176 - ปัญหาของตระกูลลู่และตระกูลหวัง
176 - ปัญหาของตระกูลลู่และตระกูลหวัง
ศาลาหลิงป๋อเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองผิงซีตั้งอยู่ในสวนพลัมที่ทะเลสาบแห่งความยืนยาว
เอี้ยนลี่เฉียงมีความรู้สึกแปลกๆในใจทุกครั้งที่เขาอยู่ที่สวนพลัม แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงมันออกมาบนใบหน้าก็ตาม นั่นเป็นเพราะครั้งสุดท้ายที่เขามาที่นี่ เขามาเพื่อฆ่าหวังฮ่าวเฟย
พวกเขาจองห้องส่วนตัวบนชั้นสามของศาลาหลิงป๋อหลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ดื่มสุราเล็กน้อยภายในห้อง
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงตั้งคำถามอีกครั้งว่าเหตุใดลู่เปียนจึงมาอยู่ที่เมืองผิงซี ลู่เปียนจึงขมวดคิ้วและตอบเอี้ยนลี่เฉียงว่า
“คราวนี้ตระกูลของเรามีปัญหาใหญ่จริงๆ…”
“มีปัญหาอะไรขอให้นายท่านหกช่วยบอกข้าให้ละเอียดด้วย!”
ลู่เปียนชี้ไปที่เกาะแห่งหนึ่งที่อยู่นอกหน้าต่าง
“ลี่เฉียง เจ้ารู้ใช่ไหมว่างูจงอางได้ฆ่าใครบางคนบนเกาะกลางทะเลสาบนั้น”
"ใช่ข้าก็เคยได้ยินมาเช่นกัน!" เอี้ยนลี่เฉียงคิดอย่างรอบคอบครู่หนึ่ง
“ไม่คิดว่างูจงอางจะอาศัยอยู่ในเมืองผิงซี ข้าได้ยินมาว่าคนที่ถูกสังหารนั้นเป็นพี่น้องในสถาบันศิลปะการต่อสู้ของข้า รู้สึกว่าเขาจะแซ่หวัง…”
“เหยื่อชื่อหวังฮ่าวเฟย ลี่เฉียงเจ้ารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”
“ก็… ได้ยินมาว่าเขาเป็นลูกของตระกูลผู้มั่งคั่ง…”
“ใช่แล้ว หวังฮ่าวเฟยเป็นบุตรชายของตระกูลผู้มั่งคั่ง เขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลหวังในมณฑลหวงหลง บุตรชายของหวังผู่เอ๋อ หัวหน้าตระกูลหวัง และเป็นหลานชายที่นายผู้เฒ่าหวังรักมากที่สุด
ในมณฑลหวงหลงตระกูลลู่และตระกูลหวังของเราเป็นศัตรูกัน ดังนั้นเมื่อหลานชายผู้สืบทอดคนเดียวของตระกูลหวังตายพวกเขาจึงคิดว่าเราเป็นคนจ้างงูจงอางลงมือสังหาร.. "
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเรื่องจะลงเอยไปแบบนี้ กลับกลายเป็นว่าตระกูลลู่คือคนที่ซวยแทน
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตระกูลลู่อย่างไร งูจงอางเป็นอาชญากรซึ่งคร่าชีวิตผู้คนมานับไม่ถ้วนในฐานะหมาป่าเดียวดาย แม้ว่าตระกูลหวังจะเป็นศัตรูกับตระกูลลู่แต่ก็ไม่ควรจะให้พวกท่านแบกหม้อดำแทนงูจงอาง
งูจงอางตัวนี้เป็นคนชั่วร้ายบางทีเขาอาจจะลงมือสังหารเด็กหนุ่มคนนั้นเพื่อปล้นชิงทรัพย์สินมีค่าก็ได้!”
“เจ้าพูดถูกแต่เจ้าไม่รู้เรื่องสำคัญบางอย่าง!”
“ประเด็นสำคัญอะไร?”
“เมื่อเรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่สามารถปิดบังอะไรเจ้าได้!” ลู่เปียนส่ายหัวและยิ้มเจ้าเล่ห์
ถ้าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นเด็กธรรมดาคงจะดีถ้าเขาไม่บอกเอี้ยนลี่เฉียง อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงเป็นเด็กที่ฉลาด และมันอาจสร้างความร้าวฉานระหว่างพวกเขาหากไม่พูดความจริงตรงๆ
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเป่ยซินด้วย!”
“เกี่ยวอะไรกับคุณหนูลู่?” เอี้ยนลี่เฉียงถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ในความเป็นจริงตั้งแต่เขารู้ถึงปัญหาของตระกูลลู่เขาก็สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน
“เป่ยซินมีความคุ้นเคยดีกับหวังฮ่าวอีกครั้งนางยังปิดบังความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ให้ตระกูลรู้ อย่าคิดมากเรื่องนี้แม้ว่าเป่ยซินจะชอบเจ้าหนูนั่นแต่ว่านางได้รับการสั่งสอนมาเป็นอย่างดีไม่มีทางทำเรื่องเสียแน่นอน”
“ใช่ ข้าเคยพบกับคุณหนูเก้าแล้ว ข้าเชื่อว่านางเป็นคนที่มีความประพฤติดี บางทีการที่หวังฮ่าวเฟยพยายามเข้าหานางเขาก็อาจจะมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ก็ได้…”
"ถูกต้อง!"
หลู่เปี้ยนตบต้นขาของเขาเมื่อได้ยินคำพูดถูกใจ
“แต่ท่านพ่อยังคงรู้เรื่องนี้ในตอนท้ายและเขาก็โกรธมาก ดังนั้นเป่ยซินจึงถูกลงโทษไม่ให้กลับมาที่เมืองผิงซีอีก แต่หวังฮ่าวเฟยไม่รู้เรื่องนี้
คืนที่เขาถูกฆ่าตายเขากำลังรอที่จะพบกับเป่ยซินบนเกาะนั้น โชคร้ายที่เขาถูกงูจงอางฆ่า เมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าคิดว่าตระกูลหวังจะคิดอย่างไร?”
ตระกูลหวังและลู่เป็นศัตรูกันเสมอมา คุณชายของตระกูลหวังพยายามล่อลวงคุณหนูของตระกูลลู่และเขาถูกฆ่าตายในสถานที่นัดพบกับหญิงสาว ในสถานที่ที่พวกเขาพบกันนั้นไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกดังนั้นตระกูลหวังจะคิดอย่างไรก็พอจะทราบได้
“นี่มันอธิบายยากจริงๆ!”
“แน่นอนว่าในมณฑลหวงหลงพวกเราไม่ได้กลัวพวกเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าหากทั้งสองตระกูลเกิดการต่อสู้กันจริงๆมันจะทำให้เกิดความสูญเสียไม่น้อย
ที่สำคัญที่สุดพวกเรายังไม่ได้ทำเรื่องนี้ดังนั้นพวกเราจึงยอมไม่ได้ อีกทั้งพวกเรายังกังวลว่าตระกูลหวังอาจส่งใครมาลอบสังหารบุคคลในตระกูลของเราเพื่อเป็นการแก้แค้น ” ลู่เปียนอธิบายคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น
“นายผู้เฒ่าลู่มีแผนจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร”
“ท่านพ่อไม่ต้องการเปลี่ยนสิ่งนี้ให้กลายเป็นความขัดแย้งกับตระกูลหวังจึงส่งสารไปอธิบายเรื่องนี้กับนายผู้เฒ่าตระกูลหวัง แต่ได้ยินมาว่านายผู้เฒ่าของตระกูลหวังโยนจดหมายของท่านพ่อลงในเตาผิงโดยไม่เปิดอ่านด้วยซ้ำ”
“การเตรียมการในตระกูลหวังเป็นอย่างไร?”
"ได้ยินมาว่าพวกเขาเตรียมคนไม่น้อยและอีกไม่นานคงจะลงมือกับพวกเราแน่นอน!"
“หากว่านายท่านหกต้องการความช่วยเหลือจากข้าก็สามารถบอกได้ทันที!”
ลู่เปียนยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยองว่า
“เจ้าตั้งใจเรียนไปเถอะ พวกเราตะกูลลู่ไม่ใช่คนที่ตระกูลหวังจะรังแกได้ พวกเราไม่อยากนำปัญหามาให้เจ้าเจ้าจงตั้งใจฝึกฝนตัวเองให้กลายเป็นนักสู้ให้เร็วที่สุดก็พอแล้ว”
“โปรดวางใจนายท่านหก ข้ารู้จักเพื่อนหลายคนในสถาบันศิลปะการต่อสู้นี้ ข้าจะช่วยดูให้ว่ามีเบาะแสอะไรหรือเปล่าหากมีอะไรคืบหน้าข้าจะรีบรายงานท่านทันที !”
"ดี!" ลู่เปียนพยักหน้าและเหลือบมองเอี้ยนลี่เฉียงอีกครั้งก่อนจะหัวเราะ
“ลี่เฉียงพวกเราอย่าทำเหมือนคนแปลกหน้ากันอีกเลย การที่เจ้าเรียกข้าว่านายท่านหกมันทำให้ข้ารู้สึกห่างเหิน ต่อไปนี้เจ้าก็เรียกข้าว่าพี่หกเหมือนเป่ยซินก็แล้วกัน เรียกข้าว่านายท่านนั้นมันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าแก่ไปแล้ว!”
ถ้าเอี้ยนลี่เฉียงได้แต่งงานกับลู่เป่ยซิน เขาจะต้องเรียกลู่เปียนว่า'พี่หก' อยู่แล้ว ดังนั้นตอนนี้ถือได้ว่านับญาติกันล่วงหน้าเลยก็ไม่เห็นว่าจะเป็นไรไป
“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง พี่หก!” เอี้ยนลี่เฉียงยืนขึ้นและโค้งคำนับให้ลู่เปียนอย่างเคร่งขรึม
ลู่เปียนยิ้มและดึงเอี้ยนลี่เฉียงให้นั่งลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็หยิบดาบสั้นออกมาแล้วยื่นให้เอี้ยนลี่เฉียง
“วันนี้มาที่นี่จึงไม่ได้เตรียมของขวัญมาด้วย ดาบสั้นนี้มอบให้เจ้าเป็นของขวัญก็แล้วกัน ข้าตั้งชื่อมันว่า 'ตุลาการดำ' มันถูกตีขึ้นมาจากเปลวไฟที่ผิดปกติมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!”
เปลวไฟที่ผิดปกติ? นี่เป็นครั้งที่สองที่หยานลี่เฉียงเจอคำนี้ เขาได้ยินมันเป็นครั้งแรกที่นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาเทียนเฉียว
เอี้ยนลี่เฉียงยอมรับดาบสั้นที่ลู่เปี้ยนมอบให้เขาโดยไม่ปฏิเสธ จากนั้นจึงดึงมันออกมาจากฝักทันที
ฝักและด้ามดาบสั้นทำจากไม้ธรรมดา มีเพียงตัวดาบเท่านั้นที่ทำมาจากเหล็กกล้า
มันเป็นอาวุธที่เรียบง่ายแต่เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่เขาเห็นดาบเล่มนี้เพราะมันเป็นดาบที่ถูกสร้างขึ้นจากยอดเขาเทียนเฉียวนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
“พี่หก ของชิ้นนี้มีค่ามากเกินไป!”
“ของสิ่งนี้ไม่มีประโยชน์กับข้าเพราะว่าข้าไม่ใช่นักรบ เมื่ออยู่ในตระกูลก็มีผู้คนมากมายคอยดูแลข้าอยู่เจ้ารับไปเถอะ!”
“ขอบคุณพี่หก!” เอี้ยนลี่เฉียงประสานมือด้วยความจริงใจ
หลังจากที่เห็นลู่เปียนออกไปแล้วเอี้ยนลี่เฉียงก็เก็บดาบสั้นไว้ในอกเสื้อก่อนจะเดินไปที่สะพานเก้ามังกร
เอี้ยนลี่เฉียงพักอยู่สองวันติดต่อกันในห้องที่เขาเช่าใกล้สะพานเก้ามังกร และในยามค่ำคืนของช่วงเวลานี้เขาออกลาดตระเวนติดต่อกันก่อนที่ในที่สุดเวลาที่เขารอคอยก็มาถึง.