ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 46 สาวสวย เกย์ และอาหารเย็น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 48 ยุคแห่งความโกลาหล

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 47 การแก้แค้นกำลังมาถึง


ตอนที่ 47 การแก้แค้นกำลังมาถึง

ระหว่างทางกลับไปบ้านเช่าเลขที่ 88 ฉินหยู่กำลัง “สื่อสารภาษาหัวใจ” กับหลินเนี่ยนเหล่ย จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล เสี่ยวเหว่ย?”

“เกิดความวุ่นวายขึ้นบนถนนถู่จ้า มีผู้คนหลายร้อยคนทะเลาะกัน ผู้กำกับหลี่สั่งด้วยตัวเองให้เจ้าหน้าที่ที่ออกเวรแล้วทุกคนกลับมาทันที เพื่อจัดการจับกุมและสลายฝูงชนที่ก่อปัญหาโดยเร็วที่สุด” จูเหว่ยพูดอย่างเร่งรีบ

ฉินหยู่ตกตะลึง “ฉันเพิ่งจะบอกไปหยกๆ ว่าตระกูลหยวนจะไม่หยุดง่ายๆ  โอเค นายรอฉันก่อน ฉันจะกลับไปที่ทีมทันที”

“ดี”

หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันสองสามคำพวกเขาก็วางสาย ฉินหยู่หันไปมองหลินเนี่ยนเหล่ยแล้วพูดว่า “เธอต้องกลับไปก่อนแล้วล่ะ มีเรื่องเกิดขึ้นที่ถนนถู่จ้า ฉันต้องรีบไป”

“โอเค คุณไปทำธุระของคุณเถอะค่ะ ฉันเดินกลับเองได้” หลินเนี่ยนเหล่ยพยักหน้าตอบทันที

“เธอก็รีบกลับไปนะ กลางคืนค่อนข้างอันตราย ระวังตัวด้วย” ฉินหยู่บอกด้วยความเป็นห่วง

“โอเค รีบไปเถอะค่ะ”

“ไปแล้ว!” ฉินหยู่ไม่มีเวลาคุยกับหลินเนี่ยนเหล่ยต่อไป เขาพูดเพียงไม่กี่คำก่อนจะหันหลังวิ่งไปทางกองกำกับการตำรวจที่อยู่ไม่ไกลออกไป

……

ในห้องทำงานของกองปราบทีม 1

รักษาการรองกัปตัน พี่สาม เรียกสมาชิกทีม 1 กลุ่มแรก ทั้งหมดมาประชุม แต่ไม่ได้แจ้งสมาชิกทีมกลุ่มที่สามให้มาประชุมด้วย เพราะกลุ่มที่สามคือกลุ่มที่ฉินหยู่เป็นหัวหน้าทีมอยู่

ถัดจากโต๊ะประชุมยาว พี่สามถือถ้วยชาพลางมองทุกคน แล้วพูดเสียงเบาๆ “ตอนนี้บนถนนถู่จ้ามีเสียงรบกวนมากเกินไป พ่อค้ายาเหล่านี้จะบ้าคลั่งเกินเหตุเมื่อพวกเขาทะเลาะกัน และพวกเขาจะไม่สนใจว่าคุณจะเป็นข้าราชการหรืออะไรก็ตาม ดังนั้น เมื่อพวกนายถึงที่เกิดเหตุ ให้ดำเนินการตามสถานการณ์ อย่ารีบเร่งเหมือนไอ้โง่ เข้าใจไหม?”

“แจ่มแจ้งครับ!”

“ทราบแล้วครับ!”

“…”

มือปราบลูกทีมหลายสิบคนฟังคำพูดของพี่สามอย่างสงบอยู่ภายนอก แต่ในใจพวกเขารู้สึกตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง กลุ่มคนที่ก่อปัญหาบนถนนถู่จ้า ทั้งหมดจะต้องเป็นพวกของตระกูลหยวน ดังนั้นพี่สามจึงกำชับให้ทุกคนปล่อยพวกเขาไปหากจำเป็น

หลังจากที่พี่สามให้คำแนะนำเล็กน้อย เขาวางแก้วน้ำแล้วยืนขึ้นเพื่อสั่งครั้งสุดท้าย “ไปรับอุปกรณ์ป้องกันระเบิดแล้วออกเดินทางได้ วิทยุรับส่งตั้งค่าเป็นความถี่เฉพาะของทีมกลุ่มแรกของเรา ฉันจะวิทยุเรียกพวกนายถ้าเกิดอะไรขึ้น” ทุกคนพยักหน้าตามคำสั่งและแยกย้ายจากไปอย่างรวดเร็ว

……

ระหว่างทาง

จริงๆ แล้ว ฉินหยู่รู้ดีว่าคนที่ก่อปัญหาในถนนถู่จ้า จะต้องเป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่นำโดยตระกูลหยวนและตระกูลหม่า ดังนั้นเขาจึงต้องการโทรหาแมวแก่เพื่อปรึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหานี้

“กริ๊งง!”

ก่อนจะโทรออก ก็เสียงกริ่งโทรเข้าดังขึ้นเสียก่อน

“ฮัลโหล?” ฉินหยู่กดปุ่มตอบรับอย่างรวดเร็ว

“หัวหน้าฉิน มีการประชุมภายในทีมกลุ่ม 1 ทุกคนอยู่ด้วย แต่เจ้าสามเป็นคนเดียวที่ไม่ได้แจ้งพวกเรา” จูเหว่ยยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ “ถ้างั้นคดีคืนนี้ เรายังควรตามทีมเดิมอยู่ไหม?”

ฉินหยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “นายขับรถกลุ่ม 3 มาที่บ้านของฉันแล้วมารับฉันก่อน”

“ตกลง” จูเหว่ยพยักหน้า

“นายบอกพี่น้องในทีมของเราว่าอย่าตื่นตระหนก คงจะดีที่สุดถ้าพี่สามไม่เรียกพวกเรา มันจะช่วยให้ฉันไม่ต้องรับผิดชอบกับคดีนี้ในภายหลัง และฉันต้องป้องกันไม่ให้พวกมันสร้างปัญหาให้เราโดยไม่จำเป็นด้วย จำไว้ว่า แม้ว่าหยวนเค่อและคนอื่นต้องการแก้แค้นพวกเรา ฉันก็จะยืนข้างหน้านายก่อนอย่างแน่นอน”

ฉินหยู่รู้แก่ใจว่า ที่จูเหว่ย กวนฉี และพี่น้องในกลุ่ม 3 ยืนเคียงข้างเขาบนถนนถู่จ้าในวันนั้น นอกเหนือจากการเห็นคุณค่าของเขาในฐานะคนๆ หนึ่งแล้ว เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาเข้าใจว่า ผู้สนับสนุนฉินหยู่คือผู้กำกับหลี่นั่นเอง นั่นทำให้พวกเขากล้าขัดคำสั่งหยวนเค่อ และเวลานี้พวกเขาถือได้ว่าเป็นทีมของฉินหยู่อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ตำรวจของทีมกองปราบที่ฉินหยู่เป็นหัวหน้า ด้วยเหตุนี้ฉินหยู่และแมวแก่จึงคิดแบ่งรางวัลให้กับทุกคนทันที หลังจากที่พวกเขาโขกผู้เฒ่าหม่ามาได้ 30,000 หยวน

ในสภาพแวดล้อมทุกวันนี้ ที่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนค่อนข้างตรงไปตรงมา พวกเขาเต็มใจจะช่วยเหลือคุณ แต่คุณต้องแน่ใจว่าพวกเขาได้มีเนื้อกินและซุปให้ดื่มด้วย

“โอเคหัวหน้า ฉันจะไปที่นั่นทันที”

“ฉันอยู่ประมาณครึ่งทางแล้ว ขับรถเร็วๆ แล้วจะเจอฉันอยู่ข้างทาง”

“ตกลง” จูเหว่ยตอบรับและวางสายโทรศัพท์ทันที

ฉินหยู่ มองลงไปที่โทรศัพท์ของเขาแล้วเดินอย่างรวดเร็วบนถนนที่หนาวเย็น เขากำลังจะกดปุ่มโทรออกเพื่อติดต่อกับแมวแก่ จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองเขาจากด้านหลัง

ความรู้สึกนี้เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติและสัญชาตญาณของฉินหยู่ หลังจากอยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนามาหลายปี ดังนั้นเขาจึงหันมองไปด้านหลังทันที

ที่ริมถนน ชายคนหนึ่งสวมหมวกขนสัตว์และเสื้อคลุมขนสัตว์สกปรก กำลังก้มหน้าเดินมาอย่างรวดเร็ว

ฉินหยู่เหลือบมองเขา แล้วหันกลับมาดูโทรศัพท์ต่อ

ข้างหลังเขาเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างรวดเร็วและชัดเจนยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น ฉินหยู่ก็หันกลับมาอีกครั้ง และชายที่สวมหมวกขนสัตว์ก็เงยหน้าขึ้นพลางเอามือขวาเข้าไปในกระเป๋าของเขา

ด้วยระยะห่างของเขาทั้งสองประมาณสิบเมตร ฉินหยู่มองเขาครู่หนึ่ง แล้วเห็นชายอีกสองคนกำลังเดินข้ามถนนมา

ลางสังหรณ์ที่เลวร้ายกระแทกความรู้สึกฉินหยู่อย่างแรง

“ขวับ!”

ทันใดนั้นชายสวมหมวกขนสัตว์ก็ชักปืนออกมา

“ปังปัง!”

โดยสัญชาตญาณ ฉินหยู่รีบวิ่งหลบเข้าไปหน้าร้านค้าที่อยู่ใกล้อย่างรวดเร็ว

ในร้านขายของ มีผู้หญิงหน้าตาธรรมดาสามสี่คนนั่งคุยกันอยู่ที่เคาเตอร์ ในขณะที่พวกเธอกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ ทันใดนั้น พวกเธอก็ได้ยินเสียงดังราวกับระเบิดจากข้างนอก จากนั้นก็เห็นฉินหยู่พุ่งตัวทะลุกระจกหน้าต่างบานใหญ่หน้าร้านเข้ามา กระจกแตกกระจายกระเด็นไปทั่วพื้นในร้าน เขาโดดลงมายืนโซเซอยู่หน้ากลุ่มหญิงสาว

“กรี๊ดด!”

พวกผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูง และบางคนใส่รองเท้าแตะราคาถูก พากันร้องโวยวาย ตกใจแล้ววิ่งหนีขึ้นไปชั้นบน

หลังจากที่ฉินหยู่เข้ามาในร้าน เขาเหลือบมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วเพื่อดูความปลอดภัยแล้วรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสอง

นอกหน้าต่างใหญ่หน้าร้านที่กระจกแตกไป เห็นพวกมือปืนรับจ้างกลุ่มฟ้าคำรามสามคน ยืนอยู่บนถนนพร้อมถืออาวุธปืนและเหนี่ยวไกปืน ยิงเข้าร้านอย่างไม่ยั้งมือ

“ปัง ปัง ปัง ปัง...!”

เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด และกระสุนเจาะเข้าร่างของฉินหยู่ เลือดระเบิดกระเซ็นไปในอากาศ และเขาก็สะดุดบันไดล้มลง

“เข้าไปฆ่ามันซะ” ชายสวมหมวกขนสัตว์สั่งด้วยใบหน้าดุร้าย

ชายฉกรรจ์ชาวรัสเซียผิวขาวสองคนถีบประตูร้านเปิดออก แล้วรีบเข้าไปพร้อมปืนในมือ

ฉินหยู่วิ่งโซเซเข้ามาในทางเดินบนชั้นสอง เขาเหลือบมองไปสุดปลายทางเดินทั้งสองด้าน แล้วเห็นว่าทางเดินทั้งเส้นปิดทึบ ไม่มีหน้าต่าง ดังนั้นเขาจึงถีบประตูห้องห้องหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง จนประตูเปิดออกในที่สุด

ฉินหยู่พรวดพราดเข้ามาในห้อง กวาดสายตาดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ รีบเข้าไปที่ตู้เสื้อผ้าที่ชำรุดทรุดโทรม และใช้มือขวาดึงมันให้ล้มลงด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามี

“โครม!”

ตู้ล้มลงด้านข้างกับพื้น ฉินหยู่กัดฟันใช้ไหล่ของเขาผลักมันไปที่ประตูด้วยเพื่อกั้นประตูไว้

ฉินหยู่กดร่างกายของเขากับตู้ หายใจแรงๆ อยู่สักพัก แล้วใช้มือคลำตรวจตามร่างกายตนเองไปทั่วแล้วพบว่าเขาถูกยิงที่สะโพกขวา และตอนนี้ ร่างกายส่วนล่างของเขาเริ่มรู้สึกชาแล้ว

ฉินหยู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขของจูเหว่ยทันที โดยไม่ทันคิดอะไร

“ฮัลโหล?”

“เร็วเข้า แม่ง ข้าจะตายอยู่แล้ว!” แม้ว่าเสียงของฉินหยู่จะเร่งด่วน แต่สมองของเขาก็สงบและยังมีสติแม่นยำดีอยู่ “ฉันอยู่ระหว่างถนนดอกฝิ่น ในร้านขายเนื้อที่ไม่มีป้ายชื่อ หน้าต่างด้านนอกแตก ที่ถนนมีคนร้ายสามคน...รีบมา!”

ที่ทางเดินชั้นสอง พวกแก๊งฟ้าคำรามสามคนรีบวิ่งเข้ามาพร้อมปืน

……

ที่ถนนดินด่าง

เพราะการยั่วยุของชายชาวเบลารุสนั้นเอง ทำให้การต่อสู้ธรรมดาระหว่างพวกอันธพาลหลายร้อยคน ขยายกลายเป็นความขัดแย้งของคนหลายร้อยคนแทน

คนของตระกูลหม่าไม่เกรงกลัวอะไรเลย แม้ผู้เฒ่าหม่าจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่สมุนระดับกลางและต่ำซึ่งไม่มีงานทำเลยในช่วงนี้ ก็ได้เข้าร่วมต่อสู้เพื่อปกป้องพวกพ้อง บนข้ออ้างเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์

คนจนชานเมืองจำนวนมากก็ใช้ข้ออ้างยากินแพงและขาดแคลน หยิบอาวุธสังหาร และอาวุธปืนเก่าๆ ออกมาเปิดฉากยิงอย่างเปิดเผยบนถนนดินด่าง อย่างไม่แยแสต่อกฎหมายบ้านเมือง

…………………………………………………………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด