chapter 65(อ่านฟรีทุกตอนที่ลงท้ายด้วย 5-6)
ซอดที่ได้รับพลังแม่เหล็กมา อย่างแรกที่เขาทำคือการเปลี่ยนแปลงDNAของเขา เขาจัดการกับข้อจำกัดของนักวิจัยวิทยาศาสตร์และแก้ไข้พิมพ์เขียวจากรหัสชีวิตของเขาเพื่อให้ DNA ใช้งานได้กับทุกสายอาชีพ.
DNA ของทหารทำให้เซลล์ซอดตื่นตัวมากขึ้นกว่าเดิมและการดูดซับแสงแดดก็จะเร็วขึ้น.
มันสามารถจัดการกับเซลล์และเปลี่ยนแปลงDNA ทำให้ซอดตระหนักว่าเขาทำได้มากกว่าที่เขาคิด.
ยีนกลายพันธุ์(มิวแทน)ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทหารสัตว์และแม้แต่จ้าวอสูก็สามารถใช้ได้กับพวกมัน.
สิ่งที่ซอดขาดคือเทคโนโลยีการปรับแต่ง Adventist แต่ด้วยแรงแม่เหล็กไฟฟ้าที่ควบคุมเซลล์และดัดแปลงDNA แม้แต่ Adventist ก็ไม่อาจสู้ได้.
"เทพอสูร..."
ซอดกำลังคิดถึงมัน เทพอสูรจะเป็นไปตามที่เขาคิดและทุกคนควรจะมีพลังเฉพาะตัวที่ทรงพลัง เช่นเดียวกับการควบคุมแรงโน้มถ่วงของ Greg Willis(เกรค วิลลิส).
เขาไม่รู้ว่า Adventer ทำอย่างไร แต่ยีนมิวแทนคนนี้เพิ่งจะผ่านมาตรฐานนี้ไป.
"แบล็คควีน ตอนนี้รวบรวมยีนส์มิวแทนได้กี่ยีนแล้ว?"
ซอดไม่เคยที่จะหยุดการตรวจสุขภาพและยังพัฒนาไปยังประเทศอื่นๆ ดังนั้นจำนวนยีนส์มิวแทนที่รวบรวมได้จึงควรมีมากกว่าเดิม.
ท้ายที่สุดแล้ว ในจักรวาลหนึ่ง จำนวนมิวแทนเกิน 200 ล้านคน โดยเฉลี่ยนแล้ว มีมิวแทน 1 : 30 คน นี่เป็นจำนวนที่น่ากลัวมาก แม้ว่าจะไม่มีมากในจักรวาลนี้ แต่จำนวนนั้นจะไม่มีความหมาย ถ้าเขายังได้ยีนน้อยน้อยมันก็จะไม่มีคำว่าพอ.
"เก็บยีนมิวแทนได้มากกว่า 10,000 ยีนที่ไม่เหมือนกัน."
แบล็คควีนตอบ.
"ดีมาก ทดลอง."
ซอดตัดสินใจใช้แรงแม่เหล็กไฟฟ้าและแรงโน้มถ่วงในครั้งนี้เพื่อดูว่าเขาจะได้สิ่งที่เขาต้องการหรือไม่.
น่าเสียดาย ซอดใช้พลังกับยีนมิวแทนแล้วแต่ก็ไม่ได้อะไร หากเขาสามารถดัดแปลงยีนมิวแทนขยะๆได้ เขาจะได้รับอันที่ดีๆ.
จากนั้น หลังจากการทดลอง ซอดก็ประสบความสำเร็จในการสร้างแม้ว่ามันจะมีน้อยๆมากๆ.
ยีนมิวแทนดั้งเดิมนี้เป็นพลังเกี่ยวกับตา มันราวกับเปลี่ยนดวงตาให้เป็นไฟฉายและสามารถส่องแสงออกมาจากทางดวงตาได้ หลังจากดัดแปลงยีนมิวแทนด้วยพลังแม่เหล็กไฟฟ้า มันจะกลายเป็นตาเลเซอร์.
ในเวลาเดียวกันก็มียีนมิวแทนที่ปรากฏในโครงเรื่องหลัก คนที่มียีนนี้เคยมีเหตุการณ์แขนถูกตัดโดยวูฟเวอร์ลีน แต่มันก็สามารถงอกขึ้นมาได้ แต่ยีนมิวแทนนั้นสามารถงอกได้แค่แขนเท่านั้น หลังจากที่ถูกซอดแก้ไขแล้ว มันก็กลายเป็นระเดียวกับของวูฟเวอร์ลีน นอกจากนี้มันไม่ได้มีความสามารถที่ดีเยี่ยมอย่างความเป็นอมตะ ปัจจัยของฮีลลิ่งแฟ็กเตอร์นั้นสามารถรักษาบาดแผลปกติได้ แม้จะถูกตัดหัวหรือทะลวงหัวใจ เขาก็ยังไม่ตาย แต่หากถูกเผาเขาจะตายอย่างสมบูรณ์.
ซอดคิดว่าเหตุที่วูฟเวอร์ลีนและเซเบอร์ทูซไม่มีวันตาย อาจเป็นเพราะยังไม่มีใครเคยเผาพวกเขา.
จากนั้นซอดก็มอบความสามารถของโคโลซัดกับเขา(คนทดลอง) เมื่อยีนมิวแทนของโคโลซัดไม่เข้ากับเขา พลังแรงแม่เหล็กไฟฟ้าช่วยให้เขาหลอมรวมเข้ากับยีนโคโลซัดได้อย่างสมบูรณ์.
อย่างไรก็ตาม ยีนมิวแทนที่แตกต่างกันสามแบบนั้นได้ถึงขีดจำกัดของร่างทดลองนี้ ถ้ารวมกันต่อยีนของเขาจะพังทลาย ตอนนี้ซอดยังไม่เข้าใจพลังแม่เหล็กไฟฟ้ามากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น.
ซอดใช้พลังจิตล้างความทรงจำของร่างทดลอง ซอดได้ฝังความทรงจำที่ถักทออย่างพิถีพิถีน แท้จริงแล้ว มันไม่ได้ปราณีตมาก มันแค่เป็นตราประทับความทรงจำ ที่ทำให้เขาภักดีอยู่เสมอ และยังจัดการคลื่นความคิดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต.
ร่างอมตะ+ร่างเหล็ก+ตาเลเซอร์ หลังจากที่มิวแทนคนนี้ตื่นขึ้น ซอดก็ได้มอบชื่อให้กับเขา.
แบล็คไนท์.
สมาชิกของเดธวิงค์จะได้รับการตั้งชื่อตามตัวหมากรุก:คิง(ขุน),ควีน,บิชอป(โคน),ชาลอต(เรือ),ไนท์(ม้า).
สตีลแมนและไอรอนแมนได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมกับWorld Snake เพราะมีแบล็คไนท์ เขาเลยไม่จำเป็นต้องมีสตีลแมนและไอรอนแมน แต่ทั้งสองยังเป็นเจ้าหน้าที่ของWorld Snake.
"เสียดายไม่มีความสามารถบิน ไม่งั้นมันจะเกือบเป็นแบล็คชาลอต."
ซอดพูดกับแบล็คไนท์ แบล็คไนท์ไม่พูดอะไร.
ซอดไม่สนใจเช่นกัน แบล็คไนท์จะมีเจตจำนงของตัวเองในไม่ช้า ตอนนี้เขาไร้เดียงสาอย่างกับเด็กทารก เขาต้องจัดให้แบล็คควีนเพื่อให้เขาเข้าถึงข้อมูลและปลูกฝังความเชื่อทั้งสาม.
แต่เบลดมาที่ประตู เขาไม่ได้มาเพื่อทำการค้า(บริจาคเลือด) ชาด นอร์มาถูกหัวหน้ากลุ่มรีเปอร์ฆ่าตายแล้ว และเขาไม่อาจช่วยมาร์ธาได้ มันทำให้เบลดท้อแท้เมื่อพบอย่างหนึ่ง การผสมผสานที่แปลกประหลาดภายใต้คำแนะนำของพวกเขารู้วิธีจัดการแวมไพร์ทั้งหมดในโลกและสิ่งนี้ต้องการกำจัดแด็กคิวล่าที่แวมไพร์ดึงขึ้นมา!
และเบลดได้ต่อสู้กับแดร็กคิวล่าแล้ว และพบว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย เขาจึงมาหาซอดเพื่อมาขอความช่วยเหลือ.
อย่างแรก เบลดเทคโนโลยีอินดัสทรีย์มีอาวุธขั้นสูงที่หลากหลาย อย่างที่สองซอดฮีทเองก็เป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายที่คุกคามมวลมนุษยชาติทั้งมวล เบลดไม่อาจทำได้ ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่.
"แดร็กคิวล่า บรรพบุรุษของแวมไพร์?"
ซอดกำลังคิดเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของเบลด หลังจากที่ดูวิดีโออีกครั้งก็พบว่าแดร็กคิวล่าตายที่คฤหาสน์ไปแล้วในฉบับการ์ตูน แต่นี่คือเวอร์ชั่นของหนัง.
"มันอยู่นี่ แม้นายจะไม่มีไวรัสมอนิ่งสตาร์ นายก็จะเอาไวรัสมอนิ่งสตาร์จากด็อกเตอร์มาให้ฉัน นี่คืออาวุธล่าสุดของฉันที่จะให้นายต่อสู้กับแวมไพร์ได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นบรรพบุรุษของแวมไพร์หรือไม่ เขาจะตายตั้งแต่นัดแรกที่ยิง ฉันสัญญา."
ซอดหยิบอาวุที่มีไวรัสเอ็กตรีมมิสออกมา เขาสนใจไวรัสมอร์นิ่งสตาร์มาก.
"นี่คือ?"
เบลดมองดูของเหลวในกระสุน เขารู้สึกไม่เชื่ออยู่บ้าง มันเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์?
"ระวัง สิ่งนี้จะตอบสนองต่อแวมไพร์ และแม้แต่นายก็จะตายถ้านายไม่ระวัง สำหรับแวมไพร์แล้วนี่คือพิษที่ร้ายแรง."
ซอดพูด เนื่องจากแดร็กคิวล่าไม่กลัวแดด เขาจึงใช้อาวุธที่มีรังสีอัลตร้าไวโลเลตไม่ได้ มันเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากได้ไวรัสเอ็กตรีมมิส.
เบลดเก็บกระสุนไวรัสเอ็กตรีมมิทหลายร้อยนัดที่ซอดมอบให้ด้วยความสงสัย และกระสุนก็มากเกินพอ.
เมื่อเห็นเบลดไม่ได้ขอกำลังเสริมให้มาอย่าง เดธพูล*....ไม่สิ ฮันนิบาลและเจสสิก้าที่กำลังผิดหวัง แต่เบลดก็บอกว่าแม้เขาจะไม่ขอกำลังเสริม แต่พวกเขาก็ได้รับอาวุธที่ทรงพลัง เขาไม่รู้ว่ามันจะได้ผลไหม.
(ผู้แปลไทย:เดธพลูที่แสดงโดยไรอัน เรย์โนล เลยแสดงในหนังเรื่องเบลด 3 เป็นฮันนิบาลคิง มาก่อนครับ คนเขียนกำลังเล่นมุกเกี่ยวกับนักแสดงในชีวิตจริง)
เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น ทีมของเขาได้เข้าไปในฐานของแวมไพร์ และไม่นานเบลดก็พบกับแดร็กคิวล่า.
"เบลด..."
แดร็กคิวล่ายิ้มเยาะและเมื่อเขากำลังจะแปลงร่าง เขาก็เห็นเบลดดึงปืนออกมาหนึ่งกระบอกและยิงออกมาสามนัด.
แดร็กคิวล่ายิ้มเยาะ เขาเห็นกระสุนตั้งแต่ที่มันออกมาจากปากกระบอกปืน ไม่ว่าจะเป็นกระสุนเงินหรือกระสุนต้านเลือดแข็งบางอย่าง.....
แดร็กคิวล่ารู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ แต่ในสายตาของเบลด เขาได้เห็นรูที่เกิดจากกระสุนทั้งสามกำลังสว่างด้วยแสงสีแดง.