Ep.1039 - (ยกเครื่องใหม่) การประชุมของบลูสตาร์
Ep.1039 - (ยกเครื่องใหม่) การประชุมของบลูสตาร์
“มีใครบางคนเกิดความทะเยอทะยาน คิดสร้างปัญหา!”
หลงกงยิ้มเย็น จากนั้นอธิบายว่า “คุณกลับมาได้สองเดือนแล้ว ครั้งก่อนเป็นเพราะเกรงว่าผู้ใช้พลังเลเวล SSS จะแก้แค้น ผู้ใช้พลังในมิติของพวกเราจึงไม่มีใครเดินทางไปยังมิติพันธมิตรมนุษย์ แต่มีหลายคนไม่สบายใจ คอยตรวจสอบข่าวคราวอยู่เป็นระยะๆ และพบว่าเส้าตงเฟิงดูเหมือนจะได้รับทรัพยากรจำนวนมากเมื่อเร็วๆนี้ เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับจ้าวเหนือหัวอันผิง”
“ไม่มีกำแพงใดสามารถปิดกั้นข่าวสารได้ตลอดไป ประจวบกับที่คุณคือแชมป์งานประลองเพื่อสันติภาพ จู่ๆหายตัวไปสองเดือน แถมยังมีความขัดแย้งกับเส้าตงเฟิงอย่างชัดเจน ทุกคนเลยเดาว่าเส้าตงเฟิงคงใช้มิตรภาพที่มีระหว่างจ้าวเหนือหัวอันผิง ขอให้ช่วยฆ่าคุณ!”
“แต่คุณยังไม่ตาย เรื่องนี้พวกเรารู้ และบางคนจากพันธมิตรองค์กรมืดในบลูสตาร์ก็รู้เช่นกัน ตอนนี้พวกเขาเลยคิดก่อเรื่องขึ้นมา หาว่าคุณได้รับผลประโยชน์ไปตั้งเยอะแล้ว พวกเขาควรมีส่วนแบ่งบ้าง มิฉะนั้นพวกเขาจะกระจายข่าวว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ออกไป ให้จ้าวเหนือหัวอันผิงกลับมาฆ่าคุณอีกครั้ง!”
ฉินเฟิงไม่คาดหวังเลย ว่าเรื่องราวต่างๆมันจะซับซ้อนขนาดนี้
หัวใจคนนี่ไม่เคยรู้จักพอจริงๆ เป็นแค่งูแต่คิดกลืนช้าง!
เจ้าคนขององค์กรมืดพวกนี้ กำลังรนหาที่ตาย!
“ผมเข้าใจแล้ว ถ้าพวกมันอยากตาย ผมจะเติมเต็มความปรารถนาให้พวกมันเอง!” น้ำเสียงของฉินเฟิงกลายเป็นเย็นชา แสดงออกชัดถึงเจตนาฆ่า
หัวใจของหลงกงสั่นสะท้าน แต่ขณะเดียวกัน ก็เกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมา เพราะอย่างไรเสีย เรื่องในครั้งนี้ ไม่ได้มีแค่คนฝ่ายพันธมิตรองค์กรมืดที่คิดฉกฉวยผลประโยชน์
“ตอนนี้ ทุกคนตัดสินใจเปิดการประชุม เพราะคุณเป็นคนของพันธมิตรหัวเซี่ย ดังนั้นงานประชุมเลยตั้งใจว่าจะเปิดขึ้นที่เมืองหลวงมังกร ผู้ใช้พลังเลเวล SS ทุกคนในมิติบลูสตาร์ของพวกเรา ต่างได้รับคำเชิญ และมากกว่า 15 คนให้การยืนยันแล้วว่าจะมา”
“15คน?” ฉินเฟิงขมวดคิ้ว เรื่องนี้คงไม่ใช่อะไรที่เรียบง่ายเสียแล้ว เพราะในบรรดาพันธมิตรของโลกใบนี้ เลเวล SS น่ะมีทั้งหมด 19 คน
หลังจากมิติมวลหมู่ดาวรูนเปิดออก ฉินเฟิงฆ่าไปหนึ่ง และมีพันธมิตรมนุษย์สามารถเลื่อนขั้นได้อีกหนึ่ง
ซึ่งเท่ากับว่า จะมีเลเวล SS จำนวน 12 คนจากฝั่งพันธมิตรมนุษย์ และอีก 7 คนจากฝั่งพันธมิตรองค์กรมืด
ณ จุดนี้มองยังไงฝ่ายพันธมิตรมนุษย์มีสิทธิ์ในการออกเสียงมากกว่าชัดๆ หากผู้ใช้พลังฝ่ายพันธมิตรทุกคนให้การสนับสนุนฉินเฟิง ปัญหานี้คงไม่เกิดขึ้น และหลงกงคงไม่เรียกนัดประชุม
ถึงจุดนี้ ในที่สุดฉินเฟิงก็เข้าใจ ถึงความหมายของคำว่า ‘ทะเยอทะยาน’ ที่หลงกงพูดถึง
เกรงว่าแม้คนของพันธมิตรมนุษย์จะไม่ถึงขั้นทรยศฉินเฟิง แต่พวกเขาก็ยังต้องการได้รับผลประโยชน์บ้างเช่นกัน
ในความคิดของพวกเขา จะให้ฉินเฟิงได้ประโยชน์คนเดียว โดยที่พวกเขาไม่ได้รับกำไรเลยได้อย่างไร? เรื่องแบบนี้คนฝั่งพันธมิตรองค์กรมืดจะยอมได้หรอ?
“เห~ งั้นรบกวนคุณช่วยแจ้งแก่ทุกคนด้วย ว่าสามวันจากนี้ ให้มาเจอกันที่เมืองหลวงมังกร จะได้ไม่ต้องรอนาน!”
เวลานี้ ฉินเฟิงเองก็เริ่มเดือดขึ้นบ้างแล้วเช่นกัน!
…
สามวันต่อมา ณ เมืองหลวงมังกร
ในฐานะที่มันคือศูนย์กลางของพันธมิตรหัวเซี่ย ดังนั้นเมืองหลวงมังกรจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดถูกเก็บรวบรวมเอาไว้ที่นี่เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นในด้านกำลังรบ , พลังป้องกัน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีตัวตนทรงอำนาจอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากที่สุดเช่นกัน
เพียงแต่ว่าชาวเมืองหลวงมังกรคงไม่ทราบ ว่าในวันนี้ เมืองหลวงของพวกเขา จะมีแขกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกมาเยือนมากมาย
ณ ชั้นเก้าของเมืองหลวงมังกร ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ เวลาใกล้จะถึง 12.00 น. แล้ว
ผู้ใช้พลังเลเวล SS ทั้งหมดดูเหมือนจะไม่อยากพลาดโอกาสนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าคนอื่นๆมา ตนเองเลยตามมาด้วย
ทำให้จากในตอนแรกยืนยันว่าจะมาแค่ 15 คน แต่ในการประชุมนี้ ปรากฏว่าพวกเขามาครบทั้ง 19 คน!
แอ๊ด …
ประตูบานใหญ่ถูกผลักเปิดออก อีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา
เพียงแต่ว่าเมื่อเห็นชายคนนี้ ทุกคนในห้องประชุมต่างเริ่มเกิดความตื่นเต้น
ชายผู้นี้ จะเป็นใครไปได้อีกหากไม่ใช่ฉินเฟิง!
“ขออภัยที่ทำให้ทุกท่านต้องรอนาน” ฉินเฟิงผงกหัวให้ทางพันธมิตรมนุษย์เล็กน้อย จากนั้นเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่หลงถิงจัดเตรียมเอาไว้ให้ โดยตำแหน่งที่เขานั่ง เป็นที่นั่งฝั่งประธาน ส่วนเก้าอี้ข้างๆถัดมาเป็นไป๋หลี
ส่วนผู้ใช้พลังคนอื่นๆไม่ได้นั่งติดกัน ฝั่งซ้ายเป็นคนของพันธมิตรมนุษย์ คนทางขวามาจากกลุ่มองค์กรมืด โดยซ้ายและขวา มีจำนวนต่างกัน 5 คน
ช่วงเวลานี้ ลึกลงไปในหัวใจของพันธมิตรองค์กรมืดก็กำลังสั่นไหวอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งซิงนาร์ ในฐานะที่เป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืด และเคยมีปัญหากับฉินเฟิงในมิติอักษรรูนทำให้เขาทราบดีว่าฉินเฟิงรับมือได้ยากเพียงใด
ยิ่งไปกว่านั้นช่วงที่ไม่เจอกัน ฉินเฟิงไม่ได้อยู่เฉย อีกฝ่ายเข้าร่วมงานประลองเพื่อสันติภาพ ได้รับมิติมากมายเป็นรางวัล ดังนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าปัจจุบันฉินเฟิงคงมิแคล้วแข็งแกร่งกว่าเดิม
ในความเป็นจริงแล้ว ซิงนาร์เป็นองค์กรมืดเพียงคนเดียวที่ไม่สนับสนุนการขอแบ่งผลประโยชน์ในครั้งนี้ เอาจริงๆเขาไม่อยากมาด้วยซ้ำ แต่ถูกคนอื่นๆบังคับมา
“ตอนนี้พวกเราเริ่มกันได้แล้วมั้ง” ฉินเฟิงเอ่ยปาก
คนฝั่งพันธมิตรองค์กรมืดขมวดคิ้วทันที เวลานี้ หากนับฉินเฟิงกับไป๋หลีด้วย จะเท่ากับว่าฝั่งพันธมิตรมนุษย์มีอยู่ถึง 14 คน ในขณะที่ฝั่งตนมีแค่ 7 เท่านั้น แบบนี้เสียงมันก็จะออกมาในรูปแบบ 2 : 1 น่ะสิ
ถึงแม้พวกเขาจะรู้ดี ว่าในใจของพันธมิตรมนุษย์ไม่ได้สามัคคีกัน แต่หากเป็นแบบนี้ พวกเขายังไม่วางใจ
“รอก่อน ทางฝ่ายเรายังเหลืออีกคนหนึ่ง”
“ทุกคนที่ฉันติดต่อได้มากันพร้อมหน้าแล้ว พวกเราอย่าเสียเวลากันอีกเลย” หลงกงยิ้ม
“นี่ยังไม่ถึงเวลา 12.00 น. ซะหน่อย ยังเหลืออีก 10 นาที!” ฝ่ายองค์กรมืดโต้ตอบ
ฉินเฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อย กล่าวว่า “คุณกำลังรอใครอยู่? ไม่ใช่ว่าทุกคนมารวมกันที่นี่แล้วหรอกหรือ?”
หลงกงอธิบาย “คงเป็นอันโดร คุณน่าจะไม่เคยเจอเขามาก่อน”
ได้ยินชื่อนี้ ฉินเฟิงยิ้มทันที “งั้นก็ไม่ต้องรอ เพราะเขาคงไม่มาหรอก”
คนอื่นๆหันมามองฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าฉินเฟิงหมายความว่ายังไง
ฉินเฟิงกวาดสายตามองรอบๆ กล่าวเฉียบขาดว่า “เพราะผมฆ่าเขาไปแล้ว!”
“ว่าไงนะ!?”
“นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร!”
“คุณ- ฉินเฟิง ทำแบบนี้ ไม่กลัวว่าพวกเราจะกระจ่ายข่าวออกไปหรือ?”
ฝั่งพันธมิตรองค์กรมืดบางคนเริ่มหวาดกลัว บางคนเริ่มตื่นตระหนก ขณะเดียวกันในบรรดาฝั่งพันธมิตรมนุษย์ บางคนที่มีใจทะเยอทะยานอย่างหลงกงเคยกล่าว เวลานี้แผ่นหลังพวกเขาหลั่งไปด้วยเหงื่อเย็น ไม่คาดคิดเลยว่าฉินเฟิงจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้
แค่เพราะมาประชุมในครั้งนี้ ฉินเฟิงถึงกับต้องฆ่าอันโดรเลยเชียวหรือ?
เพียงแต่ว่า ยังมีคนหนึ่งในห้องประชุมที่มีท่าทีแปลกไปกว่าใครเพื่อน ซิงนาร์คิดไปอีกทิศทางหนึ่ง เขาย้อนนึกไปถึงตอนตนเองเข้าไปยังมิติอักษรรูน และพบว่ามีร่องรอยของรูนสายฟ้าอยู่หน้าทางเข้ารอยแยกมิติ
เมื่อย้อนนึกถึงฉากนั้น หัวใจของซิงนาร์เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
“คุณฆ่าเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ฉินเฟิงมองไปทางซิงนาร์ ทั้งสองถือเป็นคนคุ้นเคยกันดี
จนถึงตอนนี้ ฉินเฟิงจึงไม่คิดปิดบังอะไรอีก สารภาพออกมาตามตรงว่า “ก็ตั้งแต่ตอนที่มิติอักษรรูนเพิ่งเปิดออก”
หลายคนที่เดิมกระวนกระวาย ในเวลานี้หัวใจของพวกเขากลายเป็นเย็นเยียบ ตลอดทั้งห้องประชุมจมลงสู่ความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจ บรรยากาศกลายเป็นหนักอึ้ง
เพราะนั่นมันตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว เทียบกับเวลาปัจจุบัน มันผ่านมานานกว่าครึ่งปีแล้ว ใครจะรู้ว่าตอนนี้ฉินเฟิงแข็งแกร่งกว่าเดิมเท่าไหร่
ประเด็นก็คือ เขาสามารถสังหารเลเวล SS ได้อย่างเงียบเชียบโดยไม่มีใครรู้
นั่นหมายความว่า วันนี้ หากฉินเฟิงปรารถนาจะเชือดพวกเขาทิ้ง คงไม่มีใครสามารถออกไปจากห้องนี้ได้
ช่วงเวลานี้ หลายคนเริ่มเกิดความรู้สึกเสียใจที่เข้าร่วมประชุม
“ดูเหมือนทุกท่านจะไม่มีใครสงสัยอะไรแล้วสินะ แต่ความจริงนั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมมาเยือนในครั้งนี้ เรามาเข้าประเด็นหลักกันเถอะ ได้ยินมาว่า … มีใครบางคนต้องการรายงานข่าวเรื่องของผม!”
ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจาง มองไปยังสมาชิกฝั่งพันธมิตรองค์กรมืด