บทที่ 399
อี๋ว์ชิงหลินถีบเท้าพุ่งทะยานออกไปด้านหน้าพุ่งเข้าหาผู้เป็นบิดาที่ถูกซัดกระเด็นออกมา แขนขวากระดูกแตกละเอียดคดงอผิดรูป คนจากวังเมฆาตัวสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว เจ้าสำนักถูกจัดการลงอย่างรวดเร็วฟู่ซีหมิงถึงกับอ่อนแรงลงไปนั่งบนพื้น หยางสือเทียนตื่นตกใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก เนี่ยฟงก้าวเดินเข้าหาอี๋ว์ชิงหลินพร้อมกับสะบัดมือขวา ทันทีที่เปิดจุกขวดยาออกมากลิ่นหอมพวยพุ่งออกมา อี๋ว์ชิงหลินหันไปจ้องมองเนี่ยฟงด้วยความตื่นตกใจ เนี่ยฟงหาได้สนใจรีบเทเม็ดยาป้อนให้แก่อี๋ว์เจียง หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองหยุยเหลยและเตียวมู่ถัง
“เราอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้วขอรับ เห็นทีเราคงต้องออกเดินทางแล้ว”
หยางสือเทียนได้ยินเช่นนั้นจึงได้สติเอ่ยวาจาออกมา
“เหตุใดเจ้าถึงรีบออกเดินทาง เพื่อนของเจ้าทั้งสองยังคงบาดเจ็บอยู่”
เนี่ยฟงหันไปมองหยุยเหลยและเตียวมู่ถังอีกครั้งพร้อมกับส่ายศีรษะไปมา
“ข้าเองไม่อยากมีปัญหากับผูู้อาวุโสอี๋ว์เจียง หากเขาฟื้นขึ้นมาท่านจะรับประกันหรือไม่ว่าเขาจะไม่มาหาเรื่องข้าและข้าจะไม่สังหารเขาในสิ่งที่เขาทำเมื่อครู่ ”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟงความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ ชั่วน้ำเดือดเกวียนลากสัตว์อสูรก็ขับเข้ามาด้านในสำนัก เป็นพี่น้องแซ่กงและต้วนไห่เป็นคนขับเข้ามาเป็นเนี่ยฟงที่เอ่ยวาจาผ่านลมปราณแจ้งแก่พวกเขาทั้งสาม ไม่ถึงครึ่งเค่อเกวียนลากก็ขับออกไปจากสำนักขลุ่ยสวรรค์อย่างช้า ๆ ทันทีที่แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าขบวนเกวียนลากของเนี่ยฟงก็หยุดพัก กองไฟถูกก่อขึ้นโดยซวีซงในระหว่างที่ซินหยางและเก่อคังและต้วนไห่ช่วยกันตั้งกระโจม เนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาบางอย่างออกมา
“เราจะเดินทางไปที่เขาลู่เปียนจินหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน เพราะระดับพลังและทักษะของพวกท่านยังไม่พอ ถึงอย่างไรเสียตอนนี้คนพวกนั้นคงได้รับของขวัญที่ข้ามอบให้ไปแล้ว หากข้าเดาไม่ผิดผู้คนที่อยู่บนเขาลูกนั้นคงตกตายลงไปไม่น้อย หลังจากจัดการกับหม่าซือเทียนเสร็จสิ้นข้าจะเดินทางไปที่แคว้นหลี่ เมื่อถึงเวลานั้นพวกท่านค่อยคิดกันต่อก็แล้วกันว่าจะเดินทางต่อหรือแยกย้าย ส่วนคืนนี้พวกท่านพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน ”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวาซัดขวดยาออกไปด้านหน้า แต่ละคนรีบคว้าขวดยาด้านหน้าด้วยความตื่นตกใจ
“ด้านในมีเม็ดยาเพิ่มพลังปราณ ภายในหนึ่งเดือนข้าจะทะลวงระดับของพวกท่านจนถึงระดับสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ของแต่ละคน พรุ่งนี้ยามเฉินข้าจะกลับมาเรียกพวกท่านก็แล้วกัน”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงก็หายตัวไปจากกลุ่ม ไกลออกไปสิบลี้เนี่ยฟงปรากฏกายเขามองเห็นแท่งเสาหินหลายสิบเสาตั้งอยู่ในซอกหิน เขาพุ่งทะยานขึ้นบนท้องฟ้ายืนอยู่บนเกราะสายฟ้า เสียงสะบัดมือดังแว่วมีดสั้นสองเล่มพุ่งไปทำลายเสาหินบางส่วนด้านใน ไม่นานก็ปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าที่พื้นหลายสิบวงด้วยกันนานเกือบชั่วยามเนี่ยฟงก็พุ่งทะยานลงไปด้านล่าง เขาซัดแก่นพลังปราณระดับต่ำออกไปรอบกายหลังจากนั้นเขาก็นั่งโคจรลมปราณอยู่ด้านใน ใกล้ถึงยางเฉินเขาลืมตาตื่นอีกครั้งพุ่งทะยานกลับไปที่กระโจมที่พัก แน่นอนเมื่อเขามาถึงทุกคนต่างเตรียมตัวกันเสร็จหมดแล้ว
“ที้งเกวียนลากเอาไว้ที่นี่”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงก็พุ่งทะยานออกไป แต่ละคนยกยิ้มถีบเท้าพุ่งติดตามประดุจเงาตามตัว ไม่นานทั้งหมดก็มาถึงสถานที่ที่เนี่ยฟงสร้างเมื่อคืน เขาชี้ไปที่ซอกหิน
“เชิญพวกท่านเข้าไปนั่งที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นรีบเทเม็ดยาเพิ่มพลังปราณไว้บนพื้นด้านหน้า หลังจากนั้นรีบโคจรลมปราณดูดซับพลังปราณ”
ทันทีที่ทุกคนนั่งโคจรลมปราณเนี่ยฟงก็เร่งโคจรลมปราณไปที่ฝ่ามือขวาพร้อมกับซัดมันลงพื้น เปรี้ยง! สายฟ้าพุ่งทะยานไปตามพื้นอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าส่องแสงสว่างจ้าออกมากลายเป็นโดมสีฟ้าครอบคนทั้งหมดเอาไว้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พุ่งทะยานเข้าไปด้านในโดมเขาเลือกที่จะนั่งอยู่บนเสาหินพร้อมกับสะบัดมือขวานำห่อเข็มเงินมา เข็มเงินถูกพลังปราณเผาทำความสะอาดหลังจากนั้นเขาพุ่งทะยานไปหาเตียวมู่ถังเป็นคนแรก วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่เตียวมู่ถังนั่งทับสว่างจ้าออกมากลายเป็นโดมสีฟ้าปรากฏออกมาครอบตัวเตียวมู่ถังอีกครั้ง เข็มเงินถูกจ้วงแทงไปยังจุดต่าง ๆ บนร่างกาย พลังปราณมหาศาลพุ่งไปยังจุดตันเถียน เตียวมู่ถังกัดฟันแน่นดูดซับพลังปราณ ผ่านไปเกือบหนึ่งวันหลังจากดึงเข็มเงินออกจากร่างเตียวมู่ถังเสร็จสิ้น เนี่ยฟงก็พุ่งทะยานเข้าหาหยุยเหลยเป็นคนที่สอง
เวลาค่อย ๆ ไหลผ่าน แต่ละคนพลังปราณพุ่งทะยานจนถึงขีดจำกัดของร่างกาย อีกทั้งเนี่ยฟงยังขัดเกลาทักษะฝีมือของแต่ละคนจนถึงระดับเชี่ยวชาญ อาจมีบางคนได้รับคัมภีร์ทักษะแปลกประหลาดที่เนี่ยฟงได้มาจากการปล้นชิงมากจากที่ต่าง ๆ หยุยเหลยกำชับกระบี่ในมือแน่นไม่ถึงครึ่งลมหายใจกระบี่ในมือสว่างจ้า เขาตวัดกระบี่ในมือปราณกระบี่พุ่งหายเข้าไปในซอกหิน เปรี้ยง! ตูม!! ปราณกระบี่กวาดทุกอย่างหายไปในพริบตา หยุยเหลยตัวสั่นสะท้านจ้องมองกระบี่ในมือ เขาหันไปมองเนี่ยฟงพร้อมกับคุกเข่าลง เนี่ยฟงทำได้เพียงยกยิ้มสะบัดมือขวาใช้พลังปราณพยุงตัวหยุยเหลยยืนขึ้นเช่นเดิม
“เอาละตอนนี้พวกท่านคงพร้อมกันแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางไปที่เขาลู่เปียนจิน”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวาโยนแผ่นหยกให้แก่ทุกคน
“นั้นเป็นแผ่นหยกที่ข้าจะใช้ติดต่อกับพวกท่าน หรือพวกท่านติดตามหาข้าเพียงแค่โคจรลมปราณไปที่แผ่นหยกข้าจะรับรู้เอง ตอนนี้เราทั้งหมดจะแยกกันออกเดินทางเพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกตมากเกินอีก อีกหนึ่งเดือนเจอกันที่ตีนเขาลู่เปียนจินขอรับ”
เนี่ยฟงหันไปมองซงเหวินลู่
“พี่ชายเหวินลู่รบกวนท่านส่งแผ่นยันต์ให้ข้าด้วยขอรับ”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวายื่นแผ่นยันต์สีเหลืองสามแผ่นให้แก่ซงเหวินลู่ หลังจากนั้นเขาก็ถีบเท้าพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
“อีกหนึ่งเดือนพบกันขอรับพี่ชายทั้งหลาย”
ผ่านไปเจ็ดวันเนี่ยฟงปลอมตัวเป็นชายฉกรรจ์ติดหนวดเคราสวมชุดสีเทานั่งมองแผนที่ในมืออยู่บนหลังคาโรงเตี๊ยมหลังหนึ่งในเมืองข้างกายมีไหเหล้าอยู่สองขวด ชั่วน้ำเดือดเขาก็พบกับชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งแต่งกายคล้ายนักพรตผู้หนึ่งในมือถือธงผ้าสีดำมีอักษรเขียนว่าปราบมารร้ายก้าวเดินเข้าไปในตรอกข้างโรงเตียมที่เนี่ยฟงนั่งอยู่ เป็นจังหวะเดียวกับที่มีชายกลุ่มชายฉกรรจ์ขี้เมาสามคนเดินออกมาจากตรอกเช่นกัน ทั้งสี่เดินชนกันในตรอก ทันใดนั้นเองชายฉกรรจ์แต่งตัวคล้ายนักพรตสะบัดมือขวานำบางอย่างป้อนให้แก่ชายฉกรรจ์ทั้งสามไม่นานเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นหลังจากนั้นก็เดินหายเข้าไปในเงามืด เนี่ยฟงถึงกับขมวดคิ้วเพราะเขาสัมผัสบางอย่าง เสียงร้องโหยหวดดังแว่วมาจากในตรอก เมื่อเขาพุ่งลงไปตรวจสอบพบเห็นชายฉกรรจ์สามคนจ้องมองมาที่ตนด้วยดวงตาแดงก่ำ พลังปราณถูกแผ่ออกจากร่างไม่ถึงสามลมหายใจชายฉกรรจ์ทั้งสามก็พุ่งเข้าหาเนี่ยฟงอย่างรวดเร็ว เสียงสะบัดมือดังแว่วมีดสั้นสามเล่นพุ่งผ่านลำคอศีรษะของทั้งสามกระเด็นร่วงลงพื้นเนี่ยฟงแสยะยิ้มพุ่งหายเข้าไปในเงามืด
“เจ้าสะกดรอยตามข้า เจ้าต้องการสิ่งใดรึพ่อหนุ่ม”
เสียงสะบัดมือดังแว่วแผ่นยันต์สีเหลืองปรากฏออกมาด้านหน้า
“เหอะ ที่แท้ก็คือพวกสวะมีสิ่งใดรึถึงได้ติดตาม”
“ข้าอยากทราบว่าท่านทำอย่างไรถึงเปลี่ยนชายฉกรรจ์สามคนเมื่อครู่กลายเป็นปีศาจร้าย”
ธงผ้าสีดำถูกซัดออกไปด้านหน้า เนี่ยฟงสะบัดมือขวาซัดมีดสั้นออกไปสองเล่มทำลายธงผ้าสีดำ เปรี้ยง! ส่วนอีกเล่มหนึ่งพุ่งเข้าหาชายฉกรรจ์
“บัดซบ!!”
เสียงสบถดังลั่นมาจากชายฉกรรจ์ ร่างกายขยายสูงใหญ่มากกว่าเดิม เสื้อผ้าสวมใส่ชุดนักพรตขาดกระจายร่วงลงพื้นแขนและขายาวผิดปกติ มีเขาแหลมงอกออกมาจากหัวไหล่ทั้งสอง เนี่ยฟงยกยิ้มเอ่ยวาจาออกมา
“อีกนานหรือไม่กว่าที่ท่านจะกลายร่างโดยสมบูรณ์”
“หุบปากของเจ้าซะ”
สิ้นเสียงกล่าวชายฉกรรจ์ด้านหน้าถีบเท้าพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับจ้วงแทงกรงเล็บในมือขวาเข้ามา เนี่ยฟงสะบัดมือขวากำชับดาบในมือแน่นตวัดออกไปด้านหน้า คมดาบวาดผ่านลำคอศีรษะกระเด็นร่วงลงพื้น
“ตลอดเจ็ดวันข้าสังหารพวกนักพรตพวกนี้หลายสิบคนแล้ว ไม่รู้พวกที่ชายมู่ถังจะเป็นอย่างไรบ้าง”
ทันใดนั้นเองแผ่นหยกที่ห้อยข้างกายก็เปล่งแสง เนี่ยฟงรีบคว้าขึ้นมาตรวจสอบพร้อมกับขมวดคิ้ว
“พี่ชายเหวินลู่พบเจอปัญหาแล้ว”