บทที่ 394
เซียวซูจวินร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น เสื้อผ้าสวมใส่ขาดหลุดรุ่ยลงพื้นร่างกายมีแต่รอยบาดแผลเลือดไหลซึมออกมา หยุยเหลยเองก็ไม่ต่างกันแขนซ้ายได้รับบาดเจ็บเป็นรอยกรงเล็บกรีดยาวลงมาถึงข้อศอกแขนเสื้อชุ่มไปด้วยเลือดทั้งสองจ้องมองกันอย่างไม่วางตา ตอนนี้คนส่วนใหญ่หลบหนีเข้าไปในเมืองหมดแล้วด้านบนกำแพงมีทหารนับร้อยยืนประจำการ กลุ่มของเตียวมู่ถังยังคงกระจายตัวล้อมคนทั้งสองเช่นเดิมแต่อยู่ห่างออกมาจากจุดปะทะเล็กน้อยเพื่อป้องกันปราณกระบี่ที่พุ่งออกมา
“พี่ชายมู่ถังรีบสังหารชายผู้นั้นซะเขาไม่สามารถกลับไปเป็นเช่นเดิมได้อีกแล้ว อีกอย่างเราต้องเดินทางต่อขอรับ”
เตียวมู่ถังขมวดคิ้วหันไปมองซวี่ซงที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“น้องซงรีบไปเตรียมเกวียนลากเราต้องออกเดินทางแล้ว”
ซวี่ซงพยักหน้าถีบเท้าถอยออกไปพร้อมกับซินหยางและซงเหวินลู่เพื่อไปจัดการเกวียนลาก เตียวมู่ถังหันไปมองหยุยเหลย
“ได้เวลาจัดการแล้วคุณชายหยุยเหลย”
สิ้นเสียงกล่าวของเตียวมู่ถังกระบี่ในมือของหยุยเหลยสว่างวาบ เซียวซูจวินกรีดร้องด้วยความตกใจจากแสงสว่างจากกระบี่ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบหยุยเหลยปรากฏตัวด้านหน้า กรงเล็บในมือขวาจ้วงแทงออกไปด้านหน้า หยุยเหลยบิดตัวไปทางซ้ายตวัดกระบี่ตัดแขนขวาขาดกระเด็น เขาหมุนตัวก้มลงหลบกรงเล็บในมือซ้ายจ้วงแทงกระบี่ไปที่ปลายคาง เซียวซูจวินเอียงตัวหลบไปด้านหลัง หยุยเหลยแสยะยิ้มเร่งโคจรลมปราณไปที่กระบี่ฟาดฟันออกไปด้านหน้า ฉับ! คมกระบี่วาดผ่านร่างกายของเซียวซูจวินขาดเป็นสองท่อน ปราณดาบพุ่งผ่านปะทะพื้นดิน ตูม! เกิดเป็นร่องกระบี่ปรากฏ เตียวมู่ถังหันไปมองที่ประตูเมืองเสียงสะบัดมือดังแว่วสนับเหล็กถูกสวมใส่ในมือขวา
“พี่น้องทั้งหลายรีบไปกลับไปที่เกวียนลากเถอะ เราต้องเดินทางกันต่อแล้ว”
สิ้นเสียงกล่าวเตียวมู่ถังยกยิ้มต่อยหมัดขวาออกไป ปราณหมัดขนาดใหญ่พุ่งปะทะพื้นหินด้านหน้าประตูเมือง ตูม! เกิดเป็นหลุมลึกฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณดินส่วนใหญ่พุ่งไปปิดประตูเมืองจนถึงครึ่งประตู หลังจากนั้นจึงถีบเท้ากลับไปที่เกวียนลาก ไม่ถึงสามลมหายใจ เปรี้ยง! ตูม! ประตูเมืองถูกทำลายลงด้วยการโจมตีเดียว ปรากฏชายผู้หนึ่งพุ่งทะยานออกมาเป็นชายฉกรรจ์สวมชุดเกราะสีเงินรูปร่างสูงใหญ่มีมัดกล้าม ในมือถือง้าวขนาดใหญ่มีคมทั้งสองด้าน เขาสะบัดมือขวาเก็บง้าวในมือด้านหลังมีชายฉกรรจ์สวมชุดดำสองคนติดตาม ชายฉกรรจ์แสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พุ่งทะยานไปที่ซากศพของเซียวซูจวิน
“ซูจวินน้องพี่ บัดซบ! บัดซบ!! พวกมันเป็นผู้ใดกัน”
“เรียนท่านรองแม่ทัพเซียวชินหยางจากที่ข้าสอบถาม กลุ่มคนผู้นั้นประกอบไปด้วย เตียวมู่ถัง ซวีซง พี่น้องอสรพิษแซ่กง หัวขโมยซินหยาง นักย่องเบาเก่อคัง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นมือสังหารยกเว้นเจ้านครดั้นเมฆหยุยเหลย แต่ทว่ากลุ่มคนพวกนี้เองที่เป็นคนสังหารคนของลัทธิสวรรค์”
“แล้วอย่างไรพวกมันสังหารน้องชายข้า สั่งคนของเราทั้งหมดสืบข่าวของพวกมันข้าจะสังหารพวกมันทั้งหมดเซ่นวิญญาณน้องข้า”
ชายชุดดำทั้งสองพยักหน้าตอบรับพุ่งทะยานออกไป ทิ้งชายฉกรรจ์นั่งแสยะยิ้มกอดซากศพของเซียวซูจวินเขารีบปลดแหวนออกจากมือขวาพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมาเสียงดัง
“ทหารทุกนายที่เมืองหน้าด่านจงฟังคำสั่งข้ารองแม่ทัพเซียวซินหยาง ให้ติดตามกลุ่มคนที่หลบหนีไปผู้ใดจับกุมหรือสังหารพวกคนกลุ่มนั้นได้ข้าจะเลื่อนขั้นให้สามขั้น”
เสียงตะโกนดังลั่นออกมาจากเมืองหน้าด่านทหารจำนวนไม่น้อยนั่งฝูงสัตว์อสูรพยัคฆ์ออกมาจากเมืองไล่ติดตามกลุ่มของเตียวมู่ถังไปอย่างเร่งรีบ เซียวซินหยางยกยิ้มถีบเท้าพุ่งกลับเข้าไปในเมือง
“ตอนนี้ลัทธิสวรรค์กำลังรวบรวมกำลังคนเพื่อบุกชิงขลุ่ยวิเศษจากสำนักขลุ่ยสวรรค์ เพื่อใช้ในการควบคุมผู้คนตามคำสั่งของหม่าซือเทียน คนผู้นี้แอบอ้างรับคำบัญชาจากเทพคอยเข่นฆ่าผู้คนตั้งตนเป็นใหญ่ เราจะเดินทางไปที่สำนักขลุ่ยสวรรค์ก่อนหลังจากนั้นค่อยขึ้นเขาอู่เปียนจิน พวกท่านทั้งหมดเตรียมตัวให้พร้อม”
ทางด้านเตียวมู่ถังตอนนี้นั่งสะบัดเชือกบังคับเกวียนลากอย่างเร่งรีบครุ่นคิดตามสิ่งที่เนี่ยฟงที่นั่งอยู่บนหลังคาเกวียนลากเอ่ยวาจาผ่านลมปราณ แน่นอนว่าทุกคนในกลุ่มได้ยินครั้งแรกล้วนแล้วแต่ตื่นตกใจถึงความสามารถของชายหนุ่มนามเนี่ยฟง ทั้งหมดเร่งเดินทางอย่างเร่งรีบตลอดระยะเวลาสี่วันก็เข้าสู่เขตแดนของสำนักขลุ่ยสวรรค์ ที่นี่เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตามองไปด้านหน้ามองเห็นเป็นป้อมปราสาทขนาดใหญ่มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านด้านหน้า พื้นที่ด้านนอกมีกระโจมน้อยใหญ่ของชาวยุทธ์ตั้งอยู่ เตียวมู่ถังชะลอเกวียนลากหยุดเพราะมีด่านขนาดเล็กคอยตรวจผู้คนอยู่ด้านหน้า
“ทั้งหมดลงมาจากเกวียนลาก พวกเจ้าทั้งหมดเป็นคนของใคร”
เสียงตะโกนดังลั่นของทหารผู้หนึ่ง
เตียวมู่ถังขมวดคิ้วหันไปมองบนหลังคา เนี่ยฟงถีบเท้าพุ่งทะยานลงไปด้านล่างสะบัดมือขวานำป้ายไม้และทองคำออกมาสามก้อนยื่นให้แก่ทหารผู้นั้น
“รบกวนพี่ชายเปิดทางด้วยขอรับ”
ทหารผู้นั้นมองเห็นป้ายไม้ในมือและทองคำอีกสามก้อนเขารีบยกมือขึ้นมาโบกไปมาด้วยท่าทีหวาดกลัว
“เกรงใจมากไปแล้วน้องชายทองทั้งสามก้อนเจ้าเก็บเอาไว้เถอะ ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะเป็นคนของผู้อาวุโสเจียงเหลียง รู้หรือไม่ผู้อาวุโสอยู่ที่ไหนเขาหายตัวไปหลายวันแล้ว”
เนี่ยฟงก้มหน้าครุ่นคิดนานนับสิบลมหายใจ
“เรื่องนั้นตัวข้าคงไม่ทราบขอรับ เพราะพวกข้าออกไปหาสมุนไพรหลายเดือนแล้ว ว่าแต่พี่ชายที่นี่มีเรื่องอันใดรึ ผู้คนถึงมารวมตัวกันที่นี่มากมายนัก”
“ท่านเจ้าตำหนักขลุ่ยสวรรค์เปิดการประลองยุทธ์เลือกคู่ให้บุตรสาวคืนนี้เวลายามซวี”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้ม
“พี่ชายข้ามีเรื่องสอบถามอีกได้หรือไม่”
“เจ้ากล่าวมาเถอะ”
“พวกข้าสามารถตั้งกระโจมรอที่ด้านหน้าได้หรือไม่ ตอนนี้ผู้อาวุโสเจียงเหลียงไม่อยู่ข้าไม่อยากมีปัญหากับพวกด้านใน”
“พวกเจ้าคงมีเรื่องบาดหมางกับคุณชายใหญ่หยางหยางสินะ ข้าเข้าใจดีพวกข้าทั้งหมดถึงได้ย้ายตัวเองมาอยู่ข้างนอกนี้อย่างไรละ”
“ขอบคุณพี่ชายมากที่่เข้าใจขอรับ”
หลังจากนั้นไม่นานทั้งหมดก็ลงมาจากเกวียนลาก สองพี่น้องแซ่กงรับหน้าที่เฝ้าเกวียนลากส่วนที่เหลือติดตามเนี่ยฟงเข้าไปด้านใน
“พวกท่านมีใครสนใจเข้ารวมประลองเลือกคู่หรือไม่ขอรับ”
ทั้งหมดต่างนิ่งเงียบ เนี่ยฟงหรี่ตามองไปที่หยุยเหลย
“หากเป็นเช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนพี่ชายหยุยเหลยเข้าร่วมการประลองแล้ว”
หยุยเหลยหาได้กล่าวสิ่งใดเพียงพยักหน้าตอบรับ เนี่ยฟงยกยิ้มสะบัดมือขวาซัดขวดยาสีขาวนวลในมือออกไป
“ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้าก็แล้วกันขอรับ”
หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็หันไปมองรอบด้านแผ่ลมปราณออกจากร่างยืนนิ่งไม่ไหวติงนานสิบลมหายใจ เป็นเตียวมู่ถังที่เอ่ยวาจาสอบถามด้วยความสงสัย
“มีสิ่งใดรึน้องชาย”
“เมื่อครู่ข้าตรวจพบใครบางคนแอบแผ่จิตสังหารมาทางพวกเรา พวกท่านระวังตัวเอาไว้หน่อยก็ดี ที่นี่คงเต็มไปด้วยคนจากลัทธิสวรรค์แฝงตัวมาเป็นแน่”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวานำแหวนออกมาหนึ่งวงมอบให้ซินหยาง
“พี่หยางท่านคงเข้าใจนะว่าหมายถึงสิ่งใด”
“แน่นอน แน่นอนข้าเข้าใจดี”
ซินหยางยกยิ้มคว้าแหวนในมือเนี่ยฟงพร้อมกับหันไปสบตากับเก่อคัง
“ทันที่ที่เริ่มการประลองข้าจะแจ้งต่อท่านเองว่าต้องทำอย่างไรต่อ”
“ไม่มีปัญหา”
หลังจากนั้นซินหยางและเก่อคังก็ปลีกตัวออกไปจากกลุ่ม หลังจากนั้นทั้งหมดก็หาที่ว่างตั้งกระโจมนานนับครึ่งชั่วยามกระโจมก็ถูกตั้ง กลุ่มคนมากมายต่างเดินเท้าเข้ามาในบริเวณกระโจมน้อยใหญ่ถูกตั้ง ซงเหวินลู่รีบก้าวเดินเข้ามาหาเนี่ยฟงและเตียวมู่ถังอย่างเร่งรีบ
“คุณชาย ข้าพบเจอคนของลัทธิสวรรค์ระดับผู้อาวุโสมาที่นี่”
เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับ
“คนพวกนั้นคงทราบข่าวการตายของเจียงเหลียงหรือหานโหวจื่อแล้ว”
เนี่ยฟงหันไปมองเตียวมู่ถังที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“เม็ดยาเพิ่มพลังปราณพวกท่านยังมีเหลืออีกหรือไม่”
เตียวมู่ถังยกยิ้มหันไปมองเนี่ยฟง
“ยังคงมีเหลืออยู่”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวานำขวดยาออกมาอีกสองขวดมอบให้เตียวมู่ถัง
“พี่มู่ถังนำเม็ดยาไปแจกเถอะเพราะคืนนี้เราคงต้องปะทะกับพวกมัน”