีวิตอันน่าตื่นตะลึง และข้างในเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตระดับเทวะอาศัยอยู่นับไม่ถ้วน น่าจะสามารถดูดซับพวกมันได้”

“อีกทั้งเมื่อจ้าวเหนือหัวเข้าไปสังหารเต่ายักษ์ที่นั่น เขาอาจเหลือทิ้งวัสดุบางอย่างเอาไว้ก็ได้ ถึงจะแค่นิดเดียว แต่สำหรับพวกเรามันมีค่ามาก”

ซึ่งอะไรแบบนี้ ผู้ใช้พลังหลายคนชอบมาก ไม่เพียงมีโอกาสรอดชีวิตสูงภายใต้การคุ้มครองของจ้าวเหนือหัว แต่เมื่อจ้าวเหนือหัวได้กินเนื้อ พวกเขายังได้ส่วนแบ่งซุปตาม

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!”

ฉินเฟิงไม่มีกำลังมากพอที่จะล่าสัตว์ร้ายระดับจ้าวเหนือหัวได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ร่างกายของฉินเฟิงกับอีกฝ่ายมีลักษณะทางชีวภาพที่แตกต่างกัน ถึงแม้พลังสมาธิและกำลังภายใน ฉินเฟิงจะไปถึงระดับมาตรฐานของจ้าวเหนือหัวแล้วก็ตาม ทว่าจ้าวเหนือหัวก็มีทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่งปะปนกันไป ซึ่งฉินเฟิงยังไม่ทราบ ว่าตัวที่กำลังจะไปเจอ จะอ่อนแอมากพอที่เขาจะรับมือได้หรือไม่

‘อืม … ภารกิจนี้จริงๆแล้วก็ฟังดูอันตรายอยู่เหมือนกัน’

ฉินเฟิงไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยังมิได้เอ่ยขัด ปล่อยให้เทพวูดูพูดต่อไป

“สำหรับภารกิจนี้ ทุกคนสามารถให้ข้อมูลแก่จ้าวเหนือหัวได้ทุกเมื่อ ลองจินตนาการเอาเถิดว่าเต่ายักษ์ที่มีขนาดเท่าดาวเคราะห์ มันจะมีใหญ่โตแค่ไหน ถ้าออกตามหาแล้วล่ะก็ ยังไงก็ต้องพบมันได้อย่างแน่นอน!”

เช่าไท่ปกติไม่ค่อยมีโอกาสได้แสดงความสามารถนัก ดังนั้นเวลานี้รีบเอ่ยแทรกและกล่าวว่า “จะว่าไปภารกิจนี้ก็มีอันตรายอยู่เหมือนกัน เพราะหากเราค้นพบเป้าหมายพร้อมกับคนอื่นๆ อีกฝ่ายอาจสังหารเราได้ แล้วชิงรายงานเรื่องนี้แก่จ้าวเหนือหัวแทน และเมื่อรอจนจ้าวเหนือหัวปรากฏตัว สังหารเต่ายักษ์ คนที่เหลือก็จะเกิดการแย่งชิงของเหลือสินสงครามกัน”

“วิธีการของพันธมิตรองค์กรมืด ฟังดูโหดร้ายจังเลยนะ” ไป๋หลีกล่าว

เพราะหากเป็นฝ่ายพันธมิตรมนุษย์ พวกเขาจะมีการระบุรางวัลอย่างชัดเจน แต่ที่นี่ คนขยันไม่อาจสู้คนคดโกงได้

และในเมื่อขยันทำงานหนักไปก็ไม่ได้ผลประโยชน์ เช่นนั้นก็อยู่เฉยๆแล้วหาจังหวะสังหารคนอื่นแล้วช่วงชิงผลประโยชน์ไปจะดีกว่า ดังนั้นการลอบสังหารจึงเป็นกลยุทธที่นิยมกันมาก

นี่แหละคือพันธมิตรองค์กรมืดอันแสนโหดร้าย

ไม่จำเป็นต้องมีความแค้นใดๆต่อกัน แค่อยากฆ่าก็ฆ่า!

แต่สำหรับฉินเฟิงในตอนนี้  ตราบใดที่เขาไม่มีความขัดแย้งกับจ้าวเหนือหัว พันธมิตรองค์กรมืดคนอื่นๆ มีหรือจะเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้?

“เอาล่ะ งั้นก็สมัครเข้าร่วมภารกิจนี้ซะ แล้วดูภารกิจอื่นกันต่อ”

ข่าวสารได้รับการอัพเดทอย่างต่อเนื่อง ฉินเฟิงไม่ต้องการตัดสินใจอย่างเร่งรีบ

เพียงแต่ว่าภารกิจหลังจากนั้น ส่วนใหญ่ไม่เหมาะกับฉินเฟิง เป้าหมายของเขาคือการสังหารและเข่นฆ่า อยากได้สนามรบที่มีสัตว์ร้ายอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการล่าเต่ายักษ์จึงเป็นตัวเลือกแรก

“โอเค งั้นช่วยพาฉันไปยังมิติภารกิจที!” ฉินเฟิงตัดสินใจในที่สุด

เช่าไท่เรียกยานอวกาศให้ฉินเฟิง ทะเลดาราหมื่นปี ประกอบไปด้วยดาวเคราะห์หลายหมื่นดวงในมิติ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก ทว่าทรัพยากรในดวงดาวเหล่านั้น มีหลายดวงที่หมดลงไปตามกาลเวลาเช่นกัน

แต่ขณะเดียวกัน ในอวกาศที่นั่นมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่มากมาย ดังนั้นหากไม่มียานอวกาศ ก็ยากที่จะที่ที่ซุกหัวพักผ่อน

ฉินเฟิงรับยานอวกาศมาอย่างไม่เกรงใจ เพียงแต่ว่าจนกระทั่งเวลานี้ ฉินเฟิงกลับไม่มีท่าทีหรือเอ่ยปากว่าจะพาเทพวูดูกับเช่าไท่ไปด้วยเลย

“เอ่อ … ท่านจอมมาร ตามปกติแล้ว ผู้ใช้พลังเลเวล SSS จะพาลูกน้องของพวกเขาไปด้วย เพื่อช่วยเสริมกำลังรบและออกค้นหา!”

ภารกิจที่ประกาศโดยจ้าวเหนือหัว คนที่กล้ารับภารกิจย่อมไม่พ้นตัวตนทรงอำนาจเลเวล SSS จากนั้นก็นำพวกเลเวล SS หรือ S ติดตามมาด้วย

ในกรณีเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าผู้ติดตามเลเวล SSS เพียงคนเดียวอาจมีจำนวนนับร้อยคน! แต่ฉินเฟิงที่กำลังจะออกเรือกลับไม่มีความคิดที่จะนำลูกน้องตามไปด้วยเลย?

ฉินเฟิงย้อนนึกไปถึงเผ่ามนุษย์ในมิติเผ่ามังกร แต่ถ้าจะให้คนพวกนั้นเดินทางมาด้วยหรือเข้าร่วมกับองค์กรมืด ฉินเฟิงคิดว่าไม่ดีกว่า

“ไม่จำเป็น พวกคุณตามไปก็ไม่มีประโยชน์ ดีไม่ดีหากเผชิญอันตรายขึ้นมาอาจถึงตายได้”

“ถ้าอย่างนั้น … ท่านจอมมารโปรดระวังตัวด้วย!”

แม้สิ่งที่ฉินเฟิงกล่าวจะเป็นความจริง แต่เช่าไท่กับเทพวูดู ที่เฝ้ามองยานอวกาศจากไปอย่างเดียวดาย ก็อดรู้สึกเสียดายเล็กน้อยไม่ได้

ทว่าความรู้สึกเหล่านี้ ย่อมไม่ส่งมาถึงฉินเฟิง

พันธมิตรองค์กรมืดไม่มีการสร้างประตูมิติแบบตั้งทิ้งไว้ แต่ให้ผู้คนใช้ยานอวกาศเดินทางไปยังเมืองลอยฟ้าในมิติต่างๆแทน นี่ก็เพื่อความยืดหยุ่นในการเคลื่อนย้ายและป้องกันที่ดีกว่า

ฉินเฟิงพาไป๋หลีขึ้นยานอวกาศที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้ มุ่งหน้าไปยังทะเลดาราหมื่นปี บางทีอาจเป็นเพราะนี่คือภารกิจของจ้าวเหนือหัว ทำให้บนยานอวกาศมีผู้คนมากมาย ฉินเฟิงกับไป๋หลีแทบไม่สะดุดตา

สองชั่วโมงต่อมายานอวกาศก็เริ่มทำการจั๊มป์มิติ เข้าสู่ทะเลดาราหมื่นปี

ฉินเฟิงไป๋หลีมองกระจกข้างของเรือ พลังสมาธิของเขาและเธอมิได้แพร่กระจายออกไป แต่ทั้งสองกลับรู้สึกว่า ทะเลดวงดาวเหล่านี้ กำลังเคลื่อนไหวไปมา และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชีวิตที่แข็งแกร่ง

“ทะเลดวงดาวในที่นี้ มีหลายมิติมากที่กำลังเติบโต แต่หลายคนกลับแค่มองผ่านตา ไม่เข้ายึดครองพวกมัน!” ดวงตาของไป๋หลีเปล่งประกาย

“เพราะบนนั้นน่าจะมีสัตว์ร้ายอยู่ข้างใน ไม่งั้นก็คงมีเจ้าของแล้ว!” ฉินเฟิงกล่าว

ขณะทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ผู้ร่วมทางคนหนึ่งที่เดินผ่านมาพลันชะงักไป อีกฝ่ายมีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับมนุษย์ ผิวซีดเหมือนกับมะนาว เขาคือเผ่าอันเดด

ว่ากันว่าเผ่าพันธุ์นี้เป็นอมตะ แต่จริงๆแล้วพวกเขาใช้เทคนิคพิเศษในการรักษาจิตสำนึก , ร่างกายเอาไว้ เป็นรูปแบบชีวิตที่มีอักษรรูนมืดอยู่เป็นจำนวนมาก บางทีเขาอาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมืดของฉินเฟิง เลยหยุดเดิน

“นายซ่อนตัวได้แนบเนียนมาก ฉันมองไม่ออกเลย ว่าความแข็งแกร่งของนายไปถึงเลเวล SSS แล้วรึยัง” พลังสมาธิของอันเดดดถ่ายทอดออกมา ทว่าสายตาอีกฝ่ายกลับจับจ้องอยู่ที่ไป๋หลี โล่พลังสมาธิของไป๋หลี อ่อนแอกว่าเลเวล SSS ดังนั้นถูกตรวจสอบได้ทันที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปลักษณ์ของเธอ กลายเป็นเส่นห์ดึงดูดที่อันตรายถึงตาย

ฉินเฟิงขมวดคิ้ว แต่ก็สลายมันไปอย่างรวดเร็ว เอ่ยอย่างเฉยชา “ก็พอตัว”

เผ่าอันเดดยิ้มออกมา “พาลูกน้องมาแค่คนเดียวเองหรือ? ไม่กลัวว่าจะเจออันตรายอะไรเลย? รู้รึเปล่าว่าทะเลดาราหมื่นปีเป็นดงสัตว์ร้าย มนุษย์แทบไม่สามารถเดินเตร่ในสถานที่แบบนี้ได้ ด้วยกำลังของคนเพียงสองคน ยังถือว่าอ่อนแอเกินไป!”

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะปากพาซวยของเผ่าอันเดดหรือไม่ ทันทีที่ประโยคนี้จบลง ระบบเตือนภัยบนยานอวกาศ จู่ๆก็ส่งเสียงไซเรนสนั่นแสบหูอย่างไม่มีใครทันได้ตั้งตัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด