ตอนที่แล้วEp.1037 - (ยกเครื่อง) แกนมิติหายสาบสูญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1039 - (ยกเครื่องใหม่) การประชุมของบลูสตาร์

Ep.1038 - (ยกเครื่องใหม่) จ้าวเหนือหัวผู้เป็นอมตะ


Ep.1038 - (ยกเครื่องใหม่) จ้าวเหนือหัวผู้เป็นอมตะ

แซดเงียบไป ไม่ยอมอธิบายในทันที สักพักกล่าวว่า “อ้อ อันที่จริงแล้วฉันคงไม่ต้องอธิบายอะไรหรอกมั้ง เพราะนายเองก็คอยสังเกตการณ์ฉันตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นนายน่าจะรู้ดี ว่าฉันฝึกฝนไม่ได้ ไม่สามารถเลื่อนระดับไปมากกว่านี้!”

แซดรู้ว่าฉินเฟิงส่งคนจำนวนมากเข้ามาสอดแนม แต่เขาไม่สนใจ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ต่อไป เดี๋ยวฉินเฟิงก็จะรู้อยู่ดี

ถึงกระนั้นเขาก็ยังกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แต่นายไม่มีทางฆ่าฉันได้ เพราะฉันมีลักษณะทางชีวภาพแบบเดียวกับจ้าวเหนือหัว เป็นอมตะไม่สามารถทำลายได้ มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์!”

ระหว่างกล่าว แซดยื่นแขนข้างหนึ่งออกมา เดิมทีนี่สมควรมีสภาวะเป็นเลือดเนื้อ แต่แล้ว ข้อมือของแซดก็เริ่มกลายเป็นสีดำสนิท มันบิดเป็นเกลียว แปรเปลี่ยนเป็นร่างพลังงาน ฝ่ามือหลุดออกจากข้อมือ ทว่าส่วนที่แยกออกกลับเผยให้เห็นถึงเส้นใยบางๆขยุกขยิกไปมา

“งั้นเจ้านี่ก็คือร่างของจ้าวเหนือหัวที่คุณเคยพูดถึงสินะ?” ในใจของฉินเฟิงสั่นไหว คล้ายเกิดคลื่นลมแรงสาดเข้ากระทบ

“ก็ใช่น่ะสิ นายคิดว่ายาที่ฉันกำลังค้นคว้า เป็นแค่ยาที่มีไว้เพื่อให้ทุกคนสามารถปลุกพลังได้เฉยๆรึไง? ฮ่าฮ่าฮ่า! นั่นมันบ้าอะไรกัน? จุดประสงค์ของฉันคือการสร้างจ้าวเหนือหัวต่างหาก แต่น่าเสียดาย ที่ตัวฉันมันเป็นแค่ผลงานแบบ ‘กึ่งสำเร็จ’ เท่านั้น”

แซดไม่ลังเลเลยที่จะพูดถึงจุดอ่อนของตัวเอง เขาน่ะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่พวกเน้นใช้แรงอยู่แล้ว ดังนั้นไม่รู้สึกอึดอัดใจ

“นายคงไม่เคยเห็นจ้าวเหนือหัวมาก่อน เลยอาจจะไม่ค่อยเข้าใจนัก อาจารย์กับฉันน่ะโชคดีมาก พวกเราเคยได้รับเกียรติรับชมจ้าวเหนือหัวลงมือโจมตี ลักษณะทางชีวภาพของเขาแตกต่างไปจากมนุษย์อย่างพวกเราอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าได้วิวัฒนาการไปแล้ว พวกเขาไม่กลัวตาย ต่อให้เลือดเนื้อละลายแหลกเหลวก็สามารถฟื้นฟูได้” แซดกล่าวด้วยความตื่นเต้น

“โดยใช้สิ่งที่พูดมาเป็นพื้นฐาน ฉันกับอาจารย์ได้ร่วมกันทำการวิจัย แต่น่าเสียดายที่ลักษณะทางชีวภาพของฉัน แม้สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นจ้าวเหนือหัวได้ แต่มันไม่สามารถพัฒนาได้ นั่นเองคือเหตุผลที่ฉันเฝ้าเสาะหาผู้ที่เหมาะสมมาโดยตลอด และฉินเฟิง นายน่ะคือคนที่ว่า ความสามารถในการกลืนกินของนายแข็งแกร่งมาก ดังนั้นจิตวิญญาณนักรบที่ถูกปลุกขึ้น มันต้องพิเศษมากๆอย่างแน่นอน ถ้าได้รับการฉีดตัวยา ในอนาคต นายจะได้ขึ้นเป็นจ้าวเหนือหัวอย่างไม่ต้องสงสัย!”

ฉินเฟิงปฏิเสธอีกครั้ง “ต่อให้ไม่ต้องพึ่งยาปลุกพลัง ผมก็ยังสามารถเข้าถึงความแข็งแกร่งในระดับจ้าวเหนือหัวได้อยู่ดี”

“ไม่ นายไม่เข้าใจ นั่นน่ะคือการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพ ว่ากันว่าในบางครั้ง เมื่อมนุษย์ปีนป่ายไปถึงเลเวล SSS9 จ้าวเหนือหัวจะพาเขาคนนั้นไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อประกอบพิธีเปลี่ยนร่างเป็นจ้าวเหนือหัว ซึ่งหากปราศจากพิธีกรรมเปลี่ยร่างที่ว่า มนุษย์จะไม่มีทางวิวัฒนาการได้สำเร็จ! อันที่จริงสิ่งมีชีวิตอื่นก็เช่นกัน ไม่ว่าใครก็ไม่มีข้อยกเว้น!”

แซดกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้ฉินเฟิงฉุกคิดได้ทันทีถึงตอนที่นางพญาดาราเกราะเหล็กระเบิด

สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเช่นนั้น ทำไมถึงตายได้อย่างง่ายดาย? หากกล่าวว่าเซลล์เกิดการขยายตัวและแตกออกเป็นกระบวนการแห่งวิวัฒนาการ  เห็นได้ชัดว่านางพญาดาราเกราะเหล็กไม่สามารถผ่านมันไปได้

ทว่าสถานที่ใดกัน ที่สามารถช่วยให้เลเวล SSS9 ก้าวสู่ขอบเขตจ้าวเหนือหัว?

หากมนุษย์ไม่สามารถวิวัฒนาการตัวเองได้ เช่นนั้นสถานที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในกำมือของอันผิงและจ้าวเหนือหัวคนอื่นๆอย่างแน่นอน ซึ่งฉินเฟิงไม่มีทางรู้ได้

ประเด็นก็คือ ตอนนี้ฉินเฟิงดันไปล่วงเกินจ้าวเหนือหัวอันผิงเข้าให้แล้ว น่ากลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้น นี่จะกลายเป็นอุปสรรคก้อนใหญ่ที่สุดของฉินเฟิง

“ก็เพราะแบบนั้นไง ฉันเลยเลือกทำการทดลองกับตัวเอง เพื่อได้รับร่างกายของจ้าวเหนือหัวมา เรียกได้ว่าฉันประสบความสำเร็จได้ครึ่งหนึ่งแล้ว และนาย … คืออีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ!”

ฉินเฟิงเย้ยหยัน “อย่าพูดให้ขนลุกจะดีกว่า อีกครึ่งหนึ่งของผมคือไป๋หลี!”

แซดสำลักคำพูดของฉินเฟิง กล่าวแก้ตัวทันที “เพ้ย! ฉันหมายถึงการทดลอง การทดลอง!”

“งั้นคุณก็ค่อยๆทดลองกับตัวเองไปเถอะ แทนที่จะฝากความหวังไว้กับผม ในมุมมองของผม งานทดลองของคุณกำลังเป็นไปได้ดี บางทีผลัพธ์มันอาจค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ คุณเองก็สามารถกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถกลืนกินพลังงานได้ ถึงเวลานั้น ขอบเขตที่เรียกว่าจ้าวเหนือหัว ผมเชื่อว่าอีกไม่นานคุณก็จะไปถึง!”

ฉินเฟิงเคาะถังแก้วส่งสัญญาณเป็นเชิงบอกลา เขาได้รับคำตอบของข้อสงสัยแล้ว กระทั่งสามารถวางแผนการฝึกฝนในอนาคต และมีเป้าหมายใหม่ที่ชัดเจน

เขารู้สึกว่ายิ่งได้รู้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอุปสรรคอยู่ตรงหน้ามากขึ้นเท่านั้น

แต่ก็แล้วมันยังไง? ถ้ามีพระเจ้ามาขวางหน้าก็แค่สังหารพระเจ้า ถ้ามีพระพุทธเจ้ามาขวาง ก็สังหารพระพุทธเจ้า ก็แค่นั้น

จากเบื้องหลัง แซดมองตามแผ่นหลังของฉินเฟิง บังเกิดความท้อแท้ในใจเล็กน้อย เพราะเขาตระหนักได้ ว่าความแข็งแกร่งของฉินเฟิงเพิ่มขึ้นอีกแล้ว กลิ่นอายของชีวิตก็รุนแรงขึ้น บางทีด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิง อีกฝ่ายอาจสามารถทะลุกำแพงอุปสรรคที่ว่าไปได้จริงๆ สุดท้ายสามารถวิวัฒนาการเป็นจ้าวเหนือหัวได้

แต่แบบนั้น สำหรับการทดลองของแซดแล้ว มันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดี ตอนนี้แซดทำได้แค่ศึกษากับตัวเองเท่านั้น

เพียงแต่ว่า สภาวะร่างพลังงานอย่างจ้าวเหนือหัว เดิมมันมาจากการแตกสลายของร่างกาย ลักษณะทางชีวภาพแปรเปลี่ยนไป ดังนั้นแซดปรารถนาให้ตัวเองสามารถครอบครองพลังในการดูดกลืน ถ้าได้แบบนั้น การยกระดับของเขา มันจะง่ายดายมากถึงขนาดไหน?

“น่าเสียดาย!” แซดถอนหายใจ

หลังจากได้คุยกับแซด ฉินฟเิงรู้สึกว่าความกังวลในใจสงบลงมาก แม้เขาจะรู้ว่าเบื้องหน้ามีจ้าวเหนือหัวอันผิงคอยขวางทาง แต่ก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป

เพราะเวลาหลังจากนี้ ฉินเฟิงจะเริ่มฝึกฝนอย่างจริงจัง

เพื่อให้รอดชีวิตจากการระเบิดของนางพญาดาราเกราะเหล็กในครั้งนี้ ฉินเฟิงได้รับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง

แต่ความสูญเสียที่ว่า เมื่อเทียบกับกำไรของฉินเฟิงในครั้งนี้ มันไม่คุ้มค่าให้กล่าวถึง!

แก่นพลังงานขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 80 เมตรของนางพญาดาราเกราะเหล็ก และแกนมิติขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 300 เมตร เริ่มถูกฉินเฟิงดูดซับพลังงานทีละน้อย

พริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปสองเดือน

ปริมาตรของแก่นพลังทั้งสอง เหลือพลังงานบริสุทธิ์เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น แต่เมื่อพวกมันถูกแบ่งปัน กระจายไปในตันเถียน ก็ช่วยให้ดารากำลังภายในของฉินเฟิงขยายใหญ่จนอยู่ในขนาดที่น่าหวาดกลัว

เส้นผ่านศูนย์กลางของดารากำลังภายในเขา ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 100 เมตร!

ดวงดารามหึมาทั้งเก้า กำลังหมุนวนอยู่ในตันเถียนของฉินเฟิง

“ถ้าฉันไม่เคยเห็นจ้าวเหนือหัวลงมือ ถ้าฉันไม่รู้สภาวะอันแสนพิเศษของจ้าวเหนือหัวจากแซด น่ากลัวว่าตอนนี้ฉันคงพาลคิดไปว่าตนเองสามารถต่อกรกับจ้าวเหนือหัวได้แล้ว!”

ฉินเฟิงเคยเห็นมิติระดับต่ำมาก่อน แกนกลางของดาวเคราะห์มีเส้นผ่านศูนย์กลางแค่ 10 เมตรเท่านั้น ขณะที่มิติระดับสูงอย่างทวีปบาฮามุทหรือมิติของพระเจ้า ก็เคยผ่านตาแล้วเช่นกัน

ภายหลังการตายของจ้าวเหนือหัว จักรวาลในร่างกายจะขยายตัวออกเป็นมิติ และดาวเคราะห์ที่อยู่ข้างใน ย่อมเป็นแก่นแท้ของมิติ --แก่นพลังงานขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 เมตรหรือแก่นพลังงาน คือสิ่งที่มนุษย์โดยทั่วไปเชื่อกันว่า มันคือเส้นแบ่งสู่ขอบเขตของจ้าวเหนือหัว

อย่างน้อยที่สุด เป็นที่ทราบกันดี ว่าผู้ใช้พลังเลเวล SSS9 หากในจักรวาลของพวกเขาไม่มีดาวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 90 เมตรขึ้นไป ย่อมไม่สามารถเลื่อนสู่ขั้นต่อไปได้

แต่ฉินเฟิงสามารถครอบครองดวงดาราที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 เมตรได้แล้ว!

“ที่เหลือก็แค่ความต่างกันของลักษณะทางชีวภาพ … และมันก็เป็นความจริงที่ว่า หากมนุษย์ยังคงไว้ซึ่งกายเนื้อ ยังไงก็ยังถือว่าเปราะบางเกินไป!”

ฉินเฟิงระงับความคิดที่ท่วมทับในใจเขา ไอ้การคิดล่วงหน้าแล้วตื่นตระหนกบางครั้งก็ถือเป็นนิสัยเสีย

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีกำไรก็ต้องมีขาดทุน กำลังภายในของฉินเฟิงปัจจุบันเหนือกว่าผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล SSS9 แล้ว ชนิดที่ว่าดาราแค่ดวงเดียวก็ยังแซงหน้า แต่พลังแห่งความมืดของฉินเฟิง ความแข็งแกร่งของมันดันลดลง

‘สำหรับฉัน ตอนนี้ถ้าคิดสังหารเลเวล SSS เป็นแค่เรื่องง่ายๆ ดังนั้น คงถึงเวลาแล้วที่จะแวะเวียนไปยังมิติบาฮามุทอีกครั้ง!’ ฉินเฟิงคิดในใจ และเมื่อคาดเดาถึงกำไรที่จะได้รับ หัวใจเขาก็อดเต้นแรงไม่ได้

ในเมื่อฝั่งพันธมิตรมนุษย์เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระ งั้นก็เลือกเดินทางฝั่งพันธมิตรองค์กรมืดแล้วกัน!

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังไม่ทันลงมือ อุปกรณ์สื่อสารของเขาก็ส่งข้อความใหม่มา

ผู้ส่งคือตัวตนทรงอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลง หลงกง

“จอมพลฉิน ความแข็งแกร่งองคุณในตอนนี้ข การสังหารเลเวล SS สักสองสามคนคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นหรอกกระมัง?” หลงกงกล่าว

ฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เปิดประเด็นมาเช่นนี้ เป็นไปได้ไหมว่าหลงกงกำลังพบเจอศัตรู แล้วต้องการให้เขาร่วมสู้?

“ท่านผู้ใหญ่หลงไม่ทราบมีอะไรให้ผมรับใช้?”

ฉินเฟิงไม่ตอบตรงๆ แต่อย่างน้อยก็สื่อความหมายไปกลายๆแล้ว ว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ก็เป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกมาจริงๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด