173 - การประทานพรจากสวรรค์อย่างต่อเนื่อง
173 - การประทานพรจากสวรรค์อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่งูจงอางนำความโกลาหลมาสู่เมืองผิงซี เอี้ยนลี่เฉียงก็หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนอย่างขยันหมั่นเพียรทุกวันในหมู่บ้านอู๋หยาง
ในวันที่ 11 ของเดือนที่เก้าซึ่งเป็นวันที่สี่หลังจากที่เอี้ยนลี่เฉียงกำจัดหวังฮ่าวเฟย วิชาเป่าลูกดอกของเอี้ยนลี่เฉียงในที่สุดก็บรรลุชั้นที่สี่
วิชาเป่าลูกดอกสองชั้นแรกทำให้เอี้ยนลี่เฉียงสามารถกำจัดศัตรูของเขาจากระยะไกลได้ ชั้นที่สามทำให้เอี้ยนลี่เฉียงสามารถโจมตีเป้าหมายที่กำลังเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ
ในขณะเคลื่อนที่ชั้นที่สี่ทำให้เอี้ยนลี่เฉียงรับรู้กระแสลมรอบๆตัวเขาได้ดีขึ้น มันจึงทำให้เขาสามารถเป่าลูกดอกออกไปในมุมที่คาดไม่ถึง
ในตอนนี้เอี้ยนลี่เฉียงสามารถเป่าลูกดอกได้แม้กระทั่งในวิถีโค้งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก สี่วันต่อมาวิชาเป่าลูกดอกของเขาก็ได้บรรลุถึงระดับที่ห้าแล้ว
ขอบเขตของชั้นที่ห้าไม่เพียงแต่ทำให้ลูกดอกมีความหลากหลายมากขึ้น แต่ยังเพิ่มพลังโจมตีและระยะการโจมตีอีกด้วย
เอี้ยนลี่เฉียงควบคุมลูกดอกมาถึงระดับใหม่แล้ว ในระดับนี้ดูเหมือนว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับลูกดอกในหัวของเขา
ทันทีที่เขาเห็นท่อเป่า เขาจะรู้ว่าลูกดอกชนิดใดจะทำงานได้ดีที่สุดกับท่อนั้น
เมื่อบรรลุถึงชั้นที่ห้าเอี้ยนลี่เฉียงก็สัมผัสได้อย่างแม่นยำว่านี่เป็นขอบเขตสูงสุดที่เขาสามารถบรรลุสำหรับวิชาเป่าลูกดอกที่เขาคิดค้นขึ้นเอง
ต่อจากนี้ไปไม่ว่าเขาจะฝึกหนักแค่ไหน ตราบใดที่เขายังคงใช้หลอดเป่าเขาจะไม่ได้รับการประทานพรจากสวรรค์อีก ถ้าเขาต้องการได้รับการประทานพรจากสวรรค์เขาต้องคิดค้นวิชาใหม่ขึ้นมา
ความรู้สึกนี้ไม่มีใครบอกเขา แต่เป็นการรู้แจ้งที่ผุดขึ้นในใจเขาทันทีเมื่อได้รับการประทานพรจากสวรรค์ห้าครั้งติดต่อกัน
ตั้งแต่วันที่ 16 ของเดือนที่ 9 เป็นต้นไป เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ฝึกเป่าลูกดอกอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะยังฝึกฝนโดยรูปดอกแต่ในครั้งนี้เขาใช้มันในการปาเป้าแทน
วิธีใหม่นี้แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากในการเริ่มต้น แต่หลังจากผ่านไปสองวันเขาก็ได้รับการประทานพรครั้งแรกอีกแล้ว
ในวันที่ 23 ของเดือนเก้าตามปฏิทินจันทรคติ วิชาปาลูกดอกของเอี้ยนลี่เฉียงก็ทะลุผ่านชั้นที่หก การประทานพรของสวรรค์ครั้งที่หกมาเร็วกว่าที่คิดมันทำให้เอี้ยนลี่เฉียงแข็งแกร่งแทบไม่แตกต่างจากนักสู้ที่แท้จริงแล้ว
เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ค่ำเดือน 9 เป็นต้นไป เอี้ยนลี่เฉียงใช้เพียงเข็มเท่านั้นในการซัดเข้าเป้า เขาต้องการลองดูว่าเข็มเล็กๆนี้จะสามารถทำประโยชน์อะไรได้หรือไม่
และมันก็เป็นตามที่เขาคาดจำนวนไว้
ในเวลาเพียงหกวันเอี้ยนลี่เฉียงก็ได้รับการประทานพรครั้งที่เจ็ดในวิชาปาลูกดอก
เนื่องจากมือขวาของเขาสามารถยิงเข็มบินได้และปลดปล่อยการเปลี่ยนแปลงมากมายในอากาศ ดังนั้นมือซ้ายของเขาควรจะทำเช่นเดียวกัน...
ดังนั้นตั้งแต่วันแรกของเดือนสิบเป็นต้นไป เอี้ยนลี่เฉียงก็เริ่มฝึก ซัดเข็มบินด้วยมือทั้งสอง
ในไม่ช้ามือซ้ายของเขาก็ว่องไวพอๆกับมือขวาของเขา ไม่ว่ามือขวาของเขาจะทำอะไรได้ อีกมือก็ทำได้เช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้นเอี้ยนลี่เฉียงยังค้นพบการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างในขณะที่เข็มบินที่เขาปล่อยด้วยมือทั้งสองข้างออกไปพร้อมกัน การแปรผันที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นเมื่อเข็มทั้งสองเล่มปะทะกันกลางอากาศ
ในวันที่เจ็ดของเดือนที่สิบการประทานพรจากสวรรค์มาอีกครั้ง
ถึงเวลานี้เอี้ยนลี่เฉียงได้ปล่อยเข็มบินด้วยมือทั้งสองข้างได้อย่างแม่นยำจนน่าเหลือเชื่อแล้วแต่เขาก็ยังไม่พอใจ
วัตถุที่เล็กกว่าและเบากว่านั้นยากต่อการควบคุมจริงๆ เนื่องจากเขาสามารถควบคุมวัตถุขนาดเล็กอย่างเข็มเย็บผ้าได้ มันจึงไม่เป็นปัญหาอะไรหากเขาจะซัดมีดขว้าง
ในวันที่แปดของเดือนสิบจันทรคติ เอี้ยนลี่เฉียงได้เปลี่ยนจากเข็มเย็บผ้าที่เขาฝึกเป็นมีดขว้างสองเล่ม เมื่อเขาถือมีดขว้างไว้ในมือเขาก็จินตนาการว่ามันเป็นเข็มสองเล่มที่มีขนาดใหญ่กว่า
สองสามวันต่อมา เขาสามารถควบคุมมีดขว้างในมือได้เช่นเดียวกับที่เขาทำได้ด้วยเข็มเย็บผ้า
ไม่เพียงเท่านั้นเนื่องจากน้ำหนักของมีดขว้างนั้นหนักกว่าและควบคุมได้ง่ายกว่า เขาจึงสามารถยิงมีดบินได้ไกลขึ้นด้วยแรงที่น่าเกรงขามขึ้น
ต่อให้ไม่ถูกแช่ด้วยพิษแต่รับรองว่าผู้ที่โดนมีดสั้นมีซัดใส่จะต้องตายอย่างแน่นอน
เมื่อถึงวันที่ 13 ของเดือนที่สิบ มีดขว้างของเอี้ยนลี่เฉียงก็เร็วราวกับสายฟ้ามันเคลื่อนไหวคล้ายกับล่องหนสามารถกำจัดศัตรูที่อยู่ในระยะร้อยวาได้อย่างง่ายดาย และในที่สุดการประทานพรจากสวรรค์ครั้งที่เก้าก็มาถึง...
ณ จุดนี้ ไม่เพียงแต่การขว้างมีดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทุกสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงสามารถถือไว้ในมือ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กเท่าก้อนหินหรือใหญ่เท่าขวาน
เขาสามารถควบคุมพวกมันให้ราวกับไร้น้ำหนักและสามารถปิดชีพทุกคนที่อยู่ในรัศมีร้อบวาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากการประทานพรจากสวรรค์ครั้งที่เก้า เอี้ยนลี่เฉียงสามารถสัมผัสได้ว่าวิชาที่เขาฝึกฝนนี้มาถึงขั้นสูงสุดแล้ว เพียงแต่ว่าเขารู้สึกเหมือนมีอีกขั้นหนึ่งที่เขาไม่สามารถทะลุเพดานได้
อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าขอบเขตสุดท้ายนั้นคืออะไร
เขามีลางสังหรณ์ว่าต่อให้เขาฝึกฝนมากมายเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำได้เขาต้องสั่งสมประสบการณ์มากกว่านี้และมันจะสามารถผ่านไปได้เอง
ด้วยความเข้าใจนี้ เอี้ยนลี่เฉียงจึงหยุดการซัดอาวุธ
ในวันที่ 14 ของเดือน 10 เอี้ยนลี่เฉียงได้ตัดต้นสนเก้าต้นบนภูเขาลงมา จากนั้นจึงตอกเสาไม้เก้าต้นสูง 2 เมตรลงไปในพื้นดินในลานเล็กๆที่เขาเช่า
เขาจัดเรียงพวกมันเป็นลานจัตุรัส หลักไม้ทั้งเก้านี้เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการฝึกฝนท่าร่างของเขาซึ่งก็คือวิชาเก้ากระบวนท่าเงาสายลมให้ไปถึงขั้นที่สาม
การฝึกฝนให้สามารถทะลวงอาณาจักรบ่มเพาะไปได้ต้องฝึกฝนลอยตัวอยู่เหนือพื้น 2 เมตรขึ้นไป
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เอี้ยนลี่เฉียงจึงเริ่มฝึกฝนท่าร่างรวมไปถึงหมัดพยัคฆ์คำรามต่อเนื่องเพียงสองวิชาเท่านั้น
หลังจากเก้ารอบของการประทานพรจากสวรรค์ ความแข็งแกร่ง ความว่องไว และความเร็วในการตอบสนองของเขาก็มาถึงจุดที่แม้แต่เขาเองก็ยังตกตะลึง
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาแตกต่างจากเมื่อก่อนราวกับเวลากลางวันและกลางคืน
เมื่อถึงวันที่ 15 ของเดือนที่ 10 วิชาหมัดพยัคฆ์คำรามของเอี้ยนลี่เฉียงก็ได้ทะลุผ่านชั้นที่สี่ไปแล้วในเวลานี้เขาบรรลุถึงขอบเขตสูงสุดของวิชานี้ซึ่งก็คือขั้นที่ห้าแล้ว
ในวันที่ 16 ของเดือนที่ 10 เก้ากระบวนท่าเงาสายลมซึ่งหยุดนิ่งมาเป็นเวลานาน ก็ได้ทะลุผ่านชั้นที่สองไปถึงชั้นที่สามเช่นกัน
ในไม่กี่วันต่อมาเอี้ยนลี่เฉียงใช้เวลาเพียงเก้าวันวิชาเก้ากระบวนท่าเงาสายลมก็บรรลุถึงขั้นที่หกซึ่งเป็นขั้นสูงสุดแล้ว
ในตอนนี้ความเร็วของเอี้ยนลี่เฉียงสามารถเทียบได้กับม้าแรดที่วิ่งเต็มกำลังด้วยซ้ำ
แม้ว่าคู่มือลับที่เอี้ยนลี่เฉียงฝึกฝนจะไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น แต่การที่เขาสามารถฝึกฝนทุกวิชาจนมาถึงระดับสูงสุดด้วยวัยเพียงแค่นี้หากเล่าให้ใครฟังจะไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน
เอี้ยนลี่เฉียงใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนในการฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง และความสำเร็จของเขาในตอนนี้ก็เหนือไปกว่าจินตนาการของเขาด้วยซ้ำ
มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องกลับไปจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองผิงซี