บทที่ 391
หลังจากที่เนี่ยฟงจัดการสังหารอู่เซียนจี้กลุ่มโจรที่เหลือถูกสังหารจนสิ้น คืนนั้นเองผู้ใหญ่บ้านจึงจัดงานเลี้ยงตอบแทนพวกเขา เนี่ยฟงยืนปฏิเสธหวังเดินทางต่อทิ้งให้ชายฉกรรจ์ทั้งสองมู่เทียนซือและมู่เทียนคงอยู่ในงานเลี้ยงแทน แน่นอนว่าทั้งสองอยากติดตามไปด้วยแต่เนี่ยฟงไม่อยากรับคนติดตามเพิ่มแล้ว เกวียนลากมุ่งหน้าออกเดินทางยามค่ำคืนพร้อมกับเสียงร้องคำรามของสัตว์อสูรที่ออกหากิน น่าแปลกครั้งนี้ในเกวียนลากคันแรกมีเพียงเนี่ยฟงนั่งอยู่ด้านในและเตียวมู่ถังขับอยู่ด้านนอก แก่นพลังปราณวางเกลื่อนพื้นวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าถูกบีบอัดย่อส่วนลงอย่างช้า ๆ ไม่นานมันพุ่งลงไปที่ใบกระบี่ที่วางอยู่ด้านล่าง วูบ! กระบี่สั่นสะท้านชั่วครู่ไม่นานก็สงบนิ่ง ผ่านไปครึ่งเค่อวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าอีกวงก็พุ่งไปที่ใบกระบี่อีกครั้ง วูบ! ครั้งนี้หาได้สั่นสะท้านเนี่ยฟงรีบคว้าขึ้นมาตรวจสอบ ทันทีที่โคจรลมปราณไปที่กระบี่ใบกระบี่สว่างวาบออกมาไม่ถึงครึ่งลมหายใจก็ดับแสงลง หลายคนที่ขับเกวียนติดตามมาด้านหลังถึงกับตื่นใจ จนถึงรุ่งเช้าขบวนเกวียนลากออกจากป่าก็พบพื้นที่รกร้าง เสียงเอ่ยวาจาดังแว่วมาจากด้านในเกวียนลาก
“พี่ชายมู่ถังรบกวนหยุดเกวียนลากทีขอรับ ข้าจัดการกับอาวุธของพวกท่านเสร็จหมดแล้ว”
เตียวมู่ถังยกยิ้มอย่างดีใจสะบัดมือทั้งสองบังคับให้เกวียนลากชะลอตัวลงไม่นานก็หยุดนิ่ง เนี่ยฟงลงมาจากเกวียนลากหรี่ตามองทุกคนด้านหน้าเขาสะบัดมือขวาอาวุธมากมายพุ่งไปหาผู้เป็นนาย แต่ละคนคว้ารับด้วยความดีใจ
“ข้าปรับแต่งอาวุธของพวกท่านตามทักษะและปราณในร่างให้สามารถแสดงพลังได้มากที่สุด”
เนี่ยฟงหันไปมองเตียวมู่ถัง
“พี่ชายมู่ถังอีกนานหรือไม่เราจะเข้าเขตเมืองหน้าด่าน”
“หากเร่งออกเดินทางไม่เกินยามไฮ่ เราคงถึงหน้าประตูเมือง”
เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับ
“เช่นนั้นเราออกเดินทางเถอะ ข้าต้องการสมุนไพรหลายอย่าง”
เนี่ยฟงหันไปมองซงเหวินลู่ที่จ้องมองดาบในมือไม่ไหวติง
“พี่ชายเหวินลู่มีสิ่งใดรึขอรับ”
“ข้าละอายใจต่อท่านนักคุณชาย”
“อย่าคิดมากขอรับ เช่นนั้นข้ารบกวนให้ท่านส่งแผ่นยันต์อีกได้หรือไม่ถือว่าเป็นการตอบแทนข้าเรื่องดาบก็แล้วกัน”
ซงเหวินลู่ยกยิ้มยกมือขวาคว้ารับแผ่นยันต์นับสิบแผ่นที่เนี่ยฟงโยนให้ ชั่วน้ำเดือดแผ่นยันต์นับสิบแผ่นพุ่งทะยานขึ้นบนท้องฟ้าหายลับไปกับตา หลังจากนั้นเกวียนลากก็พุ่งทะยานไปตามทางเมื่ออกเดินทางมาได้ไม่นานเนี่ยฟงเอ่ยวาจาออกมา
“พี่ชายมู่ถังมีคนแอบติดตามด้านหลัง ข้าจะออกไปจัดการเองรบกวนท่านแจ้งต่อพี่ชายซือปลอมตัวเป็นข้าทีขอรับ แล้วพบกันในเมืองข้าจะติดต่อท่านเอง”
เนี่ยฟงไม่รอให้เตียวมู่ถังเอ่ยวาจาใดเขาก็จางหายไปจากเกวียนลาก เตียวมู่ถังหันไปมองด้านหลังก็พบว่าเนี่ยฟงหายตัวไปแล้ว หลังจากออกจากจากเกวียนลากเนี่ยฟงใช้เกราะสายฟ้าเป็นม่านพลังบดบังเขายืนนิ่งเร่งโคจรลมปราณรอบางอย่าง ใต้เท้าปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าทับซ้อนกันสองวง ไม่ถึงครึ่งเค่อเขาก็พบกับชายฉกรรจ์สวมชุดสีดำสามคนพุ่งทะยานเข้ามา เมื่อทั้งสามเข้ามาในระยะเนี่ยฟงกระทืบเท้าขวาลงพื้น เปรี้ยง! แรงกดดันมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากพื้นดินชายฉกรรจ์ทั้งสามตื่นตกใจคิดถีบเท้าถอยออกไปด้านหลังแต่ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว มีดสั้นสามเล่มพุ่งปักตรึงที่เท้าซ้ายของทั้งสามอย่างแม่นยำ เนี่ยฟงก้าวเดินออกมาจากม่านพลัง
“พวกท่านทั้งสามเป็นผู้ใดกัน เหตุใดถึงแอบติดตามกลุ่มของข้า”
ทั้งสามตื่นตกใจไม่น้อยแต่ทว่าหาได้มีผู้ใดเอ่ยวาจาใดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ
“ข้าให้เวลาพวกท่านตัดสินใจสามลมหายใจ หนึ่ง”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงสะบัดมือขวากำชับดาบในมือตวัดผ่านลำคอชายผู้หนึ่งทางขวามือ เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดพร้อมกับศีรษะกระเด็นร่วงลงพื้น
“สอง”
ดาบในมือตวัดผ่านลำคอชายผู้หนึ่งทางซ้ายมือเหลือเพียงชายผู้หนึ่งตรงกลางที่ตอนนี้ตัวสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว สายตาทั้งสองจ้องมองไปที่หยดเลือดสีแดงที่ไหลหยดลงพื้น เนี่ยฟงแสยะยิ้มยกดาบในมือขวาขึ้นช้า ๆ
“ข้าบอก ข้าบอกต่อท่านคุณชาย”
เนี่ยฟงจ้วงแทงดาบไปที่เท้าขวาที่ว่างอยู่ของชายฉกรรจ์
“พวกท่านเป็นใครกัน”
“ข้าเป็นคนของแม่ทัพโจเทียหวินแห่งแคว้นเซียงเตียน”
“แล้วเหตุใดพวกท่านถึงคิดแอบติดตามข้า”
“พวกข้าได้รับคำสั่งจากท่านแม่ทัพให้ติดตามกลุ่มคนน่าสงสัยที่คิดว่าจะเป็นพวกลัทธิสวรรค์”
เนี่ยฟงขมวดคิ้ว
“ข้าเห็นคนของคุณชายใช้แผ่นยันต์สีเหลือง”
“ท่านคงยังไม่แจ้งข่าวให้คนของท่าน ใช่หรือไม่”
“ยัง ข้ายังไม่ได้แจ้งข่าวใด ๆ”
“ดีเช่นนั้นข้าให้เวลาท่านสิบลมหายใจเพื่อแจ้งข่าว ตอนนี้มีกลุ่มคนจากลัทธิสวรรค์กลุ่มใหญ่มุ่งหน้าไปที่เมืองหน้าด่าน”
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้นเนี่ยฟงดึงดาบขึ้นมา ชายฉกรรจ์กัดฟันทนสะบัดมือขวากำชับม้วนกระดาษขนาดเล็ก เขาใช้มือซ้ายประกบไปที่ปากพร้อมกับเป่าออกมาเสียงดังหวีดหวิว เขาแหงนมองบนท้องฟ้าไม่นานพบเห็นสัตว์อสูรเหยี่ยวตัวใหญ่บินทะยานผ่านมา ม้วนกระดาษในมือถูกโยนขึ้นบนท้องฟ้า เหยี่ยวตัวใหญ่ใช้กรงเล็บคว้าจับที่ม้วนกระดาษพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงสะบัดมือขวาเก็บดาบในมือใช้มือซ้ายฟาดไปที่ศีรษะของชายฉกรรจ์ด้านหน้า เปรี้ยง! เขาก้มลงดึงมีดสั้นทั้งสามเล่มสะบัดมือขวาเก็บมีดสั้นนำของบางอย่างออกมาโยนเอาไว้ข้างซากศพทั้งสาม เป็นผ้าสีแดงมีอักษรแปลกประหลาดเขียนเอาไว้หลังจากนั้นเขาปลดแหวนของทั้งสามถีบเท้าพุ่งทะยานติดตามกลุ่มของเตียวมู่ถังไปอย่างเร่งรีบ
เป็นไปตามที่เตียวมู่ถังกล่าวขบวนเกวียนลากมาถึงเมืองหน้าด่านใกล้ถึงยามไฮ่ ประตูเมืองขนาดใหญ่ที่ทำด้วยไม้ปิดสนิทด้านหน้าเมืองมีกระโจมน้อยใหญ่ตั้งอยู่หลายกลุ่มนั่งกินอาหารล้อมกองไฟ กลิ่นเนื้อย่างโชยมาตามสายลม เตียวมู่ถังเรียกทุกคนบอกกล่าวแผนการไม่นานทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปตั้งกระโจมและก่อกองไฟ เนี่ยฟงปลอมตัวเป็นชายฉกรรจ์ผิวเข้มสวมชุดแขนสั้นสีเทามัดผมหางม้า นั่งพักอยู่ใต้ก้อนหินใกล้กับกลุ่มของเตียวมู่ถัง เขาเอ่ยวาจาผ่านลมปราณไปยังเตียวมู่ถังที่ยืนอยู่หน้ากระโจม
“พี่ชายมู่ถัง คนที่แอบติดตามเราเป็นคนของแม่ทัพโจเทียหวิน อีกอย่างที่เมืองหน้าด่านแห่งนี้อาจมีคนของลันธิสวรรค์แฝงตัวอยู่ ข้าตรวจสอบยอดฝีมือทางกระโจมขวามือของท่านกลุ่มใหญ่สั่งคนของเราให้ระวังตัวไว้ คืนนี้พวกท่านจงระวังตัวอาจมีการปะทะเกิดขึ้นที่นี่”
เตียวมู่ถังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่นานนับสิบลมหายใจหลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปหาหยุยเหลยที่ยืนคุยอยู่กับแป๊ะซือ เก่อคัง และซินหยาง เนี่ยฟงนั่งโคจรลมปราณพร้อมกับแผ่ลมปราณตรวจสอบโดยรอบ ย่างเข้ายามจื่อเนี่ยฟงหรี่ตามองไปที่ด้านหน้าของเมืองเห็นกลุ่มชายชุดดำนับสิบคนพุ่งทะยานลงมาจากกำแพงเมืองทั้งหมดกำชับดาบในมือแน่น มีหลายกลุ่มที่ยังไม่นอนเริ่มปลุกเรียกคนที่เหลือให้ตื่น ในกลุ่มชายชุดดำมีคนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมานำหน้าเขานำป้ายไม้มีอักษรสลักคำว่าโจขึ้นชูเหนือศีรษะพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมาเสียงดังลั่น
“ข้ามีนามว่าหวังหู่ปิงเป็นคนของแม่ทัพโจเทียหวิน ได้รับรายงานว่ามีกลุ่มคนของลัทธิสวรรค์แอบแฝงตัวอยู่ที่นี่ ข้าจึงขอทำการตรวจค้น”
ผู้คนแต่ละกลุ่มต่างออกมายืนรวมกันอยู่ที่หน้ากระโจมหลังของแต่ละกลุ่มเช่นเดียวกันกับของเตียวมู่ถังที่ตอนนี้ให้แป๊ะซือปลอมตัวเป็นเนี่ยฟงสวมชุดสีฟ้าขลิบเทา ไม่นานกลุ่มของหวังหู่ปินก็เข้ามาตรวจสอบที่กระโจมของเตียวมู่ถัง ทันใดนั้นเองมีเสียงร้องโหยหวนดังแว่วมาจากกระโจมทางขวามือ ชายชุดดำสองคนถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมด้วยง้าวขนาดใหญ่ของชายฉกรรจ์ผู้หนึ่ง ร่างกายของทั้งสองขาดหลุดออกจากกันด้วยการฟาดฟันง้าวเพียงครั้งเดียว เนี่ยฟงรีบเอ่ยวาจาผ่านลมปราณไปยังเตียวมู่ถัง
“พี่ชายมู่ถังยังไม่ต้องลงมือเรายังไม่รู้แน่ชัดว่าคนที่ลงมือเป็นพวกลัทธิสวรรค์หรือไม่ เพราะยังมียอดฝีมืออีกสองคนอยู่ในกระโจม”