ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 49 ราคาของการเอาแต่ใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 51 เริ่มต้นการเดินทาง

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 50 พ่ายแพ้หมดท่า


ตอนที่ 50 พ่ายแพ้หมดท่า

ภายในโรงพยาบาล

ยาชาของฉินหยู่เพิ่งหมดฤทธิ์ลง เขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลด้วยใบหน้าซีดเซียวและยังคงดูค่อนข้างอ่อนแอ ฉินหยู่พูดพร้อมกับถอนหายใจยาว “เฮะเฮะ ให้ตายเถอะ หยวนหัวมันเต้นเก่งมาก ในขณะที่เฒ่าหลี่ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว และนายก็กลัวว่าจะทำให้เฒ่าหลี่โกรธ แล้ว...นายมาระบายความโกรธทั้งหมดใส่ฉัน และอยากจะฆ่าฉัน”

แมวแก่มองไปที่ฉินหยู่อย่างรู้สึกผิด และตอบด้วยเสียงต่ำ “นายก็โทษฉันเหมือนกัน ฉันไม่ได้คิดให้ดีในตอนแรก แล้วก็จำเป็นต้องดึงนายเข้ามาช่วย ตอนนี้มันเป็นอย่างนี้แล้ว นายน่ะถูกแล้ว ที่เลือกจะไม่ช่วยฉีหลินตอนแรก เพราะฉันมีเฒ่าหลี่อยู่ข้างหลัง พวกมันเลยไม่กล้าทำอะไรกับฉัน แต่นาย…”

“นายทำทุกอย่างไปแล้ว มาพูดตอนนี้มีประโยชน์อะไรล่ะ?” ฉินหยู่แตะผ้าก๊อซที่ก้นของเขา กัดฟันบ่น “ถ้าบุกไม่ได้ ก็ต้องตั้งรับให้ดี”

“ไม่เป็นไร เราจะผลัดกันดูแลนายในช่วงเวลานี้” จูเหว่ยยืนอยู่ที่หน้าต่างกล่าวเสริมขึ้น “เหตุการณ์บนถนนถู่จ้า มันใหญ่มากจนทุกคนบนถนนตอนนี้ตกเป็นเป้าหมายหมดแล้ว ฉันเดาว่าเขาอาจจะไม่กล้าทำอะไรเลวร้ายไปสักพักแหละ”

“ขอบใจเสี่ยวเหว่ย กวนฉี ที่ช่วยชีวิตฉันไว้” ฉินหยู่กล่าวอย่างจริงใจ

“อย่าพูดถึงมันเลยหัวหน้า” กวนฉีแยกเขี้ยวโบกมือ “รักษาตัวของนายให้หายดีก็พอ”

ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน ประตูห้องคนไข้ก็ถูกผลักให้เปิดออก และชายร่างท้วมกับหนวดน่าเกรงขามบนใบหน้าที่หม่นหมองเล็กน้อยก็ก้าวเข้ามา

“หัวหน้าอาวุโส!”

“ผู้กำกับหลี่!”

“……!”

ทุกคนยืนขึ้นทีละคน ทักทายและกล่าวสวัสดี

ผู้กำกับหลี่เหลือบมองเหล่ามือปราบ และโบกมือพร้อมพูดว่า “แมวแก่อยู่นี่ก่อน พวกนายที่เหลือออกไปเดินเล่นสักพัก ฉันขอพูดอะไรสักสองสามคำตามลำพังกับสองคนนี้หน่อย”

“ครับผม”

“โอเค พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ”

หลังจากที่จูเหว่ย กวนฉี และลูกทีมอื่นๆ ตอบกลับ พวกเขาก็เดินออกจากห้องคนไข้ไปทันที

“ผู้กำกับหลี่!” ฉินหยู่จับยันขอบเตียงขึ้น พยายามนั่งตัวตรงด้วยก้นข้างเดียว

“นอนลง นอนลง” ผู้กำกับหลี่เดินไปที่เตียงแล้วตบไหล่ของฉินหยู่ และนั่งเก้าอี้ที่แมวแก่ขยับลุกให้ เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก”

“วันนี้ท่านเศร้าเหรอ?” แมวแก่อ้าปากก็ส่อแววกวนประสาทขณะยืนอยู่ใกล้ๆ

“ยิ่งกว่าเศร้า” ผู้กำกับหลี่จุดบุหรี่แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เมื่อคืนมีศพกว่า 30 ศพถูกนำออกมาจากถนนถู่จ้า และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน วันนี้มีสื่อวิทยุและทีวีออนไลน์มาออกันที่หน้าประตูกองกำกับการเหมือนแมลงวันตอม เตรียมรายงานติดตามผลกันใหญ่ หากไม่ใช่เพราะกรมตำรวจกลัวเรื่องอื้อฉาว พวกสื่อในเมืองหลวงเฟิ่งเป่ยคงจะรายงานข่าวนี้ไปแล้ว”

เมื่อแมวแก่และฉินหยู่ได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็รู้สึกถึงความไม่แน่นอนต่อสถานการณ์ทั้งหมด

“โชคดีที่กองทหารมาถึงอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นหากการจลาจลลุกลามไปมากกว่านี้และขยายไปเป็นพันเป็นหมื่นคน วันนี้ฉันคงต้องเก็บของกลับบ้านแน่ๆ และฉันอาจจะถูกอัยการฟ้องให้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” ผู้กำกับหลี่สูบบุหรี่ด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าและพูดต่อด้วยน้ำเสียงแหบลง “พรุ่งนี้ฉันวางแผนจะไปเฟิ่งเป่ยเพื่อพบครูเก่าของฉัน”

ฉินหยู่ฟังอย่างเงียบๆ โดยไม่ขัดจังหวะ

“แต่ครูก็คือครู และความสัมพันธ์ก็คือความสัมพันธ์ ถ้าฉันต้องการให้คนที่อยู่เหนือฉันพูดแทนฉัน และต่อสู้กับหยวนหัวและคนอื่นๆ ฉันต้องได้คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องทั้งหมดนี้” ผู้กำกับหลี่กล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ไม่ว่าฉันจะรับมันได้หรือไม่ คุณจะได้เท่าไหร่เป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ สิ่งสำคัญคือ จะทำให้คนเบื้องบนเชื่อได้อย่างไรว่าเขาจะได้ผลประโยชน์จากเหตุการณ์นี้”

“ท่านหมายถึงอะไร?” ฉินหยู่ถามอย่างไม่แน่ใจ

“ตอนนี้ตระกูลหม่ากำลังต่อกรกับพลังคุกคามที่โดยพื้นฐานแล้วทางเฮ่ยเจียไม่มีทางสู้ได้ และถ้าฉันไม่ช่วยพวกเขา ฉันจะทำประโยชน์ให้พวกระดับสูงได้ยังไง? ถ้าต้องให้ฉันควักกระเป๋าเอง ฉันมีทุนไหม?” ผู้กำกับหลี่มองไปที่ฉินหยู่พร้อมพูดต่อ “ดังนั้นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้ยังคงอยู่ที่ตระกูลหม่า พวกเขาต้องได้เริ่มธุรกิจยาอีกครั้งเท่านั้น และสามารถแข่งขันกับหยวนหัวในพื้นที่ได้ เมื่อมีผลกำไร คอนเน็กชันก็จะตามมาโดยธรรมชาติ”

“อา…ฉันเข้าใจสิ่งที่ท่านพูดแล้วครับ” ฉินหยู่พยักหน้า

“ช่องทางแหล่งค้าส่งของตระกูลหม่าถูกตัดขาด” แมวแก่ขมวดคิ้วคิดอยู่นานและกล่าวเสริม “เมื่ออาหลงตาย พวกเขาไม่สามารถรับสินค้าได้เลย แม้ว่าเขาจะยังสามารถสะสมกำลังคนได้ แต่ก็ไม่มีธุรกิจใดๆ เลย”

“นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังพูดถึง” ผู้กำกับหลี่จ้องไปที่ฉินหยู่แล้วพูดต่อ “หาทางติดต่อกับฉีหลิน และไม่ว่ายังไงก็ตาม เราต้องหาช่องทางแหล่งค้าส่งที่อาหลงใช้ตอนมีชีวิตอยู่ ตราบใดที่ตระกูลหม่าสามารถมีสินค้าและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ สร้างผลกำไรมากมาย ด้วยวิธีนี้ ฉันจะสามารถติดต่อกับผู้บริหารระดับสูงได้ แล้วพวกเขาจะยินดีช่วยไกล่เกลี่ยให้”

“อืมม แหล่งที่มาของสินค้าคือแก่นของเรื่องนี้” ฉินหยู่พยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ใช่เพราะหยวนหัวกำลังทำกับครอบครัวหม่าเพราะว่าพวกเขาสามารถซื้อยาราคาถูกแต่มีคุณภาพสูงได้”

“ถูกต้อง” ผู้กำกับหลี่พยักหน้า

“แต่ฉีหลินบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาบอกว่าอาหลงได้ทิ้งข้อมูลการติดต่อไว้ให้เขา แต่ตอนนั้นเขาไม่พบมัน” ฉินหยู่โกรธเล็กน้อยเมื่อนึกย้อนกลับไป

ผู้กำกับหลี่สูบบุหรี่เฮือกหนึ่ง หรี่ตามองดูฉินหยู่แล้วพูดว่า “ตอนนี้นายตระหนักถึงความจริงจังของเรื่องนี้แล้วหรือยัง”

ฉินหยู่อึ้งเงียบไป

“คืนนั้น นายต้องการปกป้องฉีหลินในถนนถู่จ้า และฉันถูกบังคับให้แสดงจุดยืน สิ่งนี้ไม่เพียงทำให้หยวนหัวไม่พอใจเท่านั้น แต่ยังขัดผลประโยชน์ที่อยู่เบื้องหลังเขาด้วย ดังนั้นหากเราไม่สามารถใช้ธุรกิจยารวมพวกระดับสูงเข้าด้วยกัน แล้วเผชิญหน้ากับตระกูลหยวนกับคอนเน็กชันของพวกเขา ก็เท่ากับเรานอนรอให้เขามาล้างแค้นเท่านั้น” ผู้กำกับหลี่พูดด้วยสีหน้าจริงจังมาก “เมื่อถึงเวลานั้น ฉันอาจจะไม่มีตำแหน่งผู้กำกับแล้วก็ได้ และนายจะอยู่รอดในเขตที่ 9 หรือไม่นั้น ไม่มีอะไรรับประกันได้”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ฉินหยู่ก็เข้าใจทันทีว่าผู้กำกับหลี่หมายถึงอะไร

หากเขาล้มเหลวในการเชื่อมต่อกับแหล่งค้าส่งยา ไม่เพียงแต่ผู้กำกับหลี่จะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ แต่ตัวฉินหยู่เองจะต้องถูกกำจัดเช่นกัน

“ฉันจะขอย้ำอีกที นายต้องเชื่อมต่อช่องทางแหล่งค้าส่งของอาหลงใหม่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หรือไม่ก็ นายรีบหนีออกจากเขต 9 ให้เร็วที่สุด” ผู้กำกับหลี่เตือนด้วยเสียงต่ำ “หยวนหัวไม่สนใจหรอกว่านายเป็นตำรวจหรือเปล่า ถ้าเขาต้องการแก้แค้น”

หลังจากคิดอยู่นาน ฉินหยู่ก็พูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ฉันต้องกลับไปที่พื้นที่โครงการพัฒนา และคุยกับฉีหลินด้วยตนเอง”

“นายควรพักฟื้นให้หายก่อน และเมื่อนายพร้อมก็ไปทันที” ผู้กำกับหลี่ยืนขึ้นและพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปที่เฟิ่งเป่ยด้วย เพื่อหยั่งเชิงอาจารย์ของฉันก่อน”

“เข้าใจแล้วครับผู้กำกับหลี่”

“อีกเรื่องหนึ่ง บอกเฒ่าหม่าให้หลบไว้ก่อน หลักฐานทั้งหมดถูกรวบรวมเสร็จสิ้นแล้วที่กรมตำรวจ และหมายจับเฒ่าหม่า ก็อยู่ในห้องทำงานของฉันแล้ว” ผู้กำกับหลี่สั่งอีกครั้ง

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง แมวแก่ก็ถามทันที “แล้วเรื่องระหว่างหมาเหล่าเอ้อกับต้าหมินล่ะ นี่คือสิ่งที่ฉันสัญญากับเฒ่าหม่าว่าจะช่วยเขา”

“มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่จะช่วยสองคนนั่นออกมาตอนนี้? รอสักเดี๋ยว” ผู้กำกับหลี่พูดแค่นั้น แล้วหันเดินออกไปจากห้อง

ในห้องคนไข้ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายยาฆ่าเชื้อ ฉินหยู่นอนมองดูเพดานด้วยความเศร้าหมองระคนไม่สบายใจ เขาถอนหายใจก่อนพูดว่า “ฉันคิดว่าพื้นที่โครงการพัฒนานั้นซับซ้อนมาก แต่ฉันไม่ได้คาดคิดว่า...ดินแดนที่คนกินเนื้อคนด้วยกัน อยู่ในเขตที่ 9 นี่เอง ที่ที่ดูเหมือนจะปลอดภัยกว่าที่อื่น”

“ฉันรู้สึกผิดนิดหน่อย ฉันใช้ลูกเล่นหลอกนาย” แมวแก่ต้องพูดเพราะเขารู้สึกอึดอัดมาก

ฉินหยู่เลียริมฝีปาก “แต่สำหรับฉัน ฉันจะไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ฉันทำไปแล้ว อย่าพูดแบบนี้บ่อยๆ มันทำให้ฉันหงุดหงิด”

แมวแก่คิดอยู่นาน มองดูฉินหยู่แล้วพูดว่า “คราวนี้นายกลับไปที่พื้นที่โครงการพัฒนา ฉันจะไปกับนาย”

“เฒ่าหลี่ไม่มีทางให้นายไป” ฉินหยู่ยิ้ม

“ถ้าฉันเป็นคนขี้ขลาดเวลามีเรื่องละก็ ฉันคงไม่ช่วยฉีหลินตั้งแต่แรกหรอก” แมวแก่ตอบอย่างไม่ลังเล “ฉันเบื่อที่จะพูดแล้วว่ะ  ยังไงฉันก็จะไปกับแกในครั้งนี้”

ฉินหยู่มองไปที่แมวแก่แล้วยิ้ม

……

พื้นที่โครงการพัฒนา

ฉีหลินใช้ไม้ค้ำเดินเข้าไปในห้องที่ทรุดโทรม และเงยหน้าขึ้นมองแม่ของเขาซึ่งกำลังทำบางอย่าง

“แม่ ทำอะไรอยู่?”

“จัดเสื้อผ้าของเจ้าน่ะ” หญิงชรานั่งบนเตียงเย็นๆ ไม่มีเบาะรอง ก้มลงดึงกระเป๋าหนังสีดำออกมา

ฉีหลินมองดูกระเป๋าหนังสีดำครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วแล้วเบิกตาโพลงและถามว่า “แม่ กระเป๋าใบนี้...?!”

………………………………………………………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด