ตอนที่ 197 ออกเดินทางโดย GH5
ตอนที่ 197 ออกเดินทางโดย GH5
หลังจากกลับมาถึงเมืองซานติเกียทางรถไฟบริเวณป้อมห่างจากเมืองซานติเกีย 1000 กิโลเมตร โดยในรถไฟที่กลับไปที่เมืองยังคงมีของที่ปล้นมาได้จากปราการยักษ์เถื่อน
หนึ่งในนั้นคืออาวุธโลหะพิภพอยู่ด้วย
หลังจากอาวุธโลหะพิภพถึงเมืองซานติเกีย คนของฝ่ายผลิตอาวุธและเครื่องจักรก็เข้ามาขนย้ายทั้งหมดไป ซึ่งหลังจากหลอมและสกัดเอาโลหะพิภพได้ ก็ทำให้สามารถสร้างปืนแม่เหล็กไฟฟ้าได้แล้ว สายงานการผลิตปืนแม่เหล็กไฟฟ้าที่หยุดไปนานก็กลับมาทำงานอีกครั้ง
ส่วนทางด้านของไนเรลหลังจากกลับมา เขาก็ออกไปอีกครั้งเหนือเมฆ เพื่อล่าสัตว์ระดับ 6 และโชคดีที่เขาไปเจอกับระดับ 6 ขั้นต้นสองตัวที่กำลังสู้กันอยู่ ตัวหนึ่งคือค้างคาวปีกดำ อีกตัวคือนกเค้าแมวหิมะ เขาจึงหาจังหวะเหมาะ ๆ ฆ่าพวกมันทั้งสองตัว
ซึ่งแก่นพลังงานทั้งสองไนเรลไม่ได้กิน แต่เขาให้ไคโรพ่อของเขาเก็บไว้เพื่อให้กับเจ้าหน้าที่สมาพันธ์นักล่าที่พัฒนาระดับพลังมาถึงระดับ 5 ขั้นสมบูรณ์ก่อนมารับแก่นพลังงานระดับ 6 ไปได้ 1 ชิ้น
และหลังจากที่ไนเรลลองกินเนื้อพวกมันทั้งสองไป ไนเรลได้แค่ความสามารถจากค้างคาวปีกดำมาเท่านั้น ซึ่งคือความสามารถ [สัมผัสเสียง A] มา
สัมผัสเสียงคือความสามารถประเภทสนับสนุน การรับรู้ผ่านการสะท้อนของเสียงกับวัตถุกลับมาหาเขา มันทำให้ไนเรลสร้างภาพสามมิติในหัวได้
ความสามารถสัมผัสเสียงนับเป็นความสามารถตรวจจับอันที่สองของเขา
ในเย็นวันนั้นการสำรวจภายในท่อระบายน้ำใต้เมืองซานติเกียและเมืองหลวง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการลอบสังหารไนเรลโดยสเตลล่า และเส้นทางที่พวกเผ่าเจ้าสมุทรสร้างไว้ในท่อระบายน้ำ
เมื่อทีมนักล่าที่รับภารกิจลงไปสำรวจพวกเขาก็เจอกับเรื่องน่าตกใจ มันมีท่อหลายแห่งที่ต่อลงไปที่แม่น้ำ ซึ่งกรงเหล็กที่ปิดกั้นท่อระบายน้ำพวกนั้นถูกทำลาย
และยังมีเส้นทางอุโมงค์ลับที่ถูกขุดขึ้นมาอีก และไม่รู้ว่ามันยาวไปจนถึงเส้นทางไหนกัน แต่
......
สองวันหลังจากทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้วไนเรลก็เตรียมตัวออกเดินทางอากาศโดยเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่ที่สุด GH5 จำนวนสองลำ
เครื่องบิน GH5 มันมีสี่ใบพัด และ 6 เครื่องยนต์สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ 200,000 กิโลกรัม และวัดได้ 85 เมตรแนวยาว เกราะด้านนอกถูกห่อหุ้มด้วยหนังของจระเข้สายฟ้าระดับ 6 ไว้ในส่วนที่สำคัญ และเสริมด้วยวัสดุระดับ 5 สามารถบินขึ้นและลงในแนวดิ่งได้
นับว่าเป็นเครื่องบินในที่พัฒนามามากที่สุดรุ่นหนึ่งเลย ถ้าไม่รวมเรือบินของจีนาส
แม้จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ก็ต้องระวังหนึ่งเรื่องนั้นก็คือสัตว์กลายพันธุ์โจมตี สิ่งที่บินได้บนท้องฟ้ามีอยู่สองอย่าง คือผู้ล่าและเหยื่อ ซึ่งด้วยขนาดของ GH5 ทำให้ไม่ได้ติดตั้งอาวุธมากนัก ถ้ามันเจอกับระดับ 6 คงยากที่จะหนีรอดไปได้
แต่การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นกองกำลังมนุษย์ชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์อย่างแน่นอน จึงตัดปัญหาเรื่องจะโดนสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 6 โจมตีได้เลย
การเดินทางในครั้งนี้มีทั้งหมด 154 คนแบ่งกันไปสองลำ ซึ่งลำแรกเป็นที่ไนเรลนั่งไป ยังมีคนอื่น ๆ อีกคือ นิเรียที่ตามด้วยโดยมีชุดสูท M4 พร้อมอาวุธครบมือ
นอกจากนั้นยังมี เอวาที่มาคอยควบคุมภาพรวมการสำรวจ เมสันที่ดูแลด้านอาวุธ ชารอนติดตามมาด้วยทั้งกลุ่มโนเนททั้งหมดที่รับผิดชอบด้านยา แต่อีกคนที่ไนเรลไม่คิดว่าจะได้เจอกับเขาอีกนั้นก็คือ หมอแฮรี่ที่เมื่อสองปีก่อนแยกทางกับกลุ่มของไนเรลที่เมืองย่อย 101 ไปที่เมืองหลวงใหม่ไทกีล่าที่ตอนนี้เป็นเพียงซากไปแล้ว
หลังจากสอบถามก็ได้รู้ว่าที่ผ่านมาหมอแฮรี่ไปถึงที่เมืองหลวงใหม่ก็ถูกส่งไปอยู่กับทีมสำรวจของรัฐบาลอยู่สักพักจนกระทั่งรัฐบาลไทกีล่าล่มสลาย หมอแฮรี่สันก็เดินทางตามกลุ่มต่าง ๆ มาเรื่อย ๆ
จนเมื่อหลายวันก่อนหมอแฮรี่สันก็มาถึงเมืองซานติเกีย และบังเอิญที่ไคโรได้ติดต่อให้แฮรี่มาร่วมทีม
นอกจากนี้ยังมีสองคู่หู มะลิและธีโอที่ตามมาด้วย แน่นอนว่าคนที่ชวนมาคือจูเรียที่โดนตามตัวมาด้วย เพราะไนเรลต้องการให้เธอไปกู้ระบบของเรือบินหมายเลข 1 ที่พังเสียหาย
ส่วนคนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ด้าน ๆ ต่าง ๆ ที่ติดตามมาด้วย เพราะไม่รู้ว่าหลังจากเข้าไปสำรวจสถานการณ์ด้านในแล้วต้องเจอกับอะไรบ้าง ทุกคนจึงถูกเรียกตัวมา
การเดินทางในครังนี้กินเวลาถึง 38 ชั่วโมงติดต่อกันออกนอกเขตสัญญาณการสื่อสารทั้งหมด ทำให้ทุกทางทีมสำรวจขาดการติดต่อกับทุกคนที่เมืองหลวงไทกีล่า
.......
ขณะเดียวกันทางด้านเมืองหลวงใหม่ไทกีล่าที่ตอนนี้เป็นเศษซากผ่านมา 20 วัน เมืองทั้งเมืองถูกสร้างขึ้นมาใหม่และปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นป้อมปราการโดยมาราคอฟ
“ท่านมาราคอฟ” เจ้าหน้าที่เลขาเดินเข้ามาเรียกมาราคอฟที่สวมชุดเต็มยศ นั่งที่เก้าอี้จัดการเอกสารอยู่
“จัดการเรื่องศพของท่านนายกหรือยัง” มาราคอฟถามกลับไปพร้อมกับขยับแว่นที่ใส่มองดูเอกสารอยู่
“การจัดการแล้วครับ ร่างของท่านนายกถูกฝั่งที่เมืองไทกีล่า”
มาราคอฟพยักหน้าเป็นการรับรู้
‘คิดไม่ถึงว่าท่านนายกจะถูกอาบิเกลลอบเข้ามาสะกดให้หลับใหล หลังอาบิเกลตาย ท่านายกก็ตายตามไปด้วยเหมือนกับพวกผู้โดนสะกด’ มาราคอฟถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็ลุกขึ้น
“ไปกันเถอะ”
“ครับ”
มาราคอฟเดินนำออกมาโดยมีเจ้าหน้าที่เดินตามหลังมาตามทาง ออกมาที่เวที ขึ้นไปบนโพเดียม
สถานที่มาราคอฟอยู่ตรงนี้คืออาคารกองบัญชาการกลาง ที่ซึ่งตอนนี้มีกองกำลังทหารจำนวนมากรวมตัวกันอย่างเป็นระเบียบถัดไปด้านหลังยังมีประชากรที่อาศัยอยู่ที่เมืองหลวงใหม่ไทกีล่านี้อยู่จำนวนมาก
หลังจากมาราคอฟขึ้นมากองกังทั้งหมดก็ทำความเคารพเขา
พร้อมกันนั้นมนุษย์ชั้นสูงจำนวนมากที่อยู่ในกองกำลังต่างปลดปล่อยพลังออกมา จนหิมะรอบ ๆ ต่างกระจายออกมาทันที สร้างภาพน่าเกรงขามให้กับกองกำลังเป็นอย่างมาก
มาราคอฟยกมือขึ้นให้ทุกคนเงียบเสียง
“มนุษย์ควรจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้พวกเราจะต่างชาติ ต่างเชื้อสาย แต่ ณ ขณะนี้พวกเราไม่ใช่เผ่าพันธุ์ทรงปัญญาเดียวในโลกใบนี้อีกต่อไป ถ้าพวกเรายังแบ่งแยกก็จะโดนทำลายล้างทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์จนสิ้น”
“ดังนั้น...ตั้งแต่นี้ต่อไปจะมีไม่ประเทศไทกีล่าอีกต่อไป หรือประเทศอื่นใดก็ตาม ที่นี่จะไม่ใช่เมืองหลวงใหม่ไทกีล่า แต่มันจะถูกเรียกว่าเมืองพันธมิตรมนุษย์” มาราคอฟมองไปที่ทุกคน พวกเขากำลังรอคำพูดต่อไป มาราคอฟจึงพูดต่อ
“จากนี้ต่อไปทั้งสามชาติ ไทกีล่า จีนาส อามิวกัส จะรวมตัวกันและขอจัดตั้งพันธมิตรมนุษยชาติขึ้นมา ณ บัดนี้”
หลังสิ้นเสียงของมาราคอฟก็มีเสียงโฮ่ร้องด้วยความยินดีดังขึ้น มาราคอฟมองไปที่ประชากรทุกคนที่รู้สึกมีความหวังขึ้นมาจากคำพูดของเขา ‘มันต้องเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง ความหวังจะนำมาซึ่งการอยู่รอด’
บนเวทีไม่ได้มีแค่มาราคอฟ แต่ยังมีตัวแทนจากอีกสองฝ่าย คือ มาคัส แม็คน่า และ ซาบีน่า ทั้งสามคนคือตัวแทนของอามิวกัส ส่วนตัวแทนของจีนาสเป็นนายพลที่สามของจีนาส ชื่อ มัฟกาน
ท่าทีของแต่คนต่างกันออกไป แต่ในจุดนี้พวกเขาต่างมองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง มนุษย์อย่างพวกเขาจะลุกขึ้นสู้บ้างแล้ว
หลังจากนั้นก็คือพิธีเดินสวนสนามของกองทัพพันธมิตรมนุษยชาติ ซึ่งปรับเปลี่ยนกองทัพใหม่หมด มนุษย์ชั้นสูงที่เข้าร่วมกองทัพจะเรียกว่า เข็มกลัดทองคำมียศร้อยตรีขึ้นไป
ต่อแต่นี้ต่อไป กองทัพจะตั้งอยู่บนพื้นฐานความแข็งแกร่ง เหมือนกับที่พวกอามิวกัสยึดถือ เพราะมันคือสิ่งจำเป็นในเวลานี้
......
ผ่านมา 10 ชั่วโมงแล้ว GH5 ยังคงบินอย่างต่อเนื่องขณะที่ไนเรลนั้นกำลังจัดการใช้ความสามารถ [ร่างกาบหอยแครงปีศาจ F] จัดการกินเนื้อระดับ 6 อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มระดับพลังงานในเซลล์
“ระดับสีม่วงแม้จะไม่เคยมีมนุษย์ขึ้นมาระดับนี้มาก่อน แต่สามารถรู้สึกได้เลยว่าถ้าจะผ่านระดับ สีม่วง ขั้น ต้นไปได้อย่างน้อยต้องมีพลังงานในเซลล์ถึง 300,000 หน่วย”
“พลังงานต่อเซลล์ 113,000 หน่วย กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง...” เสียงซีโร่แจ้งเตือนตัวเลขที่เครื่องวัดระดับพลังงาน
“อีกกี่ชั่วโมงจะออกจากเขตสัญญาณ”
“อีก 5 ชั่วโมงจะออกจากเขตสัญญาณ ผมจะหลุดออกไปด้วย” เสียงซีโร่ตอบกลับ
“อืม”
หลังจากนั้นไนเรลก็ยังคงหยิบเนื้อระดับ 6 ออกมาจากเงาโยนให้กาบหอยแครงทั้ง 4 ที่งอกออกมาจากแผนหลังของเขาย่อยสลายเนื้ออย่างต่อเนื่อง
แต่ขณะที่การเดินทางกำลังราบรื่นอยู่นั้น อยู่ ๆ ก็มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น” เอวาถามเจ้าหน้าที่ของ GH5
“เรด้าของเราตรวจจับเจอฝูงของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ระดับ 3 ได้จำนวนมากกำลังบินตรงมาทางนี้ ตอนนี้เราได้ภาพระยะไกลแล้ว” เจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบการตรวจจับรีบแสดงภาพขึ้นมา
มันเป็นภาพของหมอกดำ ๆ ที่เคลื่อนที่มาทางนี้ ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามันไม่ใช่หมอกแต่คือนกขนาดเล็กเท่ากำปั้นจำนวนมาก
ซึ่งหลังจากนั้นก็มีการเตือนว่าเจอสิ่งมีชีวิตระดับ 5 อีกตัวที่บินไล่ตามพวกมันมา ไม่สิถ้ามองดี ๆ มันไม่ได้บินแต่กระโดดและร่อนมาเรื่อย ๆ
สิ่งที่หน้าเหลือเชื่อมากกว่านั้นคือพอฝูงนกบินสูงขึ้นไปอีกก็จะโดนดูดลงมา มีบางตัวเข้าไปในปากของมันด้วย
“มันคืออะไร น่าเหลือเชื่อที่มันไล่ฝูงนกตัวเล็ก ๆ พวกนั้นได้แม้พวกมันจะบินหนี” นิเรียยกปืนส่องเตรียมที่จะเก็บพวกมัน ถ้ามันเข้ามาใกล้เครื่องบินของพวกเขา
“มันคือ ปลาบินกลายพันธุ์” ไนเรลโผล่หน้ามาข้าง ๆ นิเรียมองดูอยู่
“เราจะปะทะกับฝูงนกจิ๋วในอีก 20 วินาทีขอให้ทุกคนหาที่จับไว้ด้วย” เสียงประกาศดังขึ้น
“บอกพวกเขาชะลอความเร็วลง เดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง” ไนเรลพูดจบก็บินออกไปในทันที นิเรียเองก็รู้สึกเบื่อจึงหันปืนไปเล็งที่เจ้าตัวที่ตามหลังฝูงนกมา
.....
Witterry : ตอนที่ 191 ไรท์ตาลายพิมพ์เลข 0 เพิ่มไปหนึ่งตัวตอนที่ระดับพลังงานเพิ่มขึ้น อันที่จริงมันคือ 110,000 หน่วย