ตอนที่ 355 - 356: ซับซ้อน, ช่องว่างระหว่างวัยไม่ใช่ปัญหา
ตอนที่ 355 ซับซ้อน
“ใช่! แม้แต่หลานชานสองคนของฉันก็แทบจะเทียบกับหนูกู้ไม่ได้เลย!” นายท่านหยวนถอนหายใจ
กู้หนิงเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่สุดในคนรุ่นเยาว์ นายท่านไป๋ไม่โทษไป๋เสวี่ยเหยียนจริงๆและก็ไม่ได้หวังให้หลานสาวต้องเก่งกาจเหมือนกู้หนิง เขาเพียงต้องการกระตุ้นให้เธอพึ่งตัวเองเพื่อจะได้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น พวกเขาเดินต่ออีกครึ่งช่วงโมงก่อนเดินกลับ ถึงเวลารับประทานอาหารแล้ว
ระหว่างรับประทานอาหาร คุณนายไป๋ก็คอยคีบอาหารใส่ชามข้าวของกู้หนิงจนพูน ถึงจะหิวมากขนาดไหน ด้วยปริมาณอาหารขนาดนี้ก็ยากจะทานให้หมด ดังนั้นเธอจึงคอยเบรกคุณนายไป๋เป็นระยะๆ หลังทานข้าวเสร็จ ทุกคนก็ไปนั่งพักกันที่ห้องนั่งเล่น
ระหว่างนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ไป๋เสวี่ยเหยียนเขยิบเข้าไปใกล้กู้หนิงและถามว่า “กู้หนิง เธอพาฉันไปที่ร้านหยกบิวตี้ด้วยได้ไหม?”
“ได้สิ” กู้หนิงตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ
ไป๋เสวี่ยเหยียนทำหน้าพึงพอใจและบอกแม่ของเธอ คุณนายไป๋ไม่ได้ขัดค้าน เอ่ยเตือนให้เธอทำตัวให้ดี อย่าก่อปัญหา ไป๋เสวี่ยเหยียนถูกครอบครัวพะเน้าพะนอมาตลอด แต่เธอก็ไม่ใช่คนนิสัยเสียจนกู่ไม่กลับ เธอทะเลาะกับคนที่เธอไม่ชอบเท่านั้น
ที่ผ่านมาเธอมีเรื่องกับคนอื่นไปทั่ว ซึ่งทำให้คุณนายไป๋เป็นกังวล แม้ว่าจะเป็นการทะเลาะเล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีหากเธอสร้างปัญหาอีกครั้ง
ต่อมาพวกเธอก็ออกจากบ้านตระกูลไป๋ นายท่านหยวนไปส่งพวกเธอที่ร้านหยกบิ้วตี้ หลังจากที่ส่งกู้หนิงกับไป๋เสวี่ยเหยียนแล้ว นายท่านหยวนก็กลับบ้าน
ในความเป็นจริงไป๋เสวี่ยเหยียนไม่สนใจเครื่องประดับ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่เมื่อเธอพบว่ากู้หนิงเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ เธอก็ตกใจและสงสัย จึงมาดูสักหน่อย
มีลูกค้าจำนวนมากในร้าน และพนักงานขายทั้งหมดต่างกำลังยุ่งให้บริการ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าร้านได้รับความนิยมอย่างมาก
แม้ว่าจะมีลูกค้าจำนวนมากในร้าน ทว่ามีเพียงส่วนน้อยที่ซื้อเครื่องประดับจริงๆ แต่ก็นั่นก็เพียงพอสำหรับกู้หนิงที่จะทำเงินเป็นจำนวนมาก ร้านหยกบิวตี้เป็นร้านเครื่องประดับระดับไฮเอนด์ ราคาต่อชิ้นย่อมไม่ใช่ถูกๆ
พนักงานขายไม่ทราบว่าไป๋เสวี่ยเหยียนคือใคร ดังนั้นเธอจึงเข้ามาแนะนำเครื่องประดับให้ไผ๋เสวี่ยเหยียนแต่ถูกกู้หนิงหยุดไว้ “ไม่เป็นไร เธอมากับฉันค่ะ”
“คุณหนูกู้ สวัสดีค่ะ” พนักงานกล่าวทักทายกู้หนิงและทำตามคำสั่งของเธอ เดินออกไปดูแลลูกค้ารายอื่น
พนักงานทั้งหมดถูกอบรมมารยาทมาอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเท่าเทียมกัน แม้ว่าลูกค้าจะเป็นเพียงเด็กสาวที่ไม่มีเงินมากพอซื้อเครื่องประดับได้
กู้หนิงบอกไป๋เสวี่ยเหยียนให้ทำตัวตามสบาย จากนั้นเธอก็เดินไปยังห้องทำงานเพื่อพบโจวเจิ้งหง
จี้หยกที่กู้หนิงสั่งทำไว้สำหรับเพื่อนๆของเธอได้ทำเสร็จแล้ว เธอจึงมาเอาเอง ส่วนจี้หยกที่จะนำมาวางขายในร้านเธอค่อยเลือกทีหลัง
หนึ่งคือของขวัญวันเกิดของซูอันหยา และสามรางวัลที่เตรียมไว้สำหรับกาเม่ยบิวตี้ซาลอน ที่เหลือจะเก็บไว้กับเธอ
กู้หนิงได้ยินเสียงเอะอะด้านนอกรวมถึงเสียงด่าทอของไป๋เสวี่ยเหยียน กู้หนิงและโจวเจิ้งหงเดินออกไปดูทันที
ไป๋เสวี่ยเหยียนกำลังโต้เถียงกับเด็กสาวที่อายุพอๆกัน
“หลิวลู่ลู่ ทำไมเธอถึงแย่งของๆคนอื่น? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำ! ทำไมถึงหน้าด้านแบบนี้ ห้ะ!” ไป๋เสวี่ยเหยียนโมโหจนหน้าแดง
“ยังไงเธอก็ไม่ซื้ออยู่แล้ว จะมากล่าวหาว่าฉันแย่งไม่ได้นะยะ!” เด็กสาวที่ชื่อหลิวลู่ลู่ก็ไม่ยอมเช่นกัน ดูเหมือนว่าเธอมั่นใจว่าไป๋เสวี่ยเหยียนไม่มีเงินซื้อเครื่องประดับ
“ฉันไม่ได้เอาเงินติดตัวมาด้วย แต่ฉันกำลังจะจองชิ้นนี้ไว้ก่อน” ไป๋เสวี่ยเหยียนแย้ง
“เธอมีเงินซื้อจริงๆหรือ? อวี้บอกฉันว่าครอบครัวเธอเป็นครอบครัวธรรมดาๆชนชั้นกลาง ฉันไม่คิดว่าเธอมีเงินซื้อนะ เธอรู้ไหมว่าหยกนี้ราคาเท่าไหร่? สามแสนหกหมื่นหยวนเชียวนะยะ!” หลิวลู่ลู่ทำสีหน้าดูถูก เธอไม่รู้ภูมิหลังของไป๋เสวี่ยเหยียนไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าแย่งของจากไป๋เสวี่ยเหยียน ชื่อเต็มของอวี้คือหลินเสี่ยวอวี้ ลูกพี่ลูกน้องของหลินเหยาเหยาเพื่อนของไป๋เสวี่ยเหยียน
หลินเหยาเหยาเป็นเพื่อนสนิทของไป๋เสวี่ยเหยียน เธอรู้จักครอบครัวของไป๋เสวี่ยเหยียน แต่เธอไม่เคยบอกให้คนอื่นรู้ โดยเฉพาะหลินเสี่ยวอวี้และหลิวลู่ลู่
พ่อแม่ของหลิวเหยาเหยาทำงานบริษัทธรรมดาๆ ไป๋เสวี่ยเหยียนไม่ได้คบแค่เพื่อนรวยๆ เธอคบเพื่อนที่เธอเห็นว่าน่าคบ ส่วนครอบครัวของหลินเสี่ยวอวี้ค่อยข้างมีฐานะ เธอจึงชอบรังแกลูกพี่ลูกน้องของเธอ หลินเหยาเหยา
ไป๋เสวี่ยเหยียนเป็นเพื่อนสนิทของหลินเหยาเหยา ในขณะที่หลิวลู่ลู่เป็นเพื่อนสนิทของหลินเสี่ยวอวี้ ดังนั้นพวกเธอจึงเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างหลินเสี่ยวอวี้และหลินเหยาเหยาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไป๋เสวี่ยเหยียนไม่เคยโอ้อวดว่าตัวเธอเป็นใคร ดังนั้นหลินเสี่ยวอวี้และหลิวลู่ลู่จึงคิดว่าเธอก็คงมาจากครอบครัวธรรมดาๆ หลิวลู่ลู่รู้สึกว่าเธอเหนือกว่าไป๋เสวี่ยเหยียน
“อืม ฉันอยากรู้จริงๆ พ่อของเธอที่เป็นรองนายกเทศมนตรี แล้วเขาจะซื้อเครื่องประดับราคาแพงได้อย่างไร?” ไป๋เสวี่ยเหยียนถามอย่างมีความหมาย มันต้องซับซ้อนกว่าที่เห็น ลูกสาวของข้าราชการจะซื้อเครื่องประดับราคาแพงในราคาสามแสนหกหมื่นหยวนได้อย่างไร เขาเอาเงินมาจากไหน? พ่อของหลิวลู่ลู่ต้องรับสินบนแน่นอน
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่เจ้าหน้าที่รัฐรับสินบน แต่ก็หายากนะที่ลูกสาวของข้าราชการระดับสูงเช่นนี้จะกล้าใช้เงินมือเติบ เธอกำลังขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ
ทันใดนั้น ผู้คนต่างมองหลิวลู่ลู่ต่างไปจากเดิม แต่หลิวลู่ลู่ไม่ได้สังเกต เธอยังแสดงจุดยืนทางการเมืองของพ่อและพูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “ไม่ใช่เรื่องของเธอ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดฉันจ่ายได้ก็แล้วกัน” หลิวลู่ลู่กำลังขุดหลุมฝังศพให้พ่อของเธอด้วย
กู้หนิงระงับความปรารถนาที่จะหัวเราะออกมาดังๆ ถ้าหลิวจื่อคุนทราบว่าลูกสาวของเขาโง่มาก เขาอาจจะตายด้วยความโกรธ
ไป๋เสวี่ยเหยียนต้องการเถียงกลับ แต่ถูกกู้หนิงขัดจังหวะ “เสวี่ยเหยียน ให้เธอซื้อเถอะ” ในเวลาเดียวกันกู้หนิงก็มองเธออย่างรู้ทัน ไป๋เสวี่ยเหยียนไม่เข้าใจสิ่งที่กู้หนิงวางแผนจะทำ แต่เธอยังคงฟังกู้หนิง
ตอนที่ 356 ช่องว่างระหว่างวัยไม่ใช่ปัญหา
ไป๋เสวี่ยเหยียนยอมยกเครื่องประดับให้หลิวลู่ลู่ “ก็ได้ เธอพูดถูก ฉันไม่มีเงินซื้อหรอก ตอนนี้มันเป็นของเธอแล้ว”
ไป๋เสวี่ยเหยียนไม่สนใจว่าใครจะมองเธอจน เพราะเธอไม่สนใจความคิดของคนอื่นที่มีต่อตัวเธออยู่แล้ว
“ถ้าเธอไม่มีปัญญาซื้อ ทีหลังก็อย่าเดินเข้ามาในร้านเครื่องประดับ! เธอแกล้งทำเป็นคนรวยไม่ได้หรอกนะ” เมื่อเห็นว่าไป๋เสวี่ยเหยียนยอมรับว่าไม่มีเงิน หลิวลู่ลู่ก็ได้ทีพูดจาดูถูกโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองติดกับดักของคนอื่นแล้ว หลิวลู่ลู่หันไปหาพนักงานแล้วพูดว่า “เอาไปห่อสิ”
พูดจบก็ควักบัตรเครดิตให้พนักงาน บัตรเครดิตนี้แม่เป็นคนให้เธอมา ในฐานะรองนายกเทศมนตรี หลิวจื่อคุนเข้าใจดีว่าเขาต้องถ่อมตน ไม่โอ้อวดความต่ำรวยถึงแม้ว่าเขาจะรับสินบนก็ตาม ภรรยาของหลิวจื่อคุนยังเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ด้วย แต่เธอโง่มากที่มอบบัตรเครดิตให้ลูกสาวด้วยวงเงินหลายล้านหยวน
โดยปกติหากลูกค้าสามารถชำระเงินมัดจำได้ ทางร้านจะเก็บเครื่องประดับไว้ให้ลูกค้าเป็นเวลาสามวัน หากลูกค้าไม่สามารถจ่ายเงินได้หลังจากสามวัน พวกเขาจะขายให้คนอื่น แต่เนื่องจากกู้หนิงซึ่งเป็นเจ้าของ และลูกค้าทั้งสองตกลงกันได้พนักงานขายหญิงจึงเอาเครื่องประดับไปใส่ถุงให้หลิวลู่ลู่ทันที
หลิวลู่ลู่รูดบัตรและเซ็นชื่อ เธอล้อเลียนไป๋เสวี่ยเหยียนอีกครั้งก่อนออกจากร้านราวกับว่าเธอคือเจ้าหญิง หลิวลู่ลู่ผู้โง่เขลา เธอไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงลงไป
กู้หนิงยิ้มเย็น เธอตั้งใจให้หลิวลู่ลู่ทำแบบนั้นเพื่อต้องการให้คนในร้านเป็นพยาน
ไป๋เสวี่ยเหยียนหน้ามุ่ย ไม่พอใจเบาๆ “ทำไมต้องปล่อยให้แม่นั่นซื้อไปด้วย?”
“เพราะฉันอยากได้เงินน่ะสิ” กู้หนิงยิ้ม
“ฉันเองก็จ่ายได้! แค่วันนี้ไม่ได้เอาเงินติดตัวมาเยอะก็เท่านั้นเอง”
“เอาล่ะๆ บอกเธอตรงๆแล้วกัน อันที่จริงฉันมีแผนน่ะ ฉันมีหยกที่ดีกว่านั้นให้เธอ เธอชอบแบบไหนล่ะ?” กู้หนิงถาม
เมื่อได้ยินว่ากู้หนิงมีแผนของตัวเอง ไป๋เสวี่ยเหยียนก็สงบลงเล็กน้อย "จริงหรือ? มันต้องแพงมากแน่ๆ!”
แม้ว่ากู้หนิงจะมีหยกและเงินมากมาย แต่การให้ของขวัญราคาสูงเช่นนี้ถือว่าใจป้ำมาก
“เอาหรือไม่เอา?” กู้หนิงถาม
“เอาสิ!” ไป๋เสวี่ยเหยียนตอบทันควัน “แต่ไม่ได้เอาฟรีๆหรอกนะ ฉันจะจ่ายเงินซื้อเอง” ไป๋เสวี่ยเหยียนไม่ชอบเอาเปรียบใคร
“ไม่ต้องหรอก ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่จากฉันแล้วกัน” กู้หนิงเอ่ย
“ทำไมล่ะ? พวกเราเพิ่งเจอกันเองนะ นี่เธอโง่หรืออะไร?” ไป๋เสวี่ยเหยียนถาม เธอไม่ได้หัวเราะใส่กู้หนิง คิดแค่ว่ามันแพงมาก
กู้หนิงรู้สึกขบขัน แต่สิ่งที่ไป๋เสวี่ยเหยียนพูดก็สมเหตุสมผล
“ถ้าอย่างนั้นเห็นแก่พ่อและปู่ของเธอแล้วกัน ฉันให้ของขวัญชิ้นนี้ โอเคไหม?”
“แต่...” ไป๋เสวี่ยเหยียนลังเล
“ถ้าเธอยังลังเลอยู่ ฉันเสียใจนะ”
“ก็ได้ๆ ฉันรับ”
หลังจากที่ได้เห็นเครื่องประดับที่สวยงามมากมายในร้าน ไป๋เสวี่ยเหยียนก็ค่อยๆ ตกหลุมรักเครื่องประดับหยก ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่สามารถต้านทานความเย้ายวนใจของเครื่องประดับได้ โดยเฉพาะเครื่องประดับที่สวยงาม
“เครื่องประดับอันไหนดีกว่าของยัยนั่น?” ไป๋เสวี่ยเหยียนถามด้วยความอยากรู้
“หยกความสุขทวีคูณมีสีผสมของสีแดงและสีเขียว หรือหยกสีแดงเลือดซึ่งมีสีแดงเหมือนเลือด เธอชอบอันไหนมากกว่ากัน?” กู้หนิงถาม แน่นอนว่ายังมีหยกอื่นๆ ที่ดีกว่าสองประเภทนี้อยู่อีก แต่กู้หนิงเลือกหยกสองแบบที่เหมาะกับเด็กสาว
“หยกสีเลือด!” ไป๋เสวี่ยเหยียนรู้สึกตื่นเต้น เธอชอบสีของมันมากกว่าตัวหยกเอง อันที่จริง สีแดงเป็นสีโปรดของไป๋ เสวี่ยเหยียน เธอมีเสื้อผ้าสีแดงหลายชุด และตอนนี้เธอก็ใส่ชุดสีแดง
“ได้สิ แล้วแบบล่ะ? ชอบแบบไหน?” กู้หนิงถาม
“เอาเป็นจี้หยกมังกร!” ไป๋เสวี่ยเหยียนเอ่ย มังกรเป็นราศีของเธอ
จากนั้นก็หนิงบอกโจวเจิ้งหงไปทำจี้หยกรูปมังกร
จี้หยกของไป๋เสวี่ยเหยียนจะถูกแกะสลักด้วยเครื่องจักร ดังนั้นจึงค่อยข้างใช้เวลา ไป๋เสวี่ยเหยียนสามารถมารับได้ในวันพรุ่งนี้
เมื่อกู้หนิงเดินออกมาจากห้องทำงานอีกครั้ง ไป๋เสวี่ยเหยียนก็ถามเธอว่า “วันนี้เธอว่างรึเปล่า? พวกเราไปช้อปปิ้งด้วยกันดีไหม?”
“ได้สิ!” กู้หนิงเห็นด้วย จากนั้นพวกเธอก็ออกไปช้อปปิ้งด้วยกัน พวกเธอไม่ได้ซื้ออะไรมาก แค่เดินเล่นไปรอบๆด้วยกัน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ไป๋เสวี่ยเหยียนและกู้หนิงไปที่คาเฟ่ ของหวานสุดโปรดของไป๋เสวี่ยเหยียนมีขายในคาเฟ่ ไป่เสวี่ยเหยียนชอบกินของหวานมาก โชคดีที่เธอน้ำหนักไม่ขึ้นเลย มิฉะนั้นเธอคงมีน้ำหนักเกินในเวลาอันสั้นเพราะเธอกินของหวานบ่อยๆ
หลังจากที่ทั้งคู่นั่งลงแล้ว ไป๋เสวี่ยเหยียนก็พูดว่า “ฉันชอบขนมที่นี่และกาแฟด้วย เจ้าของร้านเป็นลูกครึ่งจีน-เยอรมันชื่ออัลลัน อายุยังไม่ถึง 30 ปี ยังโสด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาแก่กว่าฉันมาก ฉันว่าจะจีบเขาแหละ ฮ่าฮ่า”
ไป๋เสวี่ยเหยียนไม่ปิดบังความรู้สึกของตัวเอง เธอชื่นชอบผู้ชายที่ชื่ออัลลันมาก
“ฉันคิดว่าช่องว่างระหว่างวัยไม่ใช่ไม่ปัญหาตราบใดที่ทั้งคู่ชอบพอกัน” กู้หนิงเอ่ย เธอไม่ได้เชียร์ไป๋เสวี่ยเหยียนตามจีบผู้ชาย เธอแค่แสดงความคิดเห็นของเธอ
“จริงหรือ?” ดวงตาของไป๋เสวี่ยเหยียนระยิบระยับ
“อย่างน้อยฉันก็คิดแบบนั้น” กู้หนิงเอ่ย
หลังจากคิดอยู่สักพัก ไป๋เสวี่ยเหยียนก็ถอนหายใจ “ช่างเถอะ ลืมมันซะ ครอบครัวของฉันยังไม่อนุญาตให้มีแฟนตอนนี้อยู่ดี”
กู้หนิงไม่พูดอะไรอีก เพราะไป๋เสวี่ยเหยียนก็ยังเด็กเกินไปจริงๆ และอีกอย่างมันไม่ใช่เรื่องของกู้หนิง
ไม่นาน ทั้งกาแฟและขนมหวานก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะ เมื่อเห็นขนมหวาน ไป๋เสวี่ยเหยียนก็อดทนไม่ไหวต้องลิ้มลองรสชาติ