ตอนที่ 439 ลูกศรทะลุทะลวง
ตอนที่ 439 ลูกศรทะลุทะลวง
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ฮั๊วยู่จิงมั่นใจว่านางจะต้องตายแน่ถ้าหากถูกลูกศรพลังงานที่ทั้งแข็งแกร่งและรวดเร็วเข้าโจมตี ความคิดมากมายหลายอย่างปรากฏขึ้นมาในใจของนางในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างหายใจอย่างช้าๆ นางก็รู้สึกเสียใจที่ยังไม่ได้ทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่นางยังทำไม่ทำสำเร็จ...นางไม่ได้คาดหวังว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าจะปรากฏตัวขึ้น การปรากฏตัวของลู่โจวทำให้ฮั๊วยู่จิงกลับมารู้สึกปลอดภัยอีกครั้ง นางได้คุกเข่าลงในทันที “ข้าฮั๊วยู่จิงขอบคุณท่านปรมาจารย์จริงๆ ที่ช่วยชีวิตข้าไว้”
ลู่โจวโบกมือกลับมา ในตอนนั้นเองก็มีพลังงานพยุงตัวนางให้ลุกขึ้น “นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำอะไรแบบนั้น”
“ค่ะ ท่านปรมาจารย์” ฮั๊วยู่จิงรีบลุกขึ้นยืน นางได้ง้างธนูจันทราออกมาอีกครั้ง “ที่ป่าทางตะวันตกเฉียงใต้จะต้องมือยอดมือธนูคอยซุ่มโจมตีอยู่แน่”
“เจ้านั่นก็แค่ผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบเท่านั้น” ลู่โจวได้พูดออกมาในขณะที่ลูบเคราของตัวเอง
“หะ?”
ลู่โจวก้าวไปที่ด้านหน้า ภายนอกห้องโถงใหญ่ ลู่โจวได้เหลือบมองไปยังสนามการต่อสู้
...
ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้เห็นลูกศรพลังงานก่อนหน้านี้ก็ตกใจเช่นเดียวกัน ฮั๊วยู่จิงไม่สามารถใช้พลังในการมองเห็นได้ในตอนที่แสงจันทร์สว่างจ้าแบบนี้ ดวงตาของฮั๊ววู่เด๋าเบิกกว้างก่อนที่จะกลายเป็นสีแดง ตัวเขารู้สึกว่าร่างกายอันแก่ชรารวมไปถึงหัวใจของตัวเองได้แตกสลาย ฮั๊ววู่เด๋าขยับแขนก่อนที่จะสลัดมือออกจากเล้งลั่ว “ฮั๊วยู่จิง...”
“ผู้อาวูโสฮั๊ว เจ้าคิดที่จะทำอะไร?” เล้งลั่วขมวดคิ้ว เมื่อเปรียบเทียบกันเล้งลั่วเป็นคนที่สงบเยือกเย็นและมีเหตุผลที่มากกว่ามาก
ฮั๊ววู่เด๋าเลือกที่จะก้าวไปข้างหน้าแทนที่จะถอยกลับ
สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าที่เห็นแบบนั้นได้แต่พูดออกมาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ “ผู้อาวุโสฮั๊ว เขาเสียสติไปแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
แต่ทว่าฮั๊ววู่เด๋าก็ไม่ได้ยินอะไร ดวงตาของเขาที่ลุกเป็นไฟได้ทำให้ฮั๊ววู่เด๋าปลดปล่อยพลังอักษรทั้งเก้าออกมาจากร่างกาย พลังลมปราณในร่างกายของฮั๊ววู่เด๋าเดือดพล่าน ตัวเขาได้กู่ร้องออกมาด้วยความแค้น “เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
ฮั๊ววู่เด๋าได้ใช้พลังผนึกตราประทับทั้งหกที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
ปรมาจารย์แห่งสำนักเซียนสวรรค์ ปรมาจารย์แห่งเต๋าจือหยวนที่กำลังพุ่งไปข้างหน้าตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น
รูปแบบการต่อสู้ที่ฮั๊ววู่เด๋าใช้มาตลอดนั่นก็คือการปกป้องทุกสรรพสิ่งด้วยความอดทน ในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมาฮั๊ววู่เด๋าต้องต่อสู้กับปมภายในใจตลอดเวลาเพียงเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองสามารถฝึกฝนวิชาที่เรียบง่ายให้แข็งแกร่งจนถึงที่สุดได้ มันคือความแน่วแน่ของตัวเขา ฮั๊ววู่เด๋าเต็มใจที่จะใช้เวลากว่า 20 ปีเพียงเพื่อเอาชนะปมตัวเอง ใช้เวลาอีก 100 ปีเพื่อชดเชยให้กับความเสียใจ ฮั๊ววู่เด๋าเต็มใจที่จะใช้ชีวิตของตัวเองเพียงเพื่อพิสูจน์ตน
พลังเก้าอักษรได้หมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็วในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ฮั๊ววู่เด๋ายืนอยู่ท่ามกลางพลังของตน ตัวเขาได้ประกบฝ่ามือของตัวเองขึ้น สายตาของฮั๊ววู่เด๋าจับจ้องไปที่จือหยวน ปรมาจารย์แห่งสำนักเซียนสวรรค์แต่เพียงผู้เดียว
พลังผนึกตราประทับทั้งหกได้พุ่งผ่านศีรษะของผู้อาวุโสทั้ง 9 แห่งสำนักหยุนไป พลังได้กระจัดกระจายก่อนที่จะหมุนกลับ สายฝนแห่งเลือดหยุดลงโดยรอบ มันแสดงให้เห็นถึงช่องว่างของความแข็งแกร่ง
ในทางกลับกันจือหยวนดูตื่นเต้น ตัวเขาลอยขึ้นไปบนอากาศเช่นกัน ในตอนนั้นเองเครื่องรางนับสิบก็ได้ถูกใช้งาน พวกมันได้หลอมรวมกันก่อนที่จะสร้างม่านพลังแห่งการป้องกันเอาไว้ มันเป็นพลังป้องกันที่ดูคล้ายกับผนึกตราประทับทั้งหก
ภาพที่ได้เห็นเป็นภาพที่น่าขบขัน ฮั๊ววู่เด๋าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการโจมตี ในขณะเดียวกันจือหยวนผู้ที่เชี่ยวชาญในการโจมตีกับกำลังตั้งรับ ใครคนหนึ่งกำลังทิ้งชีวิตของตัวเอง ส่วนใครอีกคนพยายามที่จะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้
เมื่อพลังที่คล้ายกับผนึกตราประทับทั้งหกกำบังด้านหน้าจือหยวนไว้ ดวงตาสีแดงของฮั๊ววู่เด๋าก็ได้ส่องประกายอย่างเย็นชาออกมา “ตายซะ!” ฮั๊ววู่เด๋าประสานฝ่ามือของตัวเองก่อนที่จะผลักมันไปที่ด้านหน้า พลังอักษรทั้งเก้าของผนึกตราประทับทั้งหกเข้ามาบรรจบกันระหว่างฝ่ามือ ท้ายที่สุดแล้วพลังทั้งหมดก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นดาบพลังงานไป! ฮั๊ววู่เด๋าได้ผลักมันไปข้างหน้าอย่างไร้ความลังเล
ดาบพลังงานที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังทั้งหมดได้แทงทะลุหน้าอกของจือหยวน
“ท่านเจ้าสำนัก!” ผู้อาวุโสและเหล่าสาวกของสำนักเซียนสวรรค์ต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
ตอนนี้ทุกอย่างหยุดนิ่งราวกับโลกใบ้นี้ได้ถูกหยุดเวลาเอาไว้
ฮั๊ววู่เด๋าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการป้องกัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าตัวเขาจะไม่รู้จักวิธีการโจมตี ฮั๊ววู่เด๋าเป็นผู้ที่อยู่ในลัทธิเต๋าจากสำนักหยุนมาอย่างเนิ่นนาน แทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวเขาจะไม่คุ้นเคยกับการใช้ดาบได้ แม้ว่าทุกคนจะรู้ถึงอดีตของชายคนนี้ดีแต่ทุกคนก็ไม่คิดว่าชายคนนี้คิดใช้ดาบโจมตี
ในตอนนี้การเปลี่ยนพลังผนึกตราประทับทั้งหกให้เป็นการโจมตี การโจมตีไพ่ตายของฮั๊ววู่เด๋าได้ถูกใช้ออกมาแล้ว
ตราบใดเมื่อดาบที่ถูกใช้ไปแล้วยังคงแหลมคม ชายชราก็ยังคงคงแข็งแกร่งได้
จือหยวนรู้สึกไม่สู้ดีเท่าไหร่ เมื่อจิตใจของตัวเขารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด จือหยวนก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าหน้าอกของตัวเองถูกแทง เลือดของตัวเขาได้ไหลรินลงสู่พื้น จือหยวนดูอาฆาตไปด้วยความแค้น ตัวเขาได้ใช้เครื่องรางทั้งหมดที่มีไปพร้อมๆ กับพลังลมปราณ เครื่องรางและพลังลมปราณทั้งหมดถูกใช้สร้างดาบพลังงานขึ้นมา
ฮั๊ววู่เด๋าที่โจมตีสำเร็จได้หัวเราะออกมาเบาๆ ‘ถ้าหากยู่จิงตายไป ข้าเองก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อ’
เมื่อเครื่องรางสร้างดาบจนเสร็จสิ้น จือหยวนก็ได้ปล่อยมันออกมาก่อนที่ตัวเองจะใกล้ตายเต็มที
“ช่างบ้าบิ่นอะไรเช่นนี้” เล้งลั่วที่เห็นแบบนั้นส่ายหัว
ทั้งคู่ต่างก็ต่อสู้กันโดยเดิมพันด้วยชีวิตของตัวเอง!
...
บนศาลาปีศาจลอยฟ้า ลู่โจวเองก็เห็นการต่อสู้เช่นกัน ตัวเขาส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ฮั๊ววู่เด๋าคงจะคิดว่าเจ้าได้ตายไปแล้วแน่”
เมื่อฮั๊วยู่จิงได้ยินเช่นนั้น นางก็รู้สึกกังวล นางรู้ดีว่าฮั๊ววู่เด๋าได้ดูแลนางแตกต่างจากคนอื่นๆ ในตอนที่สิ้นหวังและไม่อาจที่จะทำอะไรได้ ฮั๊วยู่จิงก็ได้ขอร้องลู่โจวออกมา “ท่านปรมาจารย์ได้โปรดช่วยผู้อาวุโสฮั๊วด้วย!”
ลู่โจวมองไปรอบๆ
เจ็ดสุดยอดสำนักฝ่ายธรรมยังคงซ่อนตัวอยู่ ลู่โจวไม่อาจเอาชนะสำนักทั้งเจ็ดด้วยตัวเองได้คงจะน่าละอายมาก แต่ถ้าหากตัวเขาไม่ลงมือตอนนี้ฮั๊ววู่เด๋าก็คงจะต้องตายอย่างแน่นอน
ในตอนนั้นเองมีอะไรบางอย่างดึงร่างของเล้งลั่วกลับมา
ลู่โจวรีบเพ่งสายตาเพื่อจ้องมองสิ่งนั้น
...
เล้งลั่วที่ถอยออกมาได้พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “สาวน้อย สายสะพายนิพพานของเจ้า!”
“ถูกต้อง!” หยวนเอ๋อได้ฝึกฝนการควบคุมอาวุธของตัวเองมาเป็นเวลานาน ในที่สุดนางก็มีโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือ สายสะพายนิพพานของนางได้ลอยไปตามอากาศก่อนที่จะบินไปทางฮั๊ววู่เด๋าด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว
ต้วนมู่เฉิงเองได้ผลักให้เล้งลั่วถอยกลับไป ตัวเขาได้ใช้พลังลมปราณอันแข็งแกร่งประคองผู้อาวุโสคนนี้เอาไว้
ส่วนเล้งลั่วเองก็ยังปล่อยพลังฝ่ามือออกไป มันเป็นการใช้พลังงานร่วมกับหยวนเอ๋อนั่นเอง ด้วยฝ่ามือของเล้งลั่วทำให้สายสะพายของหยวนเอ๋อไปถึงตัวของฮั๊ววู่เด๋าเร็วขึ้น
สาวกศาลาปีศาจลอยฟ้าที่เห็นแบบนั้นต่างก็อ้าปากค้าง
ซู่ฮ่องกงที่เห็นแบบนั้นพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “เจ้าทำแบบนั้นได้ยังไงกัน? เยี่ยม! ศิษย์น้องเล็กเจ้านี่มันน่าทึ่งมาก!”
ดาบที่ก่อตัวขึ้นมาได้พุ่งไปหาฮั๊ววู่เด๋าอย่างไม่ลดละ
...
เจ็ดสำนักใหญ่กำลังพูดคุยสื่อสารกันอยู่ภายในป่า
“เตรียมพร้อมซะ!”
“สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เตรียมพร้อม!”
“บอกให้สองคนนั้นแอบขึ้นไปบนหุบเขาจากทางด้านหลังและจัดการจีเทียนเด๋าซะ!”
คราวนี้มีผู้ฝึกยุทธมารวมตัวกันถึง 1,000 คน ผู้ฝึกยุทธทั้งหมดต่างก็มาจากเจ็ดสำนักใหญ่
มีรถม้าลอยฟ้ามากมายหลายคันลอยอยู่ มันเป็นรถม้าที่มีขนาดแตกต่างกันออกไป
เล้งลั่วเหลือบมองไปที่พวกเขาก่อนที่จะพูดออกมา “สาวน้อย ดึงสายสะพายของเจ้าซะ! จงเพ่งสมาธิ!”
“ค่ะ!” หยวนเอ๋อกลั้นหายใจก่อนที่จะตั้งสมาธิ สายสะพายนิพพานได้ตอบรับนาง มันเป็นพันรอบตัวของฮั๊ววู่เด๋าก่อนที่จะดึงเขากลับมา หยวนเอ๋อที่ทำสำเร็จได้อุทานออกมา “เหมาะมือข้าจริงๆ !” ด้วยความตื่นเต้นที่หยวนเอ๋อมีทำให้สายสะพายชะลอความเร็วไปชั่วขณะ
เล้งลั่วที่เห็นแบบนั้นได้ใช้พลังของตัวเองส่งผ่านไปยังสายสะพาย ด้วยพลังลมปราณของเล้งลั่วทำให้สายสะพายเพิ่มความเร็วขึ้นมาอีกครั้ง
สายสะพายของหยวนเอ๋อเป็นเหมือนกับตาข่าย มันได้จับตัวของฮั๊ววู่เด๋าเอาไว้ก่อนที่จะทำให้ตัวเขาหลบการโจมตีจากดาบพลังงานได้
ดาบพลังงานที่ถูกสร้างมาจากเครื่องรางเป็นพลังที่น่ากลัวอย่างแท้จริง แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ พลังที่มาจากเครื่องรางจะไม่สามารถไปไกลจากตัวของผู้ใช้อย่างจือหยวนได้
จือหยวนบาดเจ็บสาหัสและคงอยู่ได้ไม่นาน ตัวเขาไม่สามารถที่จะควบคุมดาบที่สร้างขึ้นให้ไล่ตามฮั๊ววู่เด๋าไปได้ตลอด
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ดาบพลังงานได้พุ่งเข้าใส่สายสะพายนิพพาน
ฮั๊ววู่เด๋าได้ถอดใจและคิดจะตายเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อตัวเขาได้เห็นสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้ารวมไปถึงเล้งลั่วที่พยายามช่วยเขาอย่างเต็มที่ ฮั๊ววู่เด๋าก็ได้กู่ร้องออกมาด้วยความโกรธก่อนที่จะใช้พลังลมปราณทั้งหมดออกมาจากจุดตันเถียน ฮั๊ววู่เด๋าที่ทำแบบนั้นจึงสามารถหนีรอดไปจากการโจมตีของดาบไปพร้อมๆ กับสายสะพายได้
ในตอนนั้นผู้ฝึกยุทธกว่า 1,000 คนจากเจ็ดสำนักใหญ่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
จือหยวนเอามือของตัวเองจับบาดแผลกลางอกเอาไว้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความเย็นชา “ข้าขอสาปแช่งพวกเจ้า...”
ทันทีที่จือหยานพูดจบ ในตอนนั้นเองลูกศรพลังงานที่เพรียวบางกว่าเดิมได้พุ่งมาหาจือหยาน มันเป็นลูกศรพลังงานแสงสีฟ้าจางๆ
“ยู่จิงยังมีชีวิตอยู่อย่างงั้นเหรอ?”
ทุกๆ คนต่างก็มองไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า ดูเหมือนว่าเป้าหมายของลูกศรพลังงานในครั้งนี้ก็คือจือหยาน เจ้าสำนักเซียนสวรรค์
“ป้องกันมันซะ!”
ผู้ฝึกยุทธ 5 คนได้ยกอาวุธของตัวเองขึ้นมาเพื่อสร้างเป็นโล่ป้องกัน
น่าแปลกที่ลูกศรพลังงานดอกนั้นได้พุ่งทะลุการป้องกันไปอย่างง่ายดาย
มันได้บินทะลุหัวใจของผู้ฝึกยุทธทั้งห้าก่อนที่จะแทงไปยังร่างของจือหยวนไปในที่สุด
ลูกศรพลังงานได้พุ่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกๆ คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น ผู้คนจากสำนักใหญ่ทั้งเจ็ดยิ่งตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น
ฮั๊วยู่จิงมีพลังถึงขั้นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย