ตอนที่ 199 ตกลงไปในรอยแยก
ตอนที่ 199 ตกลงไปในรอยแยก
ไนเรลและกลุ่มของเขาที่ประกอบไปด้วย เอวา เมสัน จูเรีย และโลแกนที่มาพร้อมกับมนุษย์ชั้นสูงในกองกำลังหมาป่าอีก 10 คนตามมาด้วย
ส่วนนิเรียนั้นเนื่องจากถึงช่วงเวลาสำคัญในการยกระดับพลังไปขั้น สูง เธอจึงไม่ได้มาด้วย แต่อยู่ที่ค่ายกองกำลังหมาป่าโดยมีมะลิและธีโอ อยู่ด้วย
ทั้งกลุ่มเดินทางกันอย่างรวดเร็ว ด้วยระยะทางแค่ 20 กิโลเมตรมันไม่ได้ไกลมากนักสำหรับมนุษย์ชั้นสูงระดับสูงอย่างพวกเขา
ไนเรลเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเรือบินหมายเลข 1 ที่จอดทิ้งไว้อยู่ มันมีร่องรอยของความเสียหายอยู่ให้เห็น มีทั้งกรงเล็บลากยาวที่น่ากลัวและคราบตะไคร่น้ำที่เกราะอยู่ทั่วเรือบินราวกับว่ามันถูกทิ้งล้างไว้
ไนเรลใช้มือลูบไปที่รอยกรงเล็บที่น่ากลัวขณะที่โลแกนก็พูดเรื่องที่เขาเจอเรือบิน
“ตอนที่เราเจอมันก็มีสภาพแบบนี้แล้ว ดูเหมือนเรือบินจะเสียหายอย่างหนัก คนด้านในตายหมดแล้วหรือไม่ก็อาจจะหนีไปหมดแล้วก็ได้”
“ตรงนั้นมีทางเข้าอยู่ มันเกิดจากการระเบิดขนาดใหญ่” โลแกนอธิบายและเดินนำไป
เมื่อเข้ามาด้านใน พื้นของเรือบินดูจะเอียงเล็กน้อย
“ทางเดินส่วนใหญ่ถูกเปิดออกแล้วและเคลียร์ด้านในจนหมด กลับไม่พบใครเลย”
“เข้าไปลึกกันแค่ไหน”
“เราเข้าไปถึงชั้น B10 แต่ยังไม่ได้ลงไปลึกกว่านั้นเพราะทางเดินมันถูกซากเรือบินพังขวางไว้ และมันยากพอสมควรที่จะใช้กำลังพังเข้าไปเพราะอาจจะทำให้เรือบินเสียสมดุลและตกลงในรอยแยกได้”
“ไปที่ส่วนกลางกันก่อนก็แล้วกัน”
โลแกนก็พยักหน้าเห็นด้วย ทั้งกลุ่มพากันเข้าไปในชั้น B10 ซึ่งเป็นชั้นห้องควบคุมกลางแต่พอไปถึงไนเรลก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะมันสภาพเละเทะมาก มีร่องรอยของการต่อสู้ เลือดและกลิ่นเหม็นเน่าอยู่ด้วย
“สภาพที่นี่ยังกับสุสานขยะ” เมสันพูดไปก็ขมวดคิ้วไป ขณะที่เดินไปรื้อทางนั้นทีทางนี้ที
“หน้าที่ของคุณและจูเรียแล้ว” ไนเรลเดินออกไปดูทางเดินที่โลแกนบอกว่าพังทลายโดยมีเอวาและโลแกนตามมาด้วย ส่วนคนที่ติดตามมาอีก 10 คนก็ถูกทิ้งไว้ให้ช่วยทั้งสองคน
“ฟู่” จูเรียเป่าลมใส่หน้าตัวเองจจากนั้นก็ตั้งหน้าทำงาน เมื่อก่อนเธอไม่เคยคิดว่าจะได้เล่นของเล่นพวกนี้ แต่ในเวลานี้เธอต้องใช้มันให้คุ้มค่า
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง...
“บัดซบ ใครมันทำลายตัวจ่ายพลังงานที่นี่...เฮ้ย ยกตรงนั้นไปที่นั่น ยกตรงนั้นไปที่โน่น นั้นและ ใช่ใส่เข้าไป...” เมสันสั่งไปก็ด่าไป เพราะคนพวกนี้ทำงานไม่ได้เรื่อง “รู้อย่างนี้ให้คนของฉันมาด้วยดีกว่าให้ไปนอนเล่นที่ค่าย”
หลังจากหัวหมุนอยู่ 10 นาที เมสันหยิบแก่นพลังงานระดับ 4 ออกมาใส่เข้าไปในช่องหนึ่ง หลังจากนั้นก็เดินมาเตรียมจะกดปุ่มหนึ่ง เพื่อเปิดตัวจ่ายพลังงานอีกครั้ง
“เอาละเรามาดูกันจะใช้ได้ไหม”
เมสันกดปุ่มลงไป หลังจากนั้นเพียงหนึ่งวินาที พลังงานจากแก่นพลังงานระดับ 4 ที่เมสันใส่ก็ปลดปล่อยพลังงานออกมาไหลไปตามเส้นทางของเครื่อง
“ฮ่า ๆ ๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ” เมสันหัวเราะด้วยความสะใจ จากนั้นก็เดินไปหาจูเรียที่นำแล็ปท็อปของตัวเองออกมาเชื่อยสายและทำบางอย่างอยู่
“นังหนูจูเรียว่าไง พอไหวไหม” เมสันเดินมาถามจูเรีย
“สบายมาก เพราะฉันคือ ทูตสวรรค์ไซเบอร์ ระบบแค่นี้ไม่มีทาง...ที่จะหยุด...ฉันได้...เรีบร้อยแล้ว” จูเรียพูดลากเสียงยาวพร้อมกับกด ENTER ทันใดนั้นระบบทุกอย่างก็ถูกเธอเจาะเข้าไปได้
“อืม...มีข้อมูลเสียหายมากเกินไป ต้องใช้เวลากู้คืน”
...
ทางด้านของไนเรลเขากำลังยืนอยู่หน้าเส้นทางที่เต็มไปด้วยเศษซากเรือบินที่ปิดทางไว้อยู่
“มีเส้นทางอื่นอีกไหม”
“ไม่น่าจะมี ส่วนนี้เป็นส่วนที่อยู่ใต้ท้องเรือที่ยื่นลงไปในรอยแยก ดังนั้นการเคลื่อนย้ายอะไรต้องระวังพอสมควร คุณจะทำอย่างไร?”
“ง่ายมากก็แค่เข้าไปดู” ไนเรลต้องเขาไปข้างในนี้ เพราะมันเป็นส่วนที่เก็บร่างของปู่
ร่างจิตของไนเรลลอยผ่านซากที่ขวางทางอยู่เข้าไปจากความสามารถจิตเคลื่อนย้าย โลแกนมองดูภาพตรงหน้าหลังจากนั้นไนเรลก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาเขา
“ข่าวลือที่ว่าประธานไนเรลมีความสามารถมากว่า 1 อย่างคงเป็นความจริง”
ด้านในที่มืดมิดไนเรลปรากฏตัวอยู่หลังเศษซากพังที่ห่างไปเกือบ 30 เมตร ไนเรลมองด้านหน้าไม่เห็นสิ่งใดสักอย่างเพราะความมืดมิดที่แสงไม่สามารถส่องเข้ามาได้
ทุกอย่างในนี้เป็นเหมือนกับถ้ำปิดตาย
แต่ยังดีที่มีอากาศหายใจแม้จะไม่มากก็ตาม ไนเรลใช้ความสามารถสนามพลังอากาศ สร้างเป็นหลุมอากาศรอบตัวกักเก็บออกซิเจนที่เหมาะให้เขาหายใจได้สะดวกมากขึ้น
ไนเรลยกแขนทั้งสองข้างขั้นจากนั้นก็ตบมือจนมันดังสนั่นไปทั่วบริเวณทำลายความเงียบภายในนี้จนหมด พร้อมกันนั้นภาพในหัวของไนเรลที่สร้างขึ้นมาด้วยเสียงสะท้อนจากความสามารถสัมผัสเสียง
ทำให้เขามีภาพสามมิติในระยะ 20 ที่เหมือนระลอกน้ำกระเพื่อมผ่านได้อย่างชัดเจน ทำให้เขารับรู้สิ่งสิ่งได้ยิ่งกว่าตาเห็นเสียอีก
ไนเรลเดินมาไม่กี่ก้าวพร้อมกับเกิดเสียงที่ทำให้เขาสร้างภาพสะท้อนอย่างต่อเนื่องจากเสียงเท้าที่เดิน
เดินมาได้ไม่ไกลก็เจอเข้ากับประตู ไนเรลลองลูบมันทำให้รู้สึกเย็นมากมันทำจากเหล็กกล้า
แคร๊ง
ไนเรลเคราะมันอย่างแรงทำให้เขาพอจะสร้างภาพด้านหลังประตูได้บ้าง “ด้านหลังเหมือนจะมีตัวบางอย่างอยู่”
กึก! กึก! กึก!
เสียงฟันดังกระทบกันอย่างต่อเนื่อง
“ซอมบี้!” ไนเรลรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขากลัวมันก็แค่ซอมบี้เท่านั้นตอนนี้ระดับของเขาสูงมากซะจนแค่ 1 การโจมตีก็ค่ามันได้หมดแล้ว
ไนเรลไม่ได้ทุบประตูเข้าไป แต่เขาใช้ร่างจิตเคลื่อนย้ายผ่านเข้าไปแทน
ทันทีที่ตัวเขาโผล่ออกมาซอมบี้หก็ร้องคำรามวิ่งเข้ามากัดเขาทันที
ซอมบี้ 10 ตัวนี้เป็นแค่ระดับต่ำเท่านั้น ดูเหมือนพวกมันกลายเป็นซอมบี้และติดอยู่ด้านในจึงไม่ได้วิวัฒนาการระดับขึ้นมา
ไนเรลเพียงยกมือขึ้นและตบไปที่ร่างของซอมบี้อย่างไม่ใส่ใจที่ระตัวทีละตัว เมื่อโดนมือของไนเรลตบใส่ตัวของซอมบี้พวกนี้ก็ไม่อาจจะต้านทานได้ระเบิดเป็นเศษเนื้อ
ไนเรลเดินเหยียบซากเลือดเนื้อเน่าเหม็นสีดำพวกนั้นไปยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งมีซอมบี้เยอะเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงสร้างใบมีดวารี 5 เล่มบินวนรอบ ๆ เพื่อฆ่าซอมบี้รอบ ๆ ทั้งหมดแทนการตบพวกมันที่ละตัว
ไนเรลลงมาถึงชั้นที่เป็นที่เก็บศพของเรือบิน ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะมีร่างของปู่ภายใน แต่พอคนไปจนทั่ว
“มันไม่มี เกิดอะไรขึ้น? ทำไมปู่ถึงไม่อยู่ที่นี่”
ไนเรลเปิดดูทุกช่องที่เก็พศพ แต่เจอแต่เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ในตอนนั้นเองเขาก็เจอกับศพที่โดนฆ่าตายมันคือเจ้าหน้าที่ที่โดนดูดเลือดจนแห้งนอนอยู่มุมหนึ่ง
“สองศพนี้มันไม่ได้ตายแบบปกติ” แม้จะรู้แบบนั้นแต่เขาก็ไม่ใช่นักพยากรณ์ที่สามารถรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่
“คงต้องรอดูว่าจูเรียและเมสันหาอะไรเจอบ้าง หรืออาจจะให้วินาพยากรณ์ดู”
แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงเดินที่หนักหน่วงมาทางไนเรล
“ซอมบี้ไททัน พวกที่วิวัฒนาการจากมนุษย์ชั้นสูง”
โฮกกก!!!
มันร้องคำรามด้วยความหิวกระหายก่อนจะพุ่งมาจรงมาหาไนเรล แต่ก่อนที่จะมาถึงไนเรลก็ยกมืออย่างง่าย ๆ
“อ่อนแอเกินไป” ใบมีดวารีตัดหัวของมันขาดทันที ร่างของมันที่หนักหลายตันล้มลงดัง ตึ้ง! เข้ากับซากเหล็กจำนวนมาก จากนั้นซากเหล็กก็พังลงตามมาด้วยการสั่นไหวอย่างรุนแรงของเรือบินเป็นลูกโซ่ออกไปเรื่อย ๆ
“ซวยละสิ ร่างมันไปล้มใส่ซากเหล็กทำให้สมดุลเรือบินเปลี่ยนไป” ไนเรลรีบออกไปจากตรงนี้ทันที
...
ผ่านไปได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่ไนเรลเข้าไป โลแกนยังคงรออย่างเงียบ ๆ และในตอนนั้นเองก็เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง โลแกนรีบถอยออกมาจากตรงนี้ทันทีเพื่อกลับไปหาคนอื่น ๆ เขาต้องพาทุกคนออกไปจากเรือบิน
ขณะที่วิ่งอยู่ไนเรลก็โผล่ออกมาเหมือนกับตอนที่เขาหายไป
“ท่านประธาน”
“รีบพาทุกคนออกไปจากเรือบิน” พูดจบไนเรลก็ตรงไปที่ห้องควบคุม
ที่ห้องควบคุมจูเรียและเมสันกำลังทำงานถึงช่วงเวลาสำคัญพอดี
“บัดซบใครไปทำอะไรจนเรือบินสั่นไปทั้งลำกัน” เมสันบ่นไม่หยุด
ไนเรลได้ยินดังนั้นก็แกล้งไอเล็กน้อย “อะแฮ่ม...จูเรียใกล้เสร็จหรือยัง”
ไนเรลถามขณะที่เข้าไปในห้องควบคุม
“อีก 10 วินาที” จูเรียตอบโดยไม่หันกลับมามองเขา
“คนอื่น ๆ พากันออกไปเร็ว” โลแกนสั่งให้ทุกคนออกไปจากเรือบินทันทีและหันมาถามไนเรล “ท่านไนเรลเราควรรีบออกจากที่นี่”
“ออกไปก่อนเดี๋ยวฉันกับจูเรียตามไป”
โลแกนพยักหน้าและพาทุกคนออกไป เมสันก็ตามไปเช่นกัน
เรือบินเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นมนก็เอียงมากขึ้นเรื่อย ๆ กว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า ไนเรลเดินเข้ามาจับไหล่ของจูเรียไว้ไม่ให้เธอกิ้งลงไปกับพื้น
“เร็วกว่านี้อีก”
“สำเร็จ!ข้อมูล 30 วันล่าสุดถูกกู้กลับมาแล้ว” เธอตะโกนบอกด้วยความดีใจ พร้อมกับดึงไดรฟ์ออกมา พร้อมกันนั้นเรือบินก็ไม่สามารถรักษาสมดุลได้อีกมันพลิกตัวหล่นลงไปในรอยแยก
ไนเรลที่จับไหล่ของจูเรียเตรียมตัวไว้อยูก่อนแล้วรีบดึงเธอเข้าไปในเงาและฉีกกระฉากกำแพงเรือบินออกไปทันที
ที่ด้านนอกโลแกนและเมสันพร้อมกับคนอื่น ๆ ออกมาได้อย่างฉิวเฉียดพวกเขาหันกลับไปมองเรือบินที่ตกลงไปในรอยแยกด้วยใบหน้าตกใจ เพราะถ้าช้ากว่านี้เล็กน้อย แม้พวกเขาจะเป็นมนุษย์ชั้นสูงก็ลงตกลงไปกลายเป็นเนื้อบดในเรือบินนั่น
ตูม!
ในขณะเดียวกันนั้นไนเรลก็พุ่งออกมาจากเรือบินลอยอยู่ด้านบินก่อนที่เรือบนจะตกลงไปทั้งลำ
ไนเรลบินอยู่เหนือรอยแยกมองดูเรือบินที่หล่นลงไปหลายนาทีต่อมาก็เกิดเสียงดังสนั่นทำเอาหิมะรอบ ๆ สั่นไหวเล็กน้อย
เขาบินเข้าหาทุกคนจากนั้นก็ปล่อยจูเรียที่หน้าซีดเล็กน้อยออกมา
“เกือบไปแล้ว แต่ก็ตื่นเต้นมาก” จูเรียพูดไปก็ใจเต้นแรงไป เธอยังตื่นตกใจ และตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
จนไนเรลที่อยู่ข้าง ๆ เดาอารมณ์ของเธอไม่ออกกันเลยทีเดียว
หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็กลับมาที่ค่ายเพื่อนที่จะดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรือบินกันแน่