ตอนที่แล้วตอนที่ 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5

ตอนที่ 4


ทางรายการได้กำหนดห้องซ้อมแยกให้กับแต่ละกลุ่มไว้ เมื่อจีเจ๋อหยูและฉีอ่าวตงมาถึงห้องซ้อม เพื่อนร่วมทีมอีกสี่คนก็หันหน้าไปทางกระจกเงาเพื่อฝึกซ้อมอยู่ก่อนแล้ว

ทันทีที่จีเจ๋อหยูเข้ามา อากาศก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นทุกคนก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นและซ้อมเต้นต่อไป

เพลงของกลุ่มของพวกเขาชื่อว่า "Look At Me Now" เป็นเพลงเร็วที่มีท่วงทำนองที่ไพเราะและจังหวะที่หนักแน่น มีท่าเต้นมากมายและเป็นหนึ่งในเพลงที่ยากที่สุดในการแสดงครั้งแรก

ในนิยาย ทีมที่ต้องแข่งกับพวกเขานั้นแข็งแกร่งมาก และประสบความสำเร็จในการชนะใจแฟนเพลงจำนวนมากด้วยเพลงนี้

ครูสอนเต้นชื่อหนานหลิน เป็นนักร้องและนักเต้นที่มีชื่อเสียงในวงการ เธอเหลืบมองไปที่จีเจ๋อหยูและพูดกับทุกคน " เอาล่ะ ทุกคนมารวมกันก่อน"

ทุกคนเข้าแถว ตำแหน่งตรงกลางยังว่างอยู่ และทุกสายตาก็เพ่งไปที่จีเจ๋อหยูในทันที

เขาค่อยๆยกมือขึ้นอย่างระมัดระวัง ราวกับเด็กที่ทำผิดในชั้นเรียน แล้วพูดกับผู้สอนว่า  "อาจารย์ครับ ขอผมดูวิดีโอการสอนอีกสักสองสามครั้งได้ไหม

จีเจ๋อหยูรู้สึกว่าหลังจากที่เขาเข้ามาในโลกนี้ ใบหน้าของเขาก็หนาขึ้นมาก แต่มันไม่มีทางเลือก เขาพึ่งรู้เรื่องการแสดงของเขาจากฉีอ่าวตงเมื่อสองนาทีที่แล้ว

หนานหลินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนเธอจะต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็กลั้นไว้ และสุดท้ายก็พูดว่า " เอาล่ะ เสี่ยวจี เธอไปดูอยู่ข้างๆ "

อีกห้าคนดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ โดยไม่สนใจจีเจ๋อหยูแล้วซ้อมเต้นอัตโนมัติ

จีเจ๋อหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทางรายการได้เตรียมคอมพิวเตอร์สำหรับพวกเขาไว้ และเขานั่งตรงมุมห้อง สวมหูฟังและเริ่มดูวิดีโอสอนเต้น

หลังจากดูไปสองสามรอบแล้ว จีเจ๋อหยูก็เข้าใจท่าเต้นและจำมันได้ทั้งหมด ความยากก็ไม่ใช่น้อยจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงส่วนของการร้องเพลงเลย ไม่น่าแปลกใจที่จีเจ๋อหยูคนเก่าพูดว่า " การมีส่วนร่วมเป็นเรื่องสำคัญ " เพราะเขาต้องการชนะแม้ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเองที่เป็นไปไม่ได้เลย.

หนานหลินดูเด็กฝึกซ้อมเป็นเวลานานแล้วจึงไปทีมต่อไป ก่อนที่เธอจะจากไปเธอก็มองที่จีเจ๋อหยูอีกครั้งและส่ายหัวเบาๆ เธอไม่มีความหวังสำหรับทีมนี้เลย

ในความเห็นของเธอ กลุ่มของจีเจ๋อหยูต้องการชนะกลุ่มถัดไป ซึ่งมันเป็นได้แค่ความฝัน

จีเจ๋อหยูเป็นคนที่เข้าร่วมการแข่งขันมานับไม่ถ้วน หลังจากดูวิดีโอนี้หลายครั้งเขาก็รู้สึกว่าเพลงนี้เป็นตัวเลือกที่ดีมาก สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันของเขา และท่าเต้นก็มีลักษณะเฉพาะและทำนองก็ไพเราะ แสดงความเปล่งประกาย แล้วยังฟื้นฟูชื่อเสียงที่เละเทะของเขาได้

เมื่อเขายืนขึ้นอย่างมั่นใจเพื่อเตรียมตัวฝึกซ้อม เขาก็ตกใจกับภาพตรงหน้า—หลังจากที่ผู้สอนออกไปแล้ว เพื่อนร่วมทีมทุกคนก็เสียขวัญกำลังใจ พวกเขานั่งลงบนพื้นและถอนหายใจหรือม่ก็นอนอยู่ในความปลงตก ห้องซ้อมเต้นทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยความกดดัน

นอกจากจีเจ๋อหยูและฉีอ่าวตงที่อยู่ในคลาส B แล้ว ยังมีว่านหลงซึ่งอยู่ในคลาส B เช่นกัน เด็กหนุ่มที่ชื่อไป่เซิงเจี๋ยอยู่คลาส A และอีกสองคนคลาส C

จีเจ๋อหยูถามขึ้นว่า " ใครเป็นกัปตัน? "

หลังจากนั้นทุกคนก็บอกจีเจ๋อหยูด้วยสายตาที่เงียบงัน และช่วยไม่ได้ที่เขาดันเป็นกัปตันเอง

“โอ้ บังเอิญจังนะ ฉันเป็นกัปตันนี่เอง” จีเจ๋อหยูพูดต่อว่า "ถ้าอย่างนั้นฉันแนะนำในฐานะกัปตัน.. เต้นใหม่อีกครั้ง"

ว่านหลงคิดมาตลอดว่าตนนั้นโชคไม่ดีเกินไปแล้วที่ได้มาอยู่กลุ่มนี้ และพูดอย่างอ่อนแรงว่า "กัปตัน พวกเราห้าคนซ้อมมาหลายรอบแล้ว นายควรไปฝึกบ้าง"

หากผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนไม่ได้ใส่ไมค์ไว้ที่ปกเสื้อของเขา จีเจ๋อหยูคิดว่าว่านหลงจะพูดบางอย่างตรงไปตรงมาเช่น " ทำไมนายไม่ละอายที่จะบอกว่าตัวเองเป็นกัปตันกัน?"

คนอื่นก็มีความคิดเช่นนั้น

จีเจ๋อหยูกระแอมในลำคอและพูดว่า " ฉันอยากซ้อมกับพวกนาย ให้ฉันร่วมซ้อมด้วยนะ ทำมันอีกครั้งเถอะ"

ทุกคนนั่งตัวตรง

ฉีอ่าวตงถามด้วยความสงสัย " นายจะเต้นเหรอ?"

คนอื่นๆ อีกหลายคนมองเขาด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ

" ฉันจำท่าได้ " ีเจ๋อหยูหลีกเลี่ยงหัวข้อนั้นอย่างชาญฉลาด “ไม่ว่าฉันจะทำได้หรือไม่ ฉันจะไม่ขัดตำแหน่งพวกนายแน่นอน”

ทุกคนต่างชำเลืองมอง และในที่สุดก็ตกลงตามคำขอของจีเจ๋อหยู

ไม่มีทางที่ใครจะคาดหวังกับเขาเจิดจรัสที่สุดในกลุ่ม แต่เขาก็ยังคงเป็นเซ็นเตอร์

หลังจากจัดแถวแล้ว เพื่อนร่วมทีมก็แปลกใจที่พบว่าจีเจ๋อหยูไม่ได้โกหก เขาหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ และหลังจากได้ยินเสียงดนตรี เขาก็ทำทุกย่างก้าวได้อย่างถูกต้อง

สายตาของจีเจ๋อหยูจ้องมองไปที่กระจก ดวงตาของเขาคมและแน่วแน่ราวกับว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นใครคนอื่น

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ออกท่าได้อย่างคล่องแคล่วแม้ว่าตำแหน่งจะถูกต้อง แต่การเคลื่อนไหวของมือและเท้าของเขาเห็นได้ชัดว่าดูดี และเขาก็กำลังร้องเพลงร่วมกับทุกคน

หลังการเต้นเสร็จไป่เซิงเจี๋ยก็เงียบไปครู่หนึ่ง และพูดกับจีเจ๋อหยูว่า " กัปตัน นายก้าวหน้าไปมากเลย แต่...การเต้นและการร้องเพลงควรได้รับการฝึกฝนเพิ่ม"

คนอื่นๆพยักหน้าเงียบๆ

“ขอบคุณนะเสี่ยวไป่ที่เตือนฉัน” จีเจ๋อหยูยิ้มเล็กน้อย " ตอนนี้เราก็นั่งลงแล้วมาคุยกันดีๆเถอะ"

ทุกคนตกตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจีเจ๋อหยูถึงพูดประโยคนี้ขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ตอบสนอง จีเจ๋อหยูก็เอื้อมมือไปปิดไมโครโฟน ยิ้มแล้วพูดว่า " ทำไมพูกกับพวกนายถึงยากแบบนี้ ทั้งกล้องและไมโครโฟนก็เปิดอยู่ พวกนายอยากถูกตัดสินจากชาวเน็ตว่าขาดสปิริตของทีมเหรอ เร็วเข้า นั่งลงกับฉัน"

สิ่งที่จีเจ๋อหยูพูดคือความจริง คำพูดและการกระทำของผู้เ้าแข่งขันทุกคนในรายการจะถูกพูดถึงอย่างไม่สิ้นสุด ไม่เพียงแต่จะตีความอย่างมุ่งร้ายเท่านั้น แต่ยังถูกตัดต่ออย่างมุ่งร้ายอีกด้วย ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของเขาเอง

หลังจากพูดแบบนี้ ทุกคนก็เชื่อฟังคำพูดของจีเจ๋อหยูโดยปริยายและนั่งลงอย่างเชื่อฟังบนพื้น ล้อมกันเป็นวงกลม โดยมีจีเจ๋อหยูนั่งตรงกลาง

“ฉันจะพูดแบบกระชับนะ” สายตาของจีเจ๋อหยูกวาดไปทั่วใบหน้าของทุกคน “ไปเซิงเจี๋ยเต้นได้ดีที่สุดแต่ขาดความมั่นใจในตนเอง ในช่วงสองวันที่เหลือพยายามคิดเรื่องการแสดงออกและการจัดการสายตา จะทำให้นายดูน่าดึงดูดยิ่งขึ้น”

ทันทีที่จีจ๋อหยูพูดแบบนี้ ทั้งสตูดิโอซ้อมเต้นก็เงียบลง

ดวงตาของว่านหลงเบิกกว้าง สงสัยว่าหูเขาต้องมีปัญหาแน่ๆ—ตอนนี้จีเจ๋อหยูกำลังสอนคนอื่นใช่ไม่?

“ว่านหลง” จีเจ๋อยู่พูดขณะมองเขา “ทักษะของนายไม่ได้แย่ แต่เห็นได้ชัดว่ามีหลายครั้งที่พลาด เช่นในส่วนนี้…”

ว่านหลงรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ—สิ่งที่จีเจ๋อหยูพูดนั้นถูกต้อง และเขาก็รู้สึกว่าเขาเต้นได้ไม่ดีในส่วนเหล่านี้

ต่อมาจีเจ๋อยูก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ทุกคนตกใจ:

" อ่าวตงโดยรวมนั้นดีมาก แต่การแบ่งคำขาดไปนิดหน่อย ให้ฉันอธิบายส่วนของฉันหน่อย ดูเนื้อเพลงนี้สิ ฉันคิดว่าเสียงต่ำเหมาะกับนายมากเลยนะ กลับไปฝึกแล้วกัน"

ฉีอ่าวตงมองไปที่จีเจ๋อหยูด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่าเขาได้ยินภาษาต่างดาว

เนื่องจากอยูบริษัทเดียวกัน จีเจ๋อหยูรู้สึกเสมอว่าฉีอ่าวตงมาที่นี่เพื่ออะไร และมักจะเมินเฉยเขาอยู่เสมอ แต่วันนี้เขาใช้ความคิดเกี่ยวกับเขา?!

“แล้วก็หลี่ซินหยูกับเจิ้งหลี่เจี๋ย ท่อนของพวกนายค่อนข้างน้อย ฉันจะแบ่งท่อนให้ใหม่…”

จีเจ๋อหยูหยิบปากกาขึ้นมาและแก้ไขเนืั้อเพลงอย่างจริงจัง ไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของทุกคนเท่านั้น แต่ยังปรับการแบ่งคำใหม่ในเวลาอันสั้นอีกด้วย

สิบนาทีต่อมา จีเจ๋อหยูก็พูดด้วยความพึงพอใจ: "เอาล่ะ งานทั้งหมดมอบหมายให้พวกนายเสร็จแล้ว"

" แล้วนายล่ะ? " ฉีอ่าวตงอดไม่ได้ที่จะถามว่า " นายจะทำอะไร"

ท่ามกลางสายตาของทุกคน จีซือหยูคิดอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็พูดขึ้นมา  " เมื่อวานฉันเห็นความคิดเห็นที่บ่นเกี่ยวกับกลุ่มของเรา คนพวกนั้นบอกว่าฉันเป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน และพวกนายทั้งห้ากำลังลากเรือบรรทุกเครื่องบินอยู่  "

ทุกคนตกตะลึง

หลังจากนั้นครู่หนึ่งว่านหลงก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ แต่เขาถูกดักไว้ทันที

“ฉันมีอะไรอยากจะพูด” จีเจ๋อหยู่พูดอย่างสบายๆ “ใช่แล้วล่ะ พวกนายแค่ลากฉันที่เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินก็พอ”

ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง คำว่า " ลากเรือบรรทุกเครื่องบิน" เป็นการดูถูกทักษะของจีเจ๋อหยูอย่างแน่นอน แต่เขาก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาอย่างนั้นเหรอ?

“งานของฉัน แน่นอนว่าต้องเรียนเต้นก่อนสิ” จีเจ๋อหยูยืนขึ้น เผยยิ้มออกมาและพูดว่า " ไม่ต้องกังวลนะ เรือบรรทุกเครื่องบินของฉันจะพยายามลดน้ำหนักลงให้ได้เลย "

ถ้าตามปกติแล้วจีเจ๋อหยูเป็นคนเย่อหยิ่งและเป็นคนที่ไม่มีใครสามารถยืนเยาะเย้ยได้ แต่ในขณะนี้เขากำลังหัวเราะเยาะตัวเองอย่างไม่เห็นแก่ตัว และเพื่อนร่วมทีมของเขาที่แต่เดิมไม่พอใจก็โล่งใจขึ้นมา

ไป่เซิงเจี๋ยถามด้วยความเป็นห่วง "เหลือเวลาอีกแค่สามวัน นายจะตามทันเหรอ?"

" มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นล่ะนะ  " จีเจ๋อหยูพูดอย่างสบายๆ  "ฉันหมายความว่ามันก็สายไปแล้วนั้นล่ะ ดังนั้น—"

“พวกนายต้องฝึกหนักและหาทางลากฉันขึ้นฝั่งให้ได้”

ความคาดหวังในสายตาของเพื่อนร่วมทีมก็ดับไปพร้อมๆกัน และพวกเขาส่งเสียงโหยหวนอย่างสิ้นหวัง—

พวกเขาไม่ควรคาดหวังกับจีเจ๋อหยูจริงๆ!

แต่ถึงอย่างนั้น ในเวลาเดียวกันอารมณ์ที่น่าเบื่อของทุกคนก็ดีขึ้น และพลังของการเต้นก็เต็มเปี่ยม

ภายใต้คำแนะนำของจีเจ๋อหยู พวกเขาจัดเรียงการเต้นใหม่และการแสดงก็ดีขึ้นมาก

โดยไม่รู้ตัว จีเจ๋อหยูกลายเป็นกัปตันตัวจริงและตำแหน่งเซนเตอร์ แม้ว่าท่าเต้นของเขาจะยังไม่ค่อยดีนัก

หลังจากฝึกซ้อมเสร็จ ทั้งหกคนก็ยืนอยู่หน้ากระจกในตอนจบ ทันใดนั้นนอกเหนือจากจีเจ๋อหยูแล้ว เด็กหนุ่มที่เหน็ดเหนื่อยอีกห้าคนก็จุดไฟแห่งความหวังขึ้นมาในใจ

ไม่รวมปัจจัยอย่างอื่นที่ไม่สามารถคาดเดาได้ จีเจ๋อหยูนั้น...เรียกว่าเรื่อบรรทุกเครื่องบินได้เหรอ? อย่างน้อยการเต้นของพวกเขาก็ดูแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก

ตอนเที่ยง ว่านหลงและลู่หนานหยุนได้มากินข้าวด้วยกัน และเมื่อพวกเขานั่งลง พวกเขาก็เริ่มยัดข้าวเข้าปาก และพูดขณะกินว่า " ฉันแทบอดตายเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันเลย "

ความเงียบของเพื่อนร่วมบริษัทที่อยู่ข้างๆ เขาพูดว่า " นายไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกับจีเจ๋อหยูหรือไง กลุ่มของนายดูเฉยชามาก ทำไมวันนี้นายถึงซ้อมนานขนาดนั้น"

“อย่าบอกใครล่ะ ว่าวันนี้ฉันกลัวจีเจ๋อหยู่มาก” ว่านหลงกระดกน้ำไปหลายอึกแล้วพูดต่อ " แม้ว่าวันนี้เขาจะมาซ้อมด้วย แต่เขามีวิสัยทัศน์ที่ดีจริงๆ ฉันไม่เคยสังเกตเขามาก่อนเลย เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าฉันเต้นไม่ดีตรงตรงไหนบ้าง "

เมื่อลู่หนานหยุนที่อยู่ข้างๆได้ยินคำเหล่านี้ เขาก็ชะงัก

“ว่านหลง จีเจ๋อหยูยัดเงินนาย?” เขาพูดติดตลกอย่างเงียบๆ “เราไม่ควรรับสินบนนะ ตอนประเมินครั้งแรกของจีเจ๋อหยูกับความเละเทะนั่น ทำไมเขาถึงไม่เห็นปัญหาของตัวเองด้วยวิสัยทัศน์ที่ดีนั่นล่ะ?”

หลายคนรอบตัวหัวเราะพร้อมกัน

ขณะนั้นก็มีคนล้อเลียนขึ้นว่า " แต่ฉันคิดว่าว่านหลงพูดมานั้นสมเหตุสมผลนะ ถ้าจีเจ๋อหยูมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ดี เขาจะสนใจลู่หนานหยุนได้ยังไง"

อย่างไรก็ตาม เรื่องตลกนี้ทำให้เสียงหัวเราะของทุกคนหยุดลงกะทันหัน

ผู้คนรอบตัวทุกคนต่างมองไปที่ลู่หนานหยุน

ลู่หนานหยุนตับซุปเข้าปากด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาของเขาสงบ ทำให้ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะอารมณ์ดีและเป็นเรื่องปกติที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ดังนั้นเขาอาจไม่ได้คิดอะไร

ว่านหลงที่สนใจอยู่แต่กับอาหารไม่ได้สังเกตสิ่งนี้ และกล่าวต่อไปว่า “ทำไมพี่ไม่เชื่อล่ะ? แม้ว่าทักษะของจีเจ๋อหยูจะไม่ดีนัก แต่เขาก็ช่วยทีมของเราได้มากจริงๆ…”

ทุกคนคิดว่าเขากำลังเปลี่ยนเรื่อง จึงยิ้มและกินต่อ ไม่มีใครคิดจริงจังกับคำพูดของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด