ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 56 สามวันแห่งการเดินทาง ปลายทางอยู่ที่จี่อัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 58 ตัวเชื่อมต่อที่ถูกลักพาตัว (พร้อมอัปเดต 1)

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 57 เสื้อคลุมหนังแกะตัวใหญ่กับผมหางม้า


ตอนที่ 57 เสื้อคลุมหนังแกะตัวใหญ่กับผมหางม้า

พี่คังเข้าไปในห้องสวีตชั้นสามภายใต้การจัดเตรียมของเด็กเสิร์ฟ หลังจากหันมองสำรวจสภาพแวดล้อม เขานั่งลงบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดส่งข้อความ

“เจ้านาย ฉันมาถึงแล้วและพร้อมที่จะติดต่อกับพวกเขา”

“โอเค” อีกฝ่ายตอบรับอย่างรวดเร็ว

หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว พี่คังก็กดหมายเลขของฉีหลินบนโทรศัพท์มือถือของเขา “ฮัลโหล?”

“สวัสดีครับพี่คัง” ฉีหลินรู้จักชื่อของอีกฝ่ายแล้วเพราะติดต่อกันหลายครั้ง “เรามาถึงบัคกิ้งแฮมพาเลซแล้ว”

“นายอยู่ที่ไหน” พี่คังถาม

“ในห้องส่วนตัวบนชั้นสอง” ฉีหลินตอบตามความจริง

พี่คังเลียริมฝีปากแล้วนั่งไตร่ตรองในห้องมืด หลังจากเงียบไปนาน เขาก็ตอบว่า “มาห้อง 09 ชั้น 3 หน่อย”

“ตกลง”

“อืม”

หลังจากที่ทั้งสองวางหูโทรศัพท์กัน พี่คังก็เดินไปที่ประตูห้อง มองผ่านรูช่องมองประตูห้องของเขาไปที่ห้อง 09 ที่อยู่ตรงข้ามเยื้องกันไปนิดเดียว

……

ในห้องส่วนตัวชั้นสอง

ฉีหลินเก็บโทรศัพท์มือถือของเขาแล้วหันกลับมาพูดกับฉินหยู่และแมวแก่ “พวกเขามาถึงแล้ว อยู่ชั้นสาม”

“เราตกลงที่จะพบกันในห้องส่วนตัวไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆ เขาถึงไปอยู่ชั้นสาม?” แมวแก่ขมวดคิ้วพลางพูด

“มีอะไรผิดปกติกับตาลุงนี่รึเปล่า…?”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉินหยู่ก็เอื้อมมือไปบีบข้อมือแมวแก่ทันที พลางมองไปที่เด็กผู้หญิงสามคนพร้อมพูดว่า

“พวกเธอออกไปก่อน”

แมวแก่หยุดพูดทันที

โคโค่อึ้งไปอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดกับสาวอีกสองคนทันทีว่า “ถ้าอย่างนั้นให้เจ้านายคุยธุระกัน พวกเราออกไปข้างนอกก่อน”

ฉินหยู่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา รอให้โคโค่และคนอื่นๆ ออกไป แล้วหันมาบอกเพื่อนด้วยสีหน้าเครียด “เรารีบมาที่นี่โดยไม่รู้อะไรเลย ไม่มีใครบอกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน เราควรระวังให้มากขึ้น ระวังพวกมาร้ายมากกว่ามาดี”

เมื่อฉินหยู่พูดจบ ทั้งสามก็ชักปืนพกจากเอวขึ้นมา และตรวจสอบความพร้อม จากนั้นก็หยิบกระเป๋าเดินทางส่วนตัวขึ้นมาและแจกจ่ายแมกาซีนกระสุนสำรองกันอย่างทั่วถึง

“แอ๊ดด…!”

จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก โคโค่กะพริบตาตัวแข็งอยู่ตรงนั้น มองดูคนทั้งสามที่กำลังเตรียมอาวุธปืนอยู่

ฉินหยู่หันไปมองที่ประตู มองโคโค่ด้วยสายตาเย็นชาแล้วถามว่า “ใครเรียกให้เธอเข้ามา?”

“ฉัน...ฉันลืมกระเป๋าถือไว้บนโซฟา พี่ๆ...แล้วฉันจะมาเอาทีหลังแล้วกันค่ะ” โคโค่ผลักประตูเปิดออกทันที กำลังจะออกไป

แมวแก่เหลือบมองโซฟา เห็นว่ากระเป๋าของโคโค่อยู่ที่นั่นจริงๆ จึงหันกลับมาพูดว่า “รีบหยิบไปซะ” โคโค่รีบเข้าไปคว้ากระเป๋าแล้วรีบออกไปอย่างลุกลี้ลุกลน

หลังจากที่ทั้งสามเตรียมตัวกันพร้อมเต็มที่ พวกเขาก็รีบออกจากห้องส่วนตัวและมุ่งหน้าไปที่ชั้นสามทันที

……

บนชั้น 3

โทรศัพท์มือถือของพี่คังดังขึ้น เขาเหลือบมองหมายเลข ขณะที่เขาเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาจากนอกประตู

ในทางเดินชั้น 3

ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมกันลมหนังแกะตัวยาวที่ลำตัวท่อนบน กางเกงรัดรูปสีเขียวทหารที่ท่อนล่าง สวมรองเท้าบูตหนังสกปรก และคาดเข็มขัดหนังวัวเส้นหนารอบเอวกับผมหางม้าที่ด้านหลัง เขากอดอกซุกมือทั้งสองอยู่ในแขนเสื้อและนำพวกทั้งสี่เดินช้าๆ ไปยังห้อง 09

ชายสวมเสื้อกันลมหนังแกะมีหนวดเคราหนาปกคลุมแก้มยาว ดวงตาคมกริบ และรอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปาก หันมองย้อนกลับไปที่ทางเดินด้านหลังเขาก่อน แล้วพูดว่า “เขาอยู่นี่ ลงมือ!”

ทันทีที่เขาพูดจบ เพื่อนทั้งซ้ายและขวาก็เร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากทางลงบันไดชั้นสอง

“บราวน์ ฉันให้เงินทั้งหมดของฉันไปแล้ว ตอนนี้นายทำกับฉันแบบนี้หมายความว่ายังไง?”

“คุณหวู่ อย่าทำเป็นนักพนันหน่อยเลย ฉันไม่ใช่พระเจ้านะ จะได้รับประกันว่าทุกคนจะทำเงินได้หมด”

“ไอ้ขี้โกง นายเล่นลูกไม้กับฉัน!”

“……!”

มีเสียงตะโกนมาจากทิศทางของทางลงบันไดชั้นสอง ชายทางด้านซ้ายของทางเดินถามชายในเสื้อคลุมกันฝนหนังแกะทันทีว่า “นายยังทำต่อหรือเปล่า?”

“อย่าห่วง นายทำงานของนายไป” ชายในชุดเสื้อกันลมตอบโดยที่มือยังซุกอยู่ในแขนเสื้อ

สิ้นคำตอบ ทั้งสองก็เร่งฝีเท้าทันที

……

บนชานพักบันไดชั้นสอง

ชายวัยกลางคนสามคนกำลังทะเลาะกับชายฝรั่งสามคน มีเสียงตะโกนด่าว่าและกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั่ว

เพราะบันไดที่นำไปสู่ชั้นสามนั้นไม่กว้าง มีคนไม่กี่คนที่ก่อกวนและขวางกั้นฉินหยู่และคนอื่นๆ ที่กำลังจะขึ้นไป

ฉินหยู่เห็นว่าอีกฝ่ายเมามากเกินไปและพูดพล่ามไม่รู้จบ เขาจึงยื่นมือออกดึงชายผิวขาวให้พ้นทางพร้อมพูด

“ขอทางหน่อย”

“ไอ้ลูกหมา แกรู้ไหมว่าชุดของฉันแพงแค่ไหน ไปให้พ้น!” ชายผิวขาวด่าอย่างโอหัง

เมื่อได้ยินอย่างนั้น แมวแก่ก็ก้าวไปข้างหน้า ยกปืนขึ้นจากเอวของเขาตบหน้าอีกฝ่ายด้วยมือซ้าย “คุณแค่ทำมาหากินในพื้นที่อยู่อาศัยของเรา ถ้าคุณไม่รู้ว่าการอยู่อย่างสงบต้องทำยังไง ก็ออกไปจากที่นี่ซะ!”

เมื่อชายผิวขาวเห็นว่าแมวแก่ถือปืน เขาก็สับสนไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี

ฉินหยู่ผลักฝูงชนออกไป ผลักดันตัวเองเดินหน้าและนำแมวแก่และฉีหลินผ่านขึ้นไป

ภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที ทั้งสามคนก็มาถึงทางเดินชั้น 3 พวกเขากำลังจะเริ่มมองหาตามป้ายห้องหมายเลข 09 ไปตามห้องต่างๆ ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงทุบประตูจากด้านซ้าย

ฉินหยู่หันขวับไปมองตามเสียง

“ปัง!”

เสียงปืนดังขึ้นก้องไปทั่วบัคกิ้งแฮมพาเลซ

“เกิดอะไรขึ้น?” ฉีหลินจับปืนที่เอวของเขาโดยสัญชาตญาณ

ฉินหยู่ไหวตัวอย่างรวดเร็ว เขามองกวาดตามป้ายประตูทันที และพบว่าทิศทางเสียงปืนนั้นมาจากด้านข้างของห้องสวีต 09

ในเวลาเดียวกันลึกเข้าไปในทางเดิน พี่คังมองดูชายในชุดเสื้อกันลมหนังแกะด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “แกมันไอ้พวกสารเลว...!”

ชายในเสื้อกันลมดึงมือขวาออกจากแขนเสื้อแล้วตบแก้มพี่คังด้วยรอยยิ้ม “ไม่ตื่นเต้นเหรอ ที่เห็นฉัน?”

“แก!”

“อย่าตะโกน ไม่งั้นฉันจะทุบแกให้เละ” ชายในชุดเสื้อกันลมชี้ไปที่พี่คังด้วยรอยยิ้มพร้อมเตือนและโบกมือ

“ไปกันได้แล้ว”

“เสียงปืนเมื่อกี้” สหายชี้ไปที่พี่คังและเตือนชายในเสื้อคลุมกันฝนว่า “เจ้านายของเขามีเอี่ยวกับสถานที่แห่งนี้”

ชายในเสื้อคลุมกันลมลูบผมหางม้าไปด้านหลังหัวพร้อมตะโกนโดยไม่มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

“ถ้าประตูหน้ามันยุ่งยาก งั้นกระโดดหน้าต่างเลยเป็นไง”

หลังจากที่ทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็รีบเดินไปที่หน้าต่าง

……

ในทางเดิน

หลังจากที่ฉินหยู่ลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็วิ่งออกไป หลังจากเลี้ยวสองครั้งติดต่อกันพ้นจากหัวมุมห้อง เขาเห็นพี่คังถูกลากขึ้นไปที่หน้าต่าง

แมวแก่ยืนแถวหลังไปเล็กน้อย มองขึ้นไปที่หน้าต่าง แล้วตะโกนอย่างรวดเร็ว “พี่คัง”

หลังจากตะโกน แมวแก่ก็ลากฉินหยู่เข้าซ่อนตัวอยู่ที่มุมทางเดิน

ที่หน้าต่าง พี่คังกระเสือกกระสนหันกลับมาตามเสียง เมื่อเขาเห็นทางเดินว่างเปล่า เพราะเขามีประสบการณ์อันตรายแบบนี้มาพอควร จึงรู้ว่าควรทำอะไร เขาจึงตะโกนออกไป “ช่วยฉันด้วย!”

“โครม!”

ทันทีที่เขาพูดจบ ชายในชุดเสื้อกันลมก็คว้าพี่คังแล้วกระโดดลงไปชั้นล่าง

ที่มุมทางเดิน แมวแก่กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง มองฉินหยู่แล้วพูดว่า “จบเห่! เกิดเรื่องกับหลานปู่อีกแล้ว”

เสียงฝีเท้าวิ่งอย่างรวดเร็วและอื้ออึงที่นอกหน้าต่าง เริ่มเบาลงไกลออกไป

“ให้ตายห่าสิ!” ฉินหยู่ลูบหัวและสบถอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่มันแผนอะไรกัน? ทำไมนายถึงเจออุปสรรคในทุกสิ่งที่นายทำเลยวะ?”

“นายต้องช่วยเฒ่าคัง! ไม่งั้นที่เราบากบั่นมานี่ก็สูญเปล่า” ฉีหลินตะโกนและวิ่งไปทางหน้าต่างด้วยแววตาแห่งความโกรธเกรี้ยว

……………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด