ตอนที่แล้วEp.1044 - การกบฏของมนุษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1046 - ราชาไร้มงกุฎ

Ep.1045 - ทำลายเผ่ามังกร


Ep.1045 - ทำลายเผ่ามังกร

“ฆ่า!”

ฉินเฟิงร้องคำราม

เสียงคำรามนี้ เรียกสติเผ่ามังกรเลเวล SSS พวกมันเห็นความตายของพวกพ้องตน ตอนนี้ทุกตัวเริ่มหวาดกลัว

“นี่แกยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า? ปีศาจชัดๆ!”

ไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกสามารถทำสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้โดยลำพัง เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ตรงหน้าพวกมัน มีกลิ่นอายเพียงเลเวล SS และอย่างมากสุดอยู่ในระดับเทวะเท่านั้น แต่ถึงกับสามารถสังหารเผ่ามังกรเลเวล SSS ลงได้

รู้หรือไม่ เผ่ามังกรน่ะแตกต่างจากมนุษย์ ลูกหลานชาวมังกรทุกตน ตั้งแต่วัยเด็กจะมีระดับอยู่ที่นายพล และเมื่อสามารถเข้าถึงเลเวล S ระดับความแข็งแกร่งทางกายภาพจะเลื่อนมาอยู่ในระดับราชันย์ ไม่อย่างนั้นพวกมันจะเปลี่ยนร่างเป็นมังกรได้อย่างไร?

ยังไงก็ตาม การดำรงอยู่ที่สุดยอดถึงขนาดนั้น กลับถูกสังหารภายในไม่กี่วินาที เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้มล้างสามัญสำนึกของพวกมันลงอย่างสิ้นเชิง

“กลับไปเสีย! แล้วพวกเราจะยอมทำเป็นมองไม่เห็นความผิดบาปของเจ้าที่ทำลายแผ่นดินใหญ่ จงยอมจากไปแต่โดยดี มิฉะนั้น จ้าวเหนือหัวจากเผ่ามังกรของพวกเรา จะออกไล่ล่าเจ้าไปจนสุดขอบโลก!”

ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา กล่าวว่า “พูดแบบนี้ก็แสดงว่าตอนนี้จ้าวเหนือหัวของพวกแกไม่ได้อยู่ที่นี่ล่ะสิใช่ไหม แบบนั้นก็ดีเลย!”

ฉินเฟิงไม่กลัวจ้าวเหนือหัว และเขาก็ทราบเช่นกัน ว่าจ้าวเหนือหัวไม่ใช่คนที่จะลงมือโดยง่าย นอกจากนี้  มีมิติมากมายอยู่ภายใต้การดูแลของจ้าวเหนือหัว เป็นไปไม่ได้ที่จะประจำการอยู่ที่เดียว ตราบใดที่อีกฝ่ายยังไม่มา ฉินเฟิงจะสังหารไปเรื่อยๆ สังเวยศัตรูจนกว่าจะปรากฏธารโลหิต!

“ตาย!”

มีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิงตัดผ่านอวกาศ เขาไม่ได้ใช้กระบวนท่าวิญญาณสะบั้นอีกต่อไป เพราะหากคิดฆ่าไก่ ไม่จำเป็นต้องใช้มีดฆ่าวัว!

ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เหล่าผู้ใช้พลังเลเวล SSS ก็หลั่งเลือดชโลมไปทั่วอวกาศ ถูกสังหารโดยฉินเฟิง

โดยปกติแล้ว หากเป็นผู้ใช้พลังเลเวล SSS ที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกัน ต่อให้สู้กันเป็นเวลาสามวันสามคืนก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ และถ้าจะให้สู้กันถึงตาย บางทีพวกเขาอาจต่อสู้ต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 10 - 15 วัน

แต่ปัจจุบันกำลังภายในของฉินเฟิงแข็งแกร่งเกินไป เกรงว่าเป็นรองเพียงจ้าวเหนือหัวเท่านั้น เลยสามารถสังหารเลเวล SSS เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากฆ่าสุนัข

ในเวลานั้นเอง ร่างสีขาวปรากฏขึ้นท่ามกลางจักรวาล

หลังจากแก้ปัญหาเรื่องในมิติบลูสตาร์แล้ว ไป๋หลีก็วาร์ปมายังมิตินี้

เมื่อเห็นไป๋หลี ประกายของความขบคิดบางอย่างก็สะท้อนในแววตาของฉินเฟิง สักพักตัดสินใจ

“ไป๋หลี ใช้รูนมิตินำเผ่ามังกรเลเวล S ทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่ในอีกสี่ทวีปนี้มาที่นี่”

“ไม่มีปัญหา!”

ไป๋หลีดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของฉินเฟิง แต่เธอยังคงสนับสนุนความคิดของเขา

นี่ไม่ใช่เพราะเธอเป็นเดรัจฉาน เลยทำเป็นมองไม่เห็นหรือไม่สนใจเรื่องถูกหรือผิด แต่เป็นเพราะทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือการตัดสินใจของฉินเฟิง

ช่วงเวลามาต่อ รังสีแสงสีเงินเริ่มกางออก มันกว้างไกลราวไร้ที่สิ้นสุด โอบล้อมแผ่นดินใหญ่อีกสี่ทวีปที่อยู่ติดกัน

จากนั้น เผ่ามังกรเลเวล S ที่มีท่าทีตื่นตระหนก ก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางอวกาศที่ว่างเปล่า

และจำนวนของพวกมัน มีอย่างน้อยนับหมื่นตน!

ฉินเฟิงไม่ลังเล โบกสะบัดมีดกษัตริย์ครามอีกครา

“ล้านสับสังหาร!”

ภูติผีวิญญานนบับล้านผุดพรายออกมา แม้จะไม่ได้กระตุ้นวิญญาณนางพญาดาราเกราะเหล็ก แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะครอบคลุมพื้นที่อวกาศโดยรอบ

การดำรงอยู่ของเผ่ามังกรเลเวล S นับหมื่นตนถูกอำนาจทำลายล้างบดขยี้เป็นโคลนเหลว พลังงานจากเลือดและเนื้อฟุ้งกระจายไปทั่วอวกาศ จากนั้นถูกดูดซับโดยทักษะลับกลืนดาราและพลังพิเศษดูดกลืน

พลังงานเหล่านี้มีไม่มากนัก หลังจากที่คายสิ่งปนเปื้อน มันเพียงพอที่จะช่วยฟื้นฟูกำลังภายในที่ฉินเฟิงเพิ่งปลดปล่อยออกมาเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งจากร่างกายของพวกมันที่ดูดซับเข้ามา นับว่าอุดมสมบูรณ์มากพอจนถึงจุดที่--

--ตูม!

ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงยกระดับไปอีกขั้น ก้าวขึ้นสู่เลเวล SS1!

“ไปเอาแกนมิติออกมา ทำหนึ่งแล้วอย่าหยุดแค่สอง ยังไงซะฉันก็ล่วงเกินพวกมันไปแล้ว งั้นทำไมไม่ทำลายให้หมดซะเลยล่ะ!”

“ตกลง ฉันจะไปเอามาให้ คุณรอก่อน”

ไป๋หลีก็ไม่ใจอ่อนเช่นกัน ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าทรัพยากรเหล่านั้น เธอเองก็ต้องการมันเหมือนกัน

ด้วยสถานะสัตว์ยักษ์มิติของไป๋หลี นับว่าเพียงพอแล้วที่จะบุกไปถึงแกนกลางมิติระดับสูง แกนมิติระดับสูงเหล่านี้ ทั้งหมดถูกไป๋หลีขุดจนว่างเปล่า ทวีปทั้งสี่ที่เหลือ นับถอยหลังสู่การล่มสลาย

ฉินเฟิงยืนอยู่ท่ามกลางอวกาสเพื่อรอไป๋หลี ในเวลานั้นเอง เขาพบว่ามีมนุษย์จำนวนมากกำลังบินออกจากทั้งสี่ทวีป

ในบรรดามนุษย์เหล่านั้น คนที่อยู่แถวหน้าล้วนเป็นเลเวล S ทั้งสิ้น นอกจากนี้ในแถวหลังยังมีผู้ใช้พลังเลเวล A , B อีกจำนวนมาก แต่เลเวล C มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

เนื่องจากมนุษย์ที่อ่อนแอเกินไป ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะให้กำเนิดทายาทที่แข็งแกร่ง ดังนั้นมนุษย์เลเวลต่ำจะถูกทำการซื้อขายโดยเผ่ามังกร

“ท่านผู้ใหญ่ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ! ฉันชื่อเซี่ยจี … ไม่สิ ชื่อว่า ‘เซี่ยหมิงเสี่ยว’ ไม่ทราบท่านผู้ใหญ่มีนามว่าอะไร?”

มนุษย์ที่นำขบวนทั้งหมด แท้จริงแล้วเป็นสตรีเลเวล SS ครอบครองรูปลักษณ์อันงดงาม แทบจะเทียบเท่าได้เลยกับเทพบุปผา

และชุดของเธอก็ดูไม่ทรุดโทรม ตรงกันข้ามมันค่อนข้างหรูหรา ประดับไปด้วยอัญมณีและเพชรพลอยล้ำค่า พริบตาเดียว ฉินเฟิงก็สามารถคาดเดาสถานะของผู้หญิงคนนี้ได้ทันที

เกรงว่าเธอคนนี้น่าจะเป็นสนมคนโปรดของผู้ใช้พลังเลเวล SSS

อะไรแบบนี้เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปของมนุษย์ที่อยู่ในเผ่ามังกร แต่ในฐานะมนุษย์ จะเป็นเรื่องดีได้อย่างไรที่ต้องอยู่ภายใต้การบังคับข่มเหงตลอดเวลา?

และสัญญาที่คนพวกนี้ทำ ย่อมไม่ใช่สัญญาที่เท่าเทียมกันอย่างแน่นอน แต่มันเป็นสัญญาทาส!

“ผมชื่อฉินเฟิง!” ฉินเฟิงบอกชื่อเขาผ่านพลังสมาธิ ขณะเดียวกันเห็นว่ามีมนุษย์กำลังบินออกมาจากในทวีปต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ ตรงมายังทิศทางนี้

เซี่ยหมิงเสี่ยว คือมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มนี้ และเธอยังเป็นสนมของเผ่ามังกรตนแรกที่รุกรานมิติบลูสตาร์ หลังจากการตายของมัน เซี่ยหมิงเสี่ยวสัมผัสได้ว่าพันธสัญญาหายไป ดังนั้นเริ่มออกไล่ฆ่าเผ่ามังกร  แต่สุดท้ายเผ่ามังกรเหล่านั้นถูกอาบไปด้วยแสงสีเงินและหายวับไป

โชคดีที่เซี่ยหมิงเสี่ยวแข็งแกร่งมาก ดังนั้นสามารถเห็นฉากที่ฉินเฟิงสังหารหมู่เผ่ามังกรในอวกาศ เธอเลยตัดสินใจแวะมาขอบคุณเขา แน่นอนว่ายังมีจุดประสงค์อื่นด้วย

--ถึงแม้ว่าตอนนี้ทุกสถานที่จะเต็มไปด้วยรอยแยกมิติทุกหนแห่ง และเธอสามารถก้าวเข้าไปแล้วหลุดพ้นจากมิติแห่งนี้ได้ก็ตาม แต่ใครจะรู้ มันอาจเป็นการหนีจากมังกรเข้าปากเสือก็ได้

เมื่อคิดได้แบบนั้น เซี่ยหมิงเสี่ยวจึงพาคนมายังที่นี่ แสดงทัศนคติเคารพนอบน้อมต่อฉินเฟิง

“ท่านผู้ใหญ่ฉิน พรรคพวกของเรา ส่วนหนึ่งกลายเป็นคนไร้บ้านไม่มีที่อยู่อาศัย ถ้าคุณช่วยพวกเราอีกสักครั้ง ถึงฉันจะไม่มีอะไรตอบแทน แต่สัญญาว่าจะยอมเป็นม้าเป็นวัวรับใช้คุณ”

ฉินเฟิงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยแบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะใจเต้น รู้ไหมว่าแม้ฉินเฟิงจะปีนป่ายมาถึงความแข็งแกร่งในเลเวล SS แต่เขายังมีคนไม่มากนัก

เรื่องราวของมิติบลูสตาร์ได้รับการแก้ไขแล้ว ข้อเสนอในคราวนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี

ยังไงก็ตาม ใช่ว่าฉินเฟิงจะยอมรับทุกคน เขาไม่ใช่สถานีรีไซเคิล

“ผมไม่ค่อยอยากยุ่งกับเรื่องน่ารำคาญพวกนี้เท่าไหร่นัก เอาเป็นว่าสำหรับใครที่ถูกลักพาตัวมา และรู้พิกัดกลับมิติของตัวเองก็จงกลับไปเสีย ส่วนที่เหลือ จะถูกจัดให้อาศัยอยู่ในมิติในความดูแลของผมไปก่อน แต่ขอพูดให้ชัดเจนนะ ว่าสภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายมาก เรื่องนี้พวกคุณตัดสินใจเอง!”

คนพวกนี้ไม่ทราบว่าจะทำเช่นไรดี การสื่อสารโดยใช้พลังสมาธิเริ่มเกิดขึ้น

แต่ไม่นาน การสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนี้ก็ถูกระงับ เซี่ยหมิงเสี่ยวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใครที่อยากไปก็จงไปเสีย ไม่ต้องรั้งอยู่ที่นี่ ไม่มีใครอยากเสียเวลารอพวกคุณ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ควรปล่อยให้ท่านผู้ใหญ่ฉินรอนาน ก่อนอื่นให้เดินทางไปยังมิติของเขา แล้วที่เหลือค่อยว่ากัน!”

มนุษย์เชลยทั้งหมดเงียบงัน ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดอีก เพราะท้ายที่สุดแล้ว เซี่ยหมิงเสี่ยวคือมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี้ สถานะก่อนหน้านี้ก็ยังสูงสุดเช่นกัน เธอถึงขั้นสามารถแอบติดต่อกับมนุษย์คนอื่นๆ เพื่อวางแผนซ้อนแผน ทำให้พวกเผ่ามังกรทะเลาะและฆ่ากันเองได้

ระหว่างที่คนเหล่านี้เงียบ ไป๋หลีก้กลับมาพอดี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด