บทที่ 390
กลิ่นหอมของเนื้อย่างโชยไปตามสายลม เกือบชั่วยามเตียวมู่ถังและซินหยางก็กลับมา ทั้งสองได้แต่ส่ายศีรษะไปมารีบเดินเข้าหาเนี่ยฟงที่กำลังนั่งโคจรลมปราณอยู่ใต้ต้นไม้เป็นเตียวมู่ถังที่เอ่ยวาจาออกมา
“ป่าแห่งนี้แปลกประหลาดนัก ข้ารู้สึกถึงค่ายกลทรงพลังบางอย่างแอบซ่อนอยู่”
เนี่ยฟงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“ไม่แปลกขอรับ ที่นั่นต้องเป็นพื้นที่สำคัญของพวกโจรหานซุยก็เป็นได้ บางทีอาจจะเป็นทางเข้าที่ตั้งของพวกมันเดิมทีข้าก็แปลกใจไม่น้อยว่าเหตุใดพวกทางการถึงไม่สามารถจัดการกับกลุ่มโจรพวกนี้ลงได้ ทานอะไรเสียหน่อยขอรับเราจะหยุดพักที่นี่ก่อนก็แล้วกัน เอาไว้พรุ่งนี้เช้าเราค่อยออกเดินทางต่อ”
รุ่งเช้ายามอรุณเริ่มทอแสง ในระหว่างที่กลุ่มของเนี่ยฟงเตรียมตัวออกเดินทางได้มีขบวนเกวียนลากกลุ่มใหญ่เดินผ่านเส้นทางป่าชูจือ เนี่ยฟงแผ่ลมปราณตรวจสอบพบยอดฝีมือนับสิบติดตามคุ้มกันขบวน ย่างเข้ายามซื่อกลุ่มของเนี่ยฟงก็เริ่มออกเดินทาง ระหว่างการเดินทางเนี่ยฟงได้แผ่ลมปราณตรวจสอบตลอดเวลา การเดินทางค่อนข้างลำบากเล็กน้อยเนื่องจากสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ทันใดนั้นเองเนี่ยฟงก็ตรวจพบบางอย่างด้านหน้าห่างออกไปประมาณสองลี้ เขาจึงเอ่ยวาจาบอกกล่าวแก่เตียวมู่ถัง
“ด้านหน้าประมาณสองลี้มีจิตสังหารแผ่ออกมา กลุ่มขบวนที่ผ่านเราไปก่อนหน้าคงพบเจอปัญหาบางอย่างเป็นแน่”
“ให้ข้าไปตรวจสอบหรือไม่”
“ไม่ต้องขอรับ อีกไม่นานเราคงถึงจุดนั้นพวกท่านเตรียมตัวกันเถอะ”
เตียวมู่ถังพยักหน้าตอบรับ เนี่ยฟงจึงเอ่ยวาจาผ่านลมปราณแจ้งแก่ทุกคน เกือบสองเค่อเกวียนลากของกลุ่มเนี่ยฟงก็มาถึงจุดหมาย สภาพรอบด้านมีแต่ร่องรอยการปะทะสัตว์อสูรที่ใช้ลากเกวียนหลบหนีหาย ผู้คนส่วนใหญ่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมสภาพของซากศพประดุจถูกอสูรร้ายเข้าโจมตี แขนขาถูกกระชากออกมาจากร่างกายเลือดไหลนองไปตามพื้นเพราะสายฝน ทันใดนั้นทั้งหมดก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วมาทางขวามือ
“พี่ชายแซ่กงทั้งสองติดตามข้ามา ส่วนคนที่เหลือพวกท่านตรวจสอบซากศพพวกนี้ทีขอรับว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงถีบเท้าพุ่งทะยานไปทางขวามือ สองพี่น้องแซ่กงรีบพุ่งติดตาม ไม่ถึงสิบลมหายใจทั้งสามก็พบชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่เปลือยร่างกายกำลังข่มขืนหญิงสาวผู้หนึ่งอยู่ใต้ตนไม้ใหญ่ เนี่ยฟงขมวดคิ้วกระโดดถีบที่ด้านหลังของชายฉกรรจ์ เปรี้ยง! กระเด็นไปชนต้นไม้เนี่ยฟงรีบสะบัดมือขวานำผ้าสีดำมาห่มให้หญิงสาว แต่ทว่าก็สายไปเสียแล้วหญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้นตอนนี้สิ้นลมหายใจไปแล้ว ชายฉกรรจ์รีบลุกขึ้นหันมาจ้องมองผู้มาใหม่ทั้งสามอย่างไม่วางตา
“บัดซบ! เจ้าพวกหนูสกปรกคิดขัดขวางความสุขของบิดา”
ชายฉกรรจ์เอ่ยวาจาออกมาอย่างหัวเสีย เนี่ยฟงแสยะยิ้มเอ่ยวาจาออกมาเช่นกัน
“ช่างน่าขำยิ่งนัก กล่าวเรียกตัวเองว่าบิดาแต่ความเป็นชายของเจ้านั้นมิต่างไปจากเด็กน้อย”
พี่น้องแซ่กงทั้งสองหรี่ตามองความเป็นชายของชายฉกรรจ์ด้านหน้าถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“ปากดีนัก ข้าหานโหวจือไม่เคยมีผู้ใดหยามเกียรติเช่นนี้มาก่อน”
“เหอะ! นั้นเพราะหาได้มีผู้ใดเห็นของท่าน ร้อยทั้งร้อยเมื่อผู้ใดได้พบเห็นก็ต้องกล่าวเช่นข้าอยู่ดี”
“หุบปากของเจ้าซะไอ้ลูกหมา!”
เนี่ยฟงหาได้กล่าวสิ่งใดตอบยกมือขวาขึ้นพร้อมกับฟาดฟันไปด้านหน้า สองพี่น้องแซ่กงสะบัดมือขวากำชับดาบในมือพุ่งเข้าหาหานโหวจือ หานโหวจือเองรีบระเบิดพลังปราณออกมา กลิ่นอายสัตว์อสูรพวยพุ่งออกมาจากร่าง ร่างกายเขาขยายใหญ่ยิ่งกว่าเดิม มีขนมากมายขึ้นปกคลุมร่างกาย เล็บมือทั้งสองงอกยาวเช่นสัตว์อสูรจ้วงแทงและตวัดกรงเล็บในมือทั้งสองต้านรับ เนี่ยฟงใช้เวลานั้นเข้าตรวจสอบร่างกายของหญิงสาวบนพื้น ร่างกายมีแต่รอยช้ำเป็นจ้ำ ๆ ที่ลำคอมีรอยบีบอย่างเห็นได้ชัด
“เดิมทีข้าคิดจะจากไปหาได้สนใจยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มโจรหานซุยของพวกเจ้า แต่สิ่งที่เจ้ากระทำในวันนี้ เห็นทีข้าคงต้องไปเยี่ยมเยือนพวกเจ้าเสียแล้ว พี่ชายทั้งสองรีบสังหารมันผู้นั้นเถอะขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงใช้ทักษะจิตแห่งเทพมังกรไปที่หานโหวจืออย่างเต็มกำลัง สองพี่น้องแซ่กงเมื่อเห็นว่าหานโหวจือยืนนิ่งไปชั่วขณะทั้งสองจึงจ้วงแทงดาบในมือไปที่หน้าท้อง ปลายดาบทั้งสองทะลุออกไปด้านหลัง หานโหวจือร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด
“บัดซบ! เจ้าใช้ทักษะเช่นเดียวกับพี่ใหญ่หานซุยได้อย่างไรกัน?”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นถึงกับขมวดคิ้วจ้องมองไปที่หานโหวจือด้วยความแปลกใจ หานโหวจือเกรงหน้าท้องบีบรัดฉุดรั้งดาบทั้งสองเล่มเอาไว้พร้อมกับตวัดกรงเล็บทั้งสองข้างโจมตีหมายสังหารสองพี่น้องแซ่กงด้านหน้า เนี่ยฟงสะบัดมือขวาปรากฏเกราะสายฟ้าออกมาต้านรับ สองพี่น้องแซ่กงระเบิดพลังปราณกระชากดาบออกมา เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดออกมาจากบาดแผล สายฟ้าพุ่งออกมาจากเกราะสายฟ้ารัดไปที่ลำตัวของหานโหวจือ
“แล้วทักษะเช่นนี้พี่ใหญ่ของเจ้ามีมันหรือไม่?”
ความเจ็บปวดจากสายฟ้าแล่นไปยังสมอง หานโหวจือหาได้กล่าวสิ่งใดตอบดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น กงหลี่หันมามองเนี่ยฟง
“คุณชายท่านจะสังหารมันผู้นี้หรือไม่ขอรับ?”
เนี่ยฟงก้มหน้าครุ่นคิด
“ยังขอรับพี่ชายหลี่ ข้าคิดว่ามีบางอย่างที่ดีกว่านั้น”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวาสลายเกราะสายฟ้าและสายฟ้าที่รัดตัวหานโหวจือ เขาพุ่งเข้าประชิดตัวหานโหวจือที่กำลังพยายามลุกขึ้นยืน วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏที่ฝ่ามือขวาเนี่ยฟงแสยะยิ้มซัดฝ่ามือขวาไปที่จุดตันเถียนของหานโหวจืออย่างรวดเร็ว เปรี้ยง! โครม!! หานโหวจือกระเด็นไปชนกับต้นไม้ใหญ่ด้านหลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ขนทั่วร่างหดหายร่างกายค่อย ๆ หดย่อจนปกติ เนี่ยฟงสะบัดมือขวานำขวดยาออกมา เขารีบเทเม็ดยาป้อนให้แก่หานโหวจือเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ แน่นอนว่ากงหลี่เองต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เหตุใดคุณชายถึงต้องรักษามันผู้นี้ด้วยขอรับ?”
“อย่าแปลกใจขอรับพี่ชายหลี่ ข้าจะให้มันผู้นี้กระทำบางอย่าง อีกอย่างข้ารบกวนท่านบางอย่างได้หรือไม่?”
“เชิญกล่าวมาเถอะขอรับคุณชาย”
เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับสะบัดมือขวาเก็บขวดยาเอาไว้
“ข้ารบกวนท่านแอบซ่อนตัวดูมันผู้นี้ หากมันได้สติรบกวนพี่ชายกลับไปแจ้งข้าทีได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหาขอรับคุณชาย”
เนี่ยฟงยกยิ้มหันไปพยักหน้าให้กับกงซาน
“เช่นนั้นเรากลับไปหาพวกพี่ชายมู่ถังกันก่อน รบกวนพี่ชายนำร่างหญิงสาวผู้นี้กลับไปด้วยนะขอรับ”
กงซานพยังหน้าเดินเข้าไปอุ้มร่างอันไร้วิญญาณของหญิงสาวติดตามเนี่ยฟงออกไป กงหลี่ถีบเท้าพุ่งทะยานขึ้นไปแอบบนกิ่งไม้ใหญ่พร้อมกับใช้ทักษะปิดบังตัวตนจ้องมองมายังร่างของหานโหวจือ ทันทีที่เนี่ยฟงกลับมาถึงก็พบเตียวมู่ถังและคนที่เหลือต่างก้มหน้าครุ่นคิดบางอย่าง เนี่ยฟงจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เกิดสิ่งใดขึ้นขอรับพี่ชายมู่ถังเหตุใดพวกท่านถึงทำหน้าตาเช่นนั้น?”
“กลุ่มคนพวกนี้เป็นคนจากตระกูลปิง ตระกูลใหญ่แห่งแคว้นเซียงเตียน พวกเขากำลังนำบุตรสาวของหัวหน้าตระกูลปิง ปิงเหมยเหนียนไปยังแคว้นจางเพื่อเป็นนางสนมในวังขอรับ”
“เป็นนางผู้นี้หรือไม่”
เนี่ยฟงชี้ไปที่ร่างหญิงสาวที่กงซานอุ้มเดินเข้ามา
“เป็นนางขอรับ”
“ข้าช่วยนางเอาไว้ไม่ได้ เมื่อข้าไปถึงนางถูกหานโหวจือย่ำยีจนตาย แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจเหตุใดท่านถึงต้องกังวลใจ”
“ในอดีตตอนที่ข้ายังเป็นหนุ่มหัวหน้าตระกูลปิงเคยช่วยเหลือข้าเอาไว้”
เนี่ยฟงหยักหน้าตอบรับ
“ท่านไม่ต้องกังวล รอพี่ชายกงหลี่กลับมาเราจะบุกไปที่ค่ายโจรหานซุย ท่านได้แก้แค้นให้ผู้มีพระคุณของท่านแน่นอน เราจะกวาดล้างกลุ่มโจรหานซุยเช่นเดียวกับลัทธิสวรรค์”
“ขอบคุณ ขอบคุณคุณชาย”
“พวกท่านเตรียมตัวเถอะ คงไม่ถึงครึ่งชั่วยามพี่ชายหลี่คงกลับมา ปล่อยสัตว์อสูรกลับเข้าป่าเถอะเราคงต้องเดินทางด้วยเท้ากันแล้ว”
และก็เป็นไปตามที่เนี่ยฟงกล่าว ไม่ถึงครึ่งชั่วยามกงหลี่ก็พุ่งทะยานเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“คุณชายหานโหวจือได้สติแล้วขอรับ มันพุ่งหายเข้าไปในป่าแล้ว”
เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับ
“ท่านไม่ต้องแปลกใจข้ามีวิธิติดตามมันผู้นั้นอยู่”
เนี่ยฟงหันไปมองเตียวมู่ถังที่จ้องมองมาทางตนด้วยความสงสัย เสียงสะบัดมือดังแว่วปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าบนพื้น เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่ฝ่ามือขวาพร้อมกับซัดลงพื้น เปรี้ยง! วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าสว่างวาบพุ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“พี่ชายทั้งหลายคงพร้อมแล้วติดตามข้าไปจัดการกลุ่มโจรหานซุยกันเถอะ”
ทั้งหมดถีบเท้าพุ่งทะยานติดตามเนี่ยฟงหายเข้าไปในป่า