ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 50 พ่ายแพ้หมดท่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 52 บนถนนมรณะ

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 51 เริ่มต้นการเดินทาง


ตอนที่ 51 เริ่มต้นการเดินทาง

โชคดีที่กระสุนไม่ทำให้กระดูกเชิงกรานของเขาแตกร้าว แต่ถึงอย่างนั้น ฉินหยู่ก็ยังต้องนอนอยู่บนเตียงนานกว่ายี่สิบวันก่อนที่เขาจะฟื้นตัว

ในช่วงเวลานี้ แมวแก่ จูเหว่ย กวนฉี และคนอื่นๆ ไม่ได้กลับบ้านเลย พวกเขาอยู่กองกำกับการในเวลาปฏิบัติงาน และมาโรงพยาบาลหลังเลิกงาน เพื่อ “ร่วมกันปกป้อง” ฉินหยู่ เพราะกลัวว่าเขาจะถูกตระกูลหยวนลอบฆ่า แต่เป็นความโชคดีของฉินหยู่ ที่หลังจากถนนถู่จ้าเผชิญกับการต่อสู้ของคนหลายพันคน ตระกูลหยวนเกรงว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากับกรมตำรวจจะแย่ลงหากเรื่องราวบานปลายต่อไป พวกเขาจึงหยุดเคลื่อนไหวลงชั่วคราว อีกทั้งตระกูลหม่ายังได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้าย และบุคลากรสำคัญจำนวนมากของตระกูลหม่าถูกจับกุมและแยกย้ายหนีกันไป ทำให้เมืองซงเจียงเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความสงบลงไม่มากก็น้อย

ตระกูลหยวนไม่ได้ก่อปัญหาให้เป็นจุดสนใจ ได้แต่จัดช่องทางอย่างลับๆ เพื่อปล่อยยาค้างสต๊อกอยู่จำนวนมากออกมา ในขณะที่หลังจากที่ผู้เฒ่าหม่าถูกออกหมายจับ เขาก็หายตัวไปพร้อมกับสมาชิกหลักที่เหลือด้วย

แต่ความสงบที่เห็นได้ชัดไม่ได้ทำให้ผู้กำกับหลี่ ฉินหยู่ และคนอื่นๆ สบายใจ เพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า ที่ตระกูลหยวนไม่หาเรื่องเดือดร้อนในตอนนี้ นั่นเป็นเพราะพวกเขาต้องการกบดานชั่วคราวและไว้หน้ากรมตำรวจ แต่การเสียชีวิตของหยวนเหว่ย เสือใหญ่ และคนอื่นๆ คือราคาที่พวกเขาต้องจ่ายไปเพื่อกวาดล้างตระกูลหม่าบนถนนถู่จ้า

เพราะความขัดแย้งนั้นประนีประนอมไม่ได้

หยวนหัวจะต้องกลับมาแก้แค้นในอนาคตแน่นอน เพียงแค่เมื่อไรเท่านั้น ดังนั้นหลังจากที่ฉินหยู่หายจากอาการบาดเจ็บ เขาก็ไปกองกำกับการตำรวจทันทีเพื่อรายงานตัวและปรึกษากับผู้กำกับหลี่

ภายในสำนักงาน

“นายได้ติดต่อกับฉีหลินหรือยัง?” ผู้กำกับหลี่ถามอย่างเร่งด่วน

ฉินหยู่ส่ายหัว “เขารีบออกไป เขาคงไม่กล้าใช้โทรศัพท์ที่เขาใช้ที่กองกำกับการ ฉันเลยโทรไม่ติดครับ”

“เป็นที่พักที่เพื่อนนายจัดให้เขาในพื้นที่โครงการพัฒนาไม่ใช่หรือ?” ผู้กำกับหลี่สงสัยเล็กน้อย

“นายไม่ได้ติดต่อเพื่อนนายไม่ได้เหรอ?”

“เพื่อนของฉันต้องไปทำธุระไกล หลังจากเตรียมเรื่องให้ฉีหลินแล้ว เขาจะไม่ได้กลับมาในช่วงนี้” ฉินหยู่ตอบเบาๆ “แต่มันไม่สำคัญหรอก ฉันรู้ว่าฉีหลินอยู่ที่ไหน ก็แค่ไปหาเขาที่นั่น”

“โดยเร็วที่สุด” ผู้กำกับหลี่บอกเบาๆ “ฉันคุยกับอาจารย์เสร็จแล้ว ตราบใดที่ช่องทางแหล่งค้าส่งสามารถเชื่อมต่อได้ เราก็จะคุยเรื่องที่เราต้องการได้”

“ฉันออกเดินทางได้แล้ว แต่ฉันควรใช้เหตุผลอะไรแจ้งกองกำกับการครับ?” ฉินหยู่ถามอย่างไม่แน่ใจ

ผู้กำกับหลี่ยิ้ม “ฉันจัดการทุกอย่างให้นายแล้ว ฉันบอกให้นายไปที่เฟิ่งเป่ยเพื่อเรียนสองสัปดาห์ เหตุผลก็คือนายฆ่ามัตสึชิตะครั้งที่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วนายจะถูกเลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นสองและเข้ารับราชการเป็นทีมงานอย่างเป็นทางการ นายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าทีมแล้ว กรมจึงอนุมัติให้ไปเรียนได้ตามปกติ”

“แล้วฉันควรรายงานเรื่องนี้ให้ทีมปราบปรามทราบไหม?”

“ไม่จำเป็น ฉันได้ดูแลขั้นตอนทั้งหมดแล้ว นายสามารถบอกต่อในกลุ่มแล้วเดินทางได้เลย”

“โอเค ฉันเข้าใจแล้วครับ” ฉินหยู่พยักหน้า

“เสี่ยวหยู่ นายรู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้คอขาดบาดตายแค่ไหน” ผู้กำกับหลี่ถอนหายใจ ขมวดคิ้วและเตือนว่า

“ไม่ว่าฉันจะยังสามารถนั่งในตำแหน่งนี้ได้หรือไม่ และนายจะสามารถยืนหยัดอยู่ในซงเจียงได้หรือไม่นั้น

ขึ้นอยู่กับเวลานี้แหละ!”

ฉินหยู่ลุกขึ้นยืนหลังจากได้ยินเช่นนั้น จึงตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันจะพยายามทำให้สำเร็จครับ”

“เอาล่ะ ลุยเลย” ผู้กำกับหลี่มองเขาแล้วพยักหน้า

……

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ฉินหยู่มาที่ทีมกลุ่มที่สาม ซึ่งถูกทีม 1 กลุ่มที่ 1 ตีตัวออกห่างเมื่อเร็วๆ นี้ และเรียกกวนฉี จูเหว่ย สองพี่น้องชาวไทย และคนอื่นๆ เพื่อประชุมกันสั้นๆ

“ฉันจะไปครึ่งเดือน ระหว่างนี้นายจะจัดการคดีกับทีมกลุ่มสาม ฉันสรุปกับผู้ใหญ่ไปแล้ว ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร พวกนายจะมีทีมให้สังกัดแน่นอน” ฉินหยู่นั่งลงและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันอยู่ที่ซงเจียงมาระยะหนึ่งแล้ว พูดตามตรง ฉันรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนฉันซึ่งเป็นคนนอก ในช่วงเวลาวิกฤติขนาดนี้ หากถ้าเราโชคดีเพียงพอที่จะผ่านการทดสอบนี้ ในอนาคต อะไรที่เป็นของฉัน ฉินหยู่ จะเป็นของพวกนายด้วย”

กวนฉีเกาจมูกแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เราไม่ใช่มือปราบสำคัญในทีมชุดใหญ่ ขนาดพี่จูต้องการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีมหลายครั้งแล้ว แต่หยวนเค่อแกล้งทำเป็นไม่เห็น ดังนั้น สำหรับทีมเล็กๆ อย่างเรา เพราะโอกาสก้าวหน้ามีจำกัด พวกเราจะขออยู่กับใครก็ได้ที่ทำงานด้วยแล้วสบายใจดีกว่า”

“ใช่” จูเหว่ยพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ว่ายังไงก็ตาม เรายืนเข้าแถวเพื่อรอซื้อยาสำหรับแก้ความเสียใจนานแล้ว และไม่มีที่ไหนมีขายให้ พูดตรงๆ เลย สุดท้ายเฒ่าหลี่ก็ยังรับมือกับเรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้น อย่างแย่ที่สุด ฉันอาจต้องออกจากตำรวจ ไม่อยากเชื่อเลยว่า ฉันพูดอะไรบางอย่างกับหยวนเค่อในวันนั้นที่ถนนถู่จ้า และเขายังสามารถส่งคนสองคนมาฆ่าเบี้ยตัวเล็กๆ อย่างฉันได้”

“อย่ากังวลหัวหน้าทีม เราทุกคนเป็นตำรวจมีประสบการณ์ และรู้วิธีติดต่อกับพวกเขา” กวนฉีปลอบใจอีกครั้ง

“แค่จัดการเรื่องของตัวเองอย่างติดดินก็พอ”

ในความเป็นจริงทุกคนรู้ว่าคำร้องขอลาในขณะนี้ของฉินหยู่ ไม่ได้เกี่ยวกับการไปเฟิ่งเป่ยเพื่อเรียนอย่างแน่นอน ต้องเป็นผู้กำกับหลี่ ที่เตรียมการพิเศษสำหรับเขา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้เหตุผลเช่นนี้

“ขอบคุณที่เข้าใจนะทุกคน” ฉินหยู่ยืนขึ้น ตบไหล่จูเหว่ยแล้วพูดว่า “ฉันจะฝากเรื่องในทีมไว้กับนายในช่วงนี้ หากนายจัดการได้ นายก็จัดการเองได้ ถ้านายไม่สามารถจัดการได้ ให้ติดต่อกัปตันทีมที่สามเป็นการส่วนตัว เขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแมวแก่มาก”

“ตกลง”

“ดี”

“……!”

ทุกคนยืนขึ้นทีละคน

“ถ้าอย่างนั้นขอให้ฉันเดินทางอย่างปลอดภัย!” ฉินหยู่พูดแย้มฟันและยื่นมือออกข้างหน้า

ทุกคนมองหน้ากัน ยื่นมือวางบนหลังมือของฉินหยู่ และตะโกนพร้อมกัน “เดินทางโดยสวัสดิภาพครับหัวหน้า!”

……

ช่วงบ่าย ไปที่บ้านเช่าเลขที่ 88 ลานสวนหย่อม

ฉินหยู่หันไปมองแมวแก่แล้วถามว่า “นายบอกเฒ่าหลี่หรือเปล่า ว่าต้องการไปที่พื้นที่โครงการพัฒนากับฉัน”

“โอ้ ฉันลืมไป” แมวแก่เป็นหวัดและสูดจมูกฟุดฟิดตลอดเวลา ทำให้เขาดูเหมือนคนงี่เง่าอย่างบอกไม่ถูก

“นายจะบ้าไปแล้วเหรอ! เฒ่าหลี่ไม่อยากให้นายไปแน่นอน ดังนั้นถ้านายไม่บอกล่วงหน้าแล้วจู่ๆ ก็ทิ้งเขาไป เขาจะคิดมากเกินไป และคิดว่าฉันคือคนที่ลากนายไปที่นั่น” ฉินหยู่ก่นด่าเสียงดัง

“ตกใจอะไรนักหนาวะ!” แมวแก่พ่นน้ำลายไม่พอใจ เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลขของผู้กำกับหลี่

สิบวินาทีต่อมา

“สวัสดี?”

“ฉันต้องการไปที่พื้นที่โครงการพัฒนากับฉินหยู่” แมวแก่พูดเข้าเรื่องทันที

ผู้กำกับหลี่ตกตะลึงเป็นเวลาสามสี่วินาทีก่อนที่เขาจะก่นด่าอย่างสับสน “แก แกจะไปทำบ้าอะไรที่พื้นที่โครงการพัฒนากับฉินหยู่?”

“มาเที่ยวสนุกๆ”

“...แกเป็นไอ้โง่เรอะ? หรือไม่มีหัวคิด? ที่นั่นยุ่งเหยิงยิ่งกว่าถนนดินด่างเสียอีก ทำไมแกถึงนึกว่ามันสนุกนักล่ะวะ? กลับมาเร็วๆ!” ปกติผู้กำกับหลี่เป็นคนสุขุมมาก และเขาจะมีท่าทีเป็นทางการเมื่อนั่งในห้องทำงาน แต่เมื่อใดที่เขาต้องพบกับคนงี่เง่าอย่างหลี่ฟู่กุ้ย เขาก็จะสูญเสียการควบคุมความสุขุมของเขาไป

“ฉันไม่ได้ขอความเห็นจากท่าน ฉันแค่อยากแจ้งให้ท่านทราบ ว่าจะมีคนส่งข้อความบอกท่านโดยเร็วที่สุด”

“กลับมาเดี๋ยวนี้!”

“อย่ามาตะโกนใส่ฉันนะ ฉันอารมณ์ไม่ดี ถ้าทำให้ฉันโกรธฉันจะฆ่าตัวตายกลางทางนะ” แมวแก่เริ่มไม่อยากพูดแล้ว

“ถ้าแกอยากวิ่งไปหาเรื่องใส่ตัวนักก็ตามใจ!” ผู้กำกับหลี่ตัวสั่นด้วยความโกรธ “แกทำฉันโมโหทุกวัน ไม่รู้ว่าแกจะทำเรื่องยุ่งอะไร...จริงๆเลยวะ...!”

“เอาละ ฉันไม่เถียงกับท่านแล้ว”

“ใครเถียงกับนาย?” ผู้กำกับหลี่ยังไม่ยอมยกให้

“เสี่ยวหยู่ที่ไปคนเดียว มันจะโดดเดี่ยวเกินไป ถ้าเขาเจอปัญหาใหญ่ มันจะยากที่จะแก้ตามลำพัง ถ้าฉันไปด้วย ฉันยังช่วยแนะนำเขาได้”

“แกไม่ต้องไปแนะนำเขา ไม่งั้นฉินหยู่จะต้องตายในมือของแกไม่ช้าก็เร็ว” ผู้กำกับหลี่คำรามสั่ง “รีบกลับมาที่ออฟฟิศ!”

“ไม่ต้องห่วงน่า ฉันจะไปแน่นอน ท่านอยู่บ้านอย่ากังวลเกินไป...คราวนี้เราจะต้องได้ข้อมูลแหล่งค้าส่ง ฉันจะเสี่ยงชีวิตเพื่อท่านเอง ตราบใดที่ยังมีความหวังแม้เพียงริบหรี่ก็ตาม” แมวแก่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่สะทกสะท้าน

เมื่อผู้กำกับหลี่ได้ยินเช่นนี้ เขาอึ้งนิ่งไปนานและไม่ได้ต่อว่าแมวแก่อีก

“ถ้าท่านมีอะไรก็โทรมานะ” แมวแก่วางสายโทรศัพท์ลง

ระหว่างทาง ฉินหยู่เหลือบมองแมวแก่ด้วยรอยยิ้ม “ภายนอก ดูเหมือนนายจะมีความเกลียดชังเฒ่าหลี่อยู่นะ แต่จริงๆ แล้ว... นายใส่ใจเขาไม่น้อยเลย!”

“ใครจะสนใจเขาวะ ฉันเกรงว่าถ้าเขาโดนไล่ออก ฉันจะทำอะไรตามใจตัวเองในฐานะมือปราบไม่ได้นะสิ” แมวแก่หรี่ตาแล้วตอบว่า “ไปเร็วเข้า อย่าจู้จี้ไม่เข้าเรื่อง”

……

ทั้งสองกลับไปที่บ้านเช่าเลขที่ 88 หลังจากเก็บข้าวของได้ชั่วครู่ พวกเขาก็ล็อกประตูแล้วเดินออกจากลานบ้าน

ระหว่างทาง ฉินหยู่หันมองไปที่ห้องของหลินเนี่ยนเหล่ย เขาเห็นว่าประตูถูกล็อกและไม่มีใครอยู่บ้าน

“นายมองบ้านเมียฉันทำไม?” แมวแก่ถามไปด้านข้าง

“ถ้านายไม่ต้องการหน้าแตกนะ หลินเนี่ยนเหล่ยบอกฉันว่า สิ่งที่เธอทำได้มากที่สุดคือเป็นแม่ของนายได้”

ฉินหยู่กัดแมวแก่ด้วยรอยยิ้ม

“ไปให้พ้นเลย” แมวแก่กัดฟันแล้วถามต่อ “บอกความจริงมาเถอะ นายสนใจเหลยเหล่ยอยู่ใช่เปล่า?”

“หยุดจู้จี้ได้แล้ว”

ฉินหยู่รีบเดินนำหน้าไป

เมื่อเวลาสองทุ่มครึ่ง รถบรรทุกขนเสบียงของทหารได้พาแมวแก่และฉินหยู่ออกเดินทาง และแล่นมุ่งหน้าไปยังพื้นที่โครงการพัฒนา ซึ่งมีความวุ่นวายยิ่งกว่าถนนถู่จ้าหลายเท่านัก

………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด