ตอนที่ 357 - 358: ดราม่าในคาเฟ่, อันลัน
ตอนที่ 357 ดราม่าในคาเฟ่
กู้หนิงลองชิมขนมหวานดูบ้าง อื้ม อร่อยจริงด้วย หวานแต่ไม่เลี่ยน
“ซ่งหม่านหนี่ อย่าทำเกินไปนักนะ!” อยู่ๆก็มีเสียงแหลมของผู้หญิงดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของคนในคาเฟ่ ไป๋เสวี่ยเหยียนและกู้หนิงหันไปมองตามเสียง
มีผู้หญิงสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวมุม ผู้หญิงที่อายุประมาณ 30 ปีนั่งอยู่คนเดียว เธอสวยในระดับหนึ่ง แต่ใบหน้าอ่อนฝั่งตรงข้ามกับเธอ มีผู้หญิงอายุประมาณ 50 ปีกับหญิงสาวอายุประมาณ 25 ปีนั่งด้วยกัน เสียงแหลมเมื่อสักครู่มาจากหญิงสูงวัย
หลังจากเผลอขึ้นเสียง หญิงสูงวัยก็เพิ่งตระหนักว่าได้ทำตัวเสียมารยาม เธอจึงหุบปากของเธอลง
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หญิงสูงวัยก็พูดเสียงเบาว่า “ซ่งหม่านหนี่ ในเมื่อเธอเป็นหมันก็น่าจะรู้ตำแหน่งของตัวเองและรีบจากไปซะ เหม่ยซินกำลังท้องและกำลังจะแต่งงานกับอาเจี๋ย เธอรีบหย่าๆไปซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว!” หญิงสูงวัยกล่าวกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไร้ความเมตตา
แม้ว่าเสียงของหญิงสูงวัยจะเบามาก แต่ว่าทุกคนที่อยู่ในร้านก็ยังพอจับใจความได้ รวมถึงกู้หนิงและไป๋เสวี่ยเหยียนด้วย เมื่อได้ยินคำพูดไร้คุณธรรมของหญิงสูงวัย กู้หนิงก็รู้สึกรังเกียจในใจแม้จะยังไม่ทราบเรื่องราวทั้งหมดและไม่ควรด่วนสรุป แต่ดูเหมือนว่าหญิงสูงวัยคนนี้กับสามีของซ่งหมานหนี่นั้นเป็นคนไร้ยางอาย
ซ่งหม่านหนี่เป็นหมัน สามีของเธอก็ควรหาวิธีหย่าที่นุ่มนวลที่สุด ไม่ใช่บังคับหย่าโต้งๆแบบนี้ แถมมีเมียน้อยที่ท้องแล้วด้วย!
“จริงด้วย พี่สาว ถึงแม้การที่พี่เป็นหมันจะไม่ใช่ความผิดของพี่ แต่พี่ยังดื้อดึงรักษาตำแหน่งเมียหลวงไว้แบบนี้ก็ไม่ดีกับทุกฝ่าย พี่ปล่อยให้พี่เขยไม่มีทายาทสืบสกุลไม่ได้นะ! และตอนนี้ฉันก็อุ้มท้องลูกของเขาอยู่ พี่น่าจะฉลาดกว่านี้นะ หย่ากับเขาได้แล้ว!” หญิงสาวที่อายุน้อยกว่าเป็นฝ่ายพูด
ได้ยินเช่นนั้นกู้หนิงก็รู้สึกรังเกียจผู้หญิงสองคนนี้ ไม่คิดว่าคนที่แย่งสามีของซ่งหม่านหนี่คือน้องสาวของเธอเอง! แถมยังท้องอีกด้วย!
“เรื่องบ้าอะไรเนี่ย! ครอบครัวนี้ไร้ยางอายจริงๆ!” ไป๋เสวี่ยเหยียนพูดด้วยความโกรธ สบถเสียงดัง
หญิงสูงวัยและหญิงที่เป็นฝ่ายแย่งสามีคนอื่นหน้าเสียทันที หันควับมามองไป๋เสวี่ยเหยียน
“ฉันบอกพวกคุณแล้วว่าฉันจะหย่ากับเขา แต่เฝิงเจี๋ยต้องไปแต่ตัว” ซ่งหม่านหนี่พูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น ไม่มีร่องรอยความโกรธในน้ำเสียง ไม่ใช่ว่าเธอไม่โกรธ แต่เธอรู้สึกว่าเธอพอแล้ว ตอนนี้เธอยอมรับความจริงได้แล้ว แต่จะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ของตัวเองเด็ดขาด
“เป็นไปไม่ได้ ลูกชายของฉันเป็นคนซื้อบ้าน ทำไมเขาต้องไปตัวเปล่าด้วย?” หญิงสูงวัยไม่สบอารมณ์
“เพราะว่าเขานอกใจฉัน เพราะฉะนั้นเขาต้องไปตัวเปล่า” ซ่งหม่านหนี่แค่นเสียงเยาะ “และฉันจ่ายเงินค่ามัดจำด้วยกันกับลูกชายของคุณด้วย ดังนั้นบ้านไม่ใช่แค่ของเขาคนเดียว อีกอย่างสองสามปีมานี้ฉันเป็นคนจ่ายค่าบ้านมาตลอด เงินที่ลูกชายคุณจ่ายไปแค่หนึ่งในสามเท่านั้น”
“แล้วยังไง? เธอแต่งเข้าครอบครัวของเราแล้ว ของๆเธอก็คือของๆพวกเรา อีกอย่างเธอก็คลอดเด็กไม่ได้ เธอควรจ่ายค่าชดเชยให้พวกเราซะด้วยซ้ำ!” หญิงสูงวัยไม่ยอม เธอหน้าด้านจนคนรอบข้างต้องอายแทน
“บ้าอะไรวะเนี่ย หน้าด้านเกินไปแล้ว!” ไป๋เสวี่ยเหยียนทนไม่ไหว เผลอด่าออกมาอีกครั้ง
“หุบปากนะ!” หญิงสูงวัยตวาดไป๋เสวี่ยเหยียน
“ไม่ แล้วจะทำไม?” ไป๋เสวี่ยเหยียนผุดลุกขึ้นยืนทันที เดินไปหาพวกเขา “นังแม่มดหน้าด้าน แล้วก็ลูกชายหน้าด้านและนังเมียน้อยหน้าด้าน ไปลงนรกซะ!
ในที่สุดกู้หนิงก็เข้าใจว่าทำไมคุณนายไป๋จึงเตือนไป๋เสวี่ยเหยียนให้สงบเสงี่ยม ไม่ก่อปัญหา เพราะบางครั้งไป๋เสวี่ยเหยียนก็หุนหันพลันแล่นจริงๆ อย่างไรก็ตามกู้หนิงไม่ได้หยุดเธอเพราะตัวเธอเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
“นังเด็กนี่ พูดว่าไงนะ!” หญิงสูงวัยและเมียน้อยโกรธจัด
“หูหนวกรึยังไง? อยากกัดฉันหรอ? มาสิๆ” ไป๋เสวี่ยเหยียนยื่นแขนออกไป เธอจงใจพูดคำว่า ‘กัด’ ที่ออกเสียงเหมือนหมาบ้า
“นังเด็กบ้า!” หญิงสูงวัยลุกขึ้นยืนและง้างมือจะตบหน้าไป๋เสวี่ยเหยียน “นังแก่บ้านี่!”
ก่อนที่มือของหญิงสูงวัยจะกระทบหน้าของไป๋เสวี่ยเหยียน ซ่งหม่านหนี่ก็ผลักเธอลงไปที่โซฟา
“พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง!” ซ่งเหม่ยซินตำหนิซ่งหม่านหนี่
“แกกล้าทำยังงี้ได้ยังไง!” หญิงสูงวัยตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ก็สมควรโดนแล้วนี่” น้ำเสียงของซ่งหมานหนี่เริ่มหมดความอดทน “หน้าด้านและไร้ยางอายจนไม่รู้ตัวเองเลยหรือ? ถ้าอยากให้ฉันเซ็นใบหย่าก็ทำตามข้อเรียกร้องของฉัน ถ้าฉันไม่เซ็น เด็กที่เกิดมาก็จะกลายเป็นลูกนอกกฎหมาย สุดท้ายคนที่จะถูกหัวเราะเยาะก็คือพวกคุณไม่ใช่ฉัน!”
“พี่!” ซ่งเหม่ยซินเริ่มหวั่นไหวเมื่อได้ยินคำว่า ‘ลูกนอกกฏหมาย’ เพราะเธอคือลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลซ่ง และด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงถูกหัวเราะเยาะและอับอายขายหน้าตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ดังนั้นเธอจึงมีความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อคำว่า "ลูกนอกกฎหมาย" และจะไม่ยอมให้ลูกของเธอเจอสิ่งเดียวกันเด็ดขาด
พ่อของซ่งหม่านหนี่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาวมาก แต่แม่ของซ่งหม่านหนี่ให้กำเนิดลูกสาวเพียงคนเดียวคือซ่งหม่านหนี่ และด้วยเหตุนี้ แม่ของซ่งหม่านหนี่จึงถูกครอบครัวฝ่ายสามีรังแกตลอดเวลา
ไม่กี่ปีต่อมา แม่ของซ่งหม่านหนี่ยังคงล้มเหลวในการให้กำเนิดลูกชาย ดังนั้นสามีจึงแอบมีความสัมพันธ์กับแม่ของซ่งเหม่ยซินโดยที่ยังไม่ได้หย่า
ไม่นานแม่ของซ่งเหม่ยซินก็ตั้งครรภ์ แต่พ่อของซ่งหม่านหนี่กังวลว่าจะเป็นลูกสาวอีกคน ดังนั้นเขาจึงโกหกเธอว่าคนในครอบครัวเพิ่งเสียชีวิต ไม่ควรมีพิธีแต่งงานในช่วงนี้ แต่พวกเขาจะแต่งงานกันในอีกหนึ่งปีต่อมาหลังจากที่เด็กเกิด
แม่ของซ่งเหม่ยซินตกหลุมรักพ่อของซ่งหม่านหนี่อย่างสุดซึ้ง ดังนั้นเธอจึงตกลง อย่างไรก็ตามเมื่อเด็กเกิดมา ก็เป็นลูกสาวอีกคน ดังนั้นพ่อของซ่งหม่านหนี่จึงเสียใจและบอกแม่ของซ่งเหม่ยซินว่าเขาแต่งงานแล้ว
แม่ของซ่งเหม่ยซินโกรธจัด แต่ไม่เต็มใจที่จะทิ้งพ่อของซ่งหม่านหนี่ ดังนั้นเธอจึงตกลงที่จะอยู่กับเขาและให้กำเนิดลูกชายให้กับเขา ถ้าแม่ของซ่งเหม่ยซินสามารถให้กำเนิดลูกชายได้ พ่อของซ่งหม่านหนี่จะหย่ากับแม่ของเธอ แต่ถ้าเป็นลูกสาวอีกคนก็จะส่งเด็กไปอยู่ที่อื่น หนึ่งปีต่อมา แม่ของซ่งเหม่ยซินได้ตั้งครรภ์อีกครั้งและให้กำเนิดลูกชาย ดังนั้นพ่อของซ่งหม่านหนี่จึงหย่ากับแม่ของเธอหลังจากนั้น
แม่ของซ่งหม่านหนี่รู้อยู่แล้วว่าสามีนอกใจ หัวใจของเธอแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ดังนั้นเธอจึงไม่ร้องไห้หรือโต้เถียเมื่อลงนามในข้อตกลงการหย่าร้าง
ตอนที่ 358 อันลัน
หลังจากหย่าร้าง พ่อของซ่งหมานหนี่ได้พาแม่ของแม่ของเหม่ยซินพร้อมกับซ่งเหม่ยซินและน้องชายของเธอกลับบ้าน และพวกเขากลายเป็นเรื่องตลกของชาวบ้าน ซ่งเหม่ยซินและน้องชายถูกเรียกว่าลุกนอกกฎหมายและถูกเด็กคนอื่นรังแกมาเป็นเวลานาน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซ่งเหม่ยซินก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เพื่อประโยชน์ของลูก เธอต้องเปลี่ยนท่าที “พี่หม่านหนี่ เรามีให้เงินพี่ได้แค่หนึ่งแสนหยวน แต่ว่าทิ้งบ้านให้พวกเราเถอะนะ พี่มีเงินเดือนสูง คงจะซื้อบ้านใหม่ได้ง่ายกว่าพวกเรา แต่เราไม่มีที่อยู่หากไม่มีบ้านนี้!”
ราคาบ้านในตอนนี้สูงมาก บ้านหลังธรรมดาก็ปาไปแล้วอย่างน้อยหลายล้านหยวน พวกเธอไม่มีเงินซื้อหรอก
ได้ยินเช่นนั้น ซ่งหม่านหนี่ก็หัวเราะออกมา “เธอเอาเงินหนึ่งแสนมาแลกกับบ้านราคาเกินล้านเนี่ยนะ? เธอนี่มันฉลาดแกมโกงแล้วก็โง่จริงๆ พวกเธอไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วยังไง? ไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน!”
“ถูก! ฉันไม่เคยเห็นคนหน้าหนาหน้าด้านและไร้ยางอายแบบนี้มาก่อน น่ารังเกียจจริงๆ ทำลายชีวิคคู่ของผู้หญิงคนหนึ่งและยังจะขโมยบ้านของเธออีกด้วย!” ไป๋เสวี่ยเหยียนสนับสนุนซ่งหม่านหนี่เต็มที่
“เธอ!” ซ่งเหม่ยซินทั้งอับอายและโกรธที่ถูกไป๋เสวี่ยเหยียนและซ่งหม่านหนี่พูดจาให้อับอาย เธอรู้ว่าการกระทำของเธอผิดศีลธรรม แต่แล้วไงล่ะ? เธอทำเพื่อผลประโยชน์ของเธอเอง
“ซ่งหม่านหนี่ พวกเราให้โอกาสเธอโดยการมาคุยกับเธอ ถ้าเธอยังไม่ยอมประนีประนอม ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน!” หญิงสูงวัยข่มขู่
“นี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเรียกคุณว่าแม่ แม่เองก็เคยเข้าโรงเรียน น่าจะรู้นะคะว่ากฎหมายคืออะไร ที่ฉันยังไม่ฟ้องก็เพราะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้พวกแม่อยู่นะ แม่ควรรู้ไว้ว่าฝ่ายที่แพ้ต้องจ่ายค่าดำเนินคดี และฉันไม่แพ้อย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ทำตามข้อเสนอของฉัน ก็รอจดหมายจากทนายของฉันได้เลย!” ซู่หม่านหนี่เอ่ยเสียงเรียบ
ซ่งหม่านหนี่ไม่ใช่คนอ่อนแอ เธอถูกละเลยและรังแกมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเธอจึงเรียนรู้การพึ่งพาตนเอง แม้ว่าเธอจะยังคงอาศัยอยู่กับพ่อของเธอหลังจากที่พ่อแม่ของเธอหย่าร้างกัน แต่แม่ของเธอเป็นฝ่ายจ่ายค่าเล่าเรียนทั้งหมดของเธอเพราะพ่อปฏิเสธที่จะส่งเสีย เขาเชื่อว่าการที่เด็กผู้หญิงได้รับการศึกษานั้นไม่มีความหมาย
ขณะที่เธอเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย แม่ของเธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และเธอทำงานพิเศษไปด้วยเรียนไปด้วย สิ่งที่เธอทำนั้นได้ผล เธอเรียนได้ผลการเรียนดีเยี่ยมและได้งานทำที่ดี งานของเธอคือออกแบบภายในซึ่งค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยแต่ได้เงินเดือนสูง อย่างไรก็ตาม เธอแต่งงานกับผู้ชายผิดคน
ส่วนที่ว่าเธอมีบุตรยากจริงๆ หรือไม่นั้น เธอตัดสินใจที่จะเก็บเป็นความลับไว้ก่อน หลังจากที่เธอหย่ากับสามีแล้ว เธอจะบอกความจริงกับพวกเขาในตอนนั้น ซ่งหม่านหนี่ไม่ยอมอ่อนข้อให้พวกเขาแน่ ใครทำอย่างไรกับคนอื่นก็ต้องได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน ใครก็ตามที่พยายามทำร้ายเธอ เธอจะตอบโต้อย่างแน่นอน สามีและแม่สามีก่อกวนเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นเธอจึงมีแผนการจะทุบตีพวกเขาอยู่แล้ว
“เธอ…” เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสูงวัยก็นึกกลัว เธอรู้ว่าพวกเธอจะแพ้คดีอย่างไม่ต้องสงสัย มิเช่นนั้นคงไม่พยายามบังคับให้ซ่งหม่านนีประนีประนอมด้วยการข่มขู่แทนที่จะใช้กฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากพวกเธอไม่ได้บ้าน พวกเธอจะต้องย้ายกลับไปที่เมืองเล็กๆ ที่ยากจน ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเธอต้องการ
“ซ่งหม่านหนี่ เธอเลือดเย็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน? เธอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา เธออยากให้พวกเรานอนข้างถนนงั้นรึ?” หญิงสูงวัยถามราวกับว่าซ่งหม่านหนี่เป็นคนที่ใจร้ายกับพวกเธอก่อน การกระทำนี้น่าหัวเราะจริงๆ
ซ่งหม่าหนี่หัวเราะ “น่าสนใจดีนะ แล้วตอนที่ทำร้ายฉันเคยคิดบ้างไหม? ฉันเป็นเหยื่อ ไม่ใช่พวกคุณ!”
ในเวลานี้ พนักงานเสิร์ฟเข้ามาและพูดว่า “ขออภัยด้วยนะคะ ทางร้านมีลูกค้ารายอื่นๆที่นี่ด้วย กรุณาพูดคุยกันเบาๆนะคะ”
“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ” ซ่งหม่านหนี่เอ่ยขอโทษก่อนหันไปทางผู้หญิงหน้าด้านสองคน “ฉันมีเรื่องพูดเท่านี้แหละ กรุณาอยู่ให้ห่างจากฉันไว้!”
หลังจากนั้นเธอหยิบกระเป๋าและขอบคุณไป๋เสวี่ยเหยียนก่อนจะเดินออกไป ไป๋เสวี่ยเหยียนกลับไปที่นั่งของเธอ ขณะที่หญิงสูงวัยและซ่งเหม่ยซินตกตะลึง พวกเธอไม่กล้าสร้างปัญหาที่นี่และไม่ได้ขวางซ่งหม่านหนี่เอาไว้ เถียงกันต่อไปก็ไร้ประโยชน์ แต่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเธาจะไม่ทำอะไรเลย พวกเธอจะไม่ยอมแพ้เรื่องบ้านและไม่รอให้ซ่งหม่านหนี่ฟ้องด้วย
ไป๋เสวี่ยเหยียนยังคงบ่นหลังจากที่เธอกับมานั่งอีกครั้ง “ยายแม่มดเฒ่ากับนังเมียน้อยช่างไร้ยางอายจริงๆ! ทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งและพยายามจะขโมยบ้านของเธอ!”
“โชคดีที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อ่อนแอ ไม่อย่างนั้นคงเสร็จกัน”
“ฉันล่ะอยากให้ครอบครัวยายแม่มดลงนรกไปซะ!”
“OMG! เสวี่ยเหยียน ดีใจที่ได้เจอเธอที่นี่นะ” ทันใดนั้นเสียงผู้ชายสำเนียงชาวต่างชาติก้ดังขึ้นที่ด้านหลังพวกกู้หนิง ไป๋เสวี่ยเหยียนลุกขึ้น หันไปมองข้างหลัง ชายรูปร่างสูง อายุราวๆ 28 ปี ผมหยักศก ใบหน้ามีเสน่ห์ มีเหลี่ยมสันตามแบบชาวต่างชาติ และดวงตาสีฟ้า รอยยิ้มเซ็กซี่ขยี้ใจ
กู้หนิงก็เห็นเขาแล้วเช่นกัน ผู้ชายคนนี้คงเป็นเจ้าของคาเฟ่ตามที่ไป๋เสวี่ยเหยียนบอก
เมื่อเห็นผู้มาใหม่ ไป๋เสวี่ยเหยียนก็เกิดอาการประหม่าราวกับว่าเจอคู่รัก
“อัลลัน Hi!” ไป๋เสวี่ยนหยียนเอ่ยทัก
“Hi!” อัลลันตอบ จากนั้นมองไปที่กู้หนิงก่อนยื่นมือไปจับทักทาย “ยินดีที่ได้พบครับ คุณเป็นเพื่องเสวี่ยสินะ”
กู้หนิงลุกขึ้นและจับมือทักทาย “ยินที่ได้รู้จักค่ะ คุณอัลลัน”
“รู้จักผมด้วยหรือ?” อัลลันแปลกใจ
“เสวี่ยเหยียนเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟังแล้วค่ะ” กู้หนิงตอบ
ได้ยินเช่นนั้น อัลลันก็ยิ้มเบาๆก่อนถามว่า “ผมขอทราบชื่อคุณได้ไหม?” “กู้หนิงค่ะ” กู้หนิงตอบ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณกู้ เครื่องดื่มและขนมหวานวันนี้ของคุณผมเลี้ยงเอง” อัลลันแสดงความมีน้ำใจ
กู้หนิงไม่ปฏิเสธ “ขอบคุณมากค่ะ”
“ด้วยความยินดีครับ ถ้างั้นผมไม่รบกวนพวกคุณล่ะ เชิญตามสบายครับ”
“ค่ะ ขอบคุณมาก” กู้หนิงและไป๋เสวี่ยเหยียนตอบพร้อมกัน