Ep.1029 - มิติวงแหวนดาวตกที่ล่มสลาย
Ep.1029 - มิติวงแหวนดาวตกที่ล่มสลาย
“จริงอยู่ว่ามีภารกิจส่งมาหาพวกเรา โดยปกติแล้วผู้ใช้พลังที่เข้าร่วมกับพันธมิตรมนุษย์ ภายในหนึ่งปีจะมีภารกิจเรียกตัวไปต่อสู้ แต่สถานที่อย่างมิติวงแหวนดาวตก … ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย”
แม้ยังไม่ทราบข้อมูล แต่แค่ฟังฉินเฟิงเล่า กระทั่งหลงถิงยังเกิดความรู้สึกสงสัย ว่านี่อาจเป็นกับดัก
“ฉินเฟิง คุณรอก่อน เดี๋ยวฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้”
ความแข็งแกร่งของหลงถิงในมิติโลกมนุษย์นับว่าไม่เลว แต่ท่ามกลางมิติพันธมิตรมนุษย์ เธอเป็นแค่ตัวตนอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ตระกูลหลงเข้าร่วมกับพันธมิตรมนุษย์เป็นระยะเวลากว่า 200 ปีมาแล้ว ดังนั้นพอมีเครือข่ายหรือช่องทางการหาข้อมูลแบบส่วนตัวอยู่บ้าง
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวัน หลงถิงก็นำข่าวกลับมา
“ฉินเฟิง ฉันเพิ่งได้รับข้อความ ที่นั่นคือสมรภูมิแห่งใหม่ คนที่ถูกเกณฑ์ไปไม่ใช่คุณคนเดียว แต่ยังมีผู้ใช้พลังจำนวนมาก บางทีมันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้”
มิติวงแหวนดาวตก คำว่าดาวตก ในที่นี้น่าจะหมายถึงอุกกาบาต คาดว่ามิติแห่งนี้น่าจะเต็มไปด้วยพลังงานจักรวาลอันรุนแรง มีเศษอุกกาบาตร่วงตกลงมาเป็นจำนวนมาก และพวกมันประกอบไปด้วยแร่หายากมากมาย นับเป็นมิติที่มีทรัพยากรชั้นยอด
ส่วนเรื่องที่ว่ามิติแห่งนี้แท้จริงแล้วอยู่ในกำมือใคร ไม่อาจตรวจสอบได้ แต่ตอนนี้ ที่มิติดังกล่าวเปิดเป็นสาธารณะให้ผู้คนเข้ามา นั่นเพราะถูกรุกรานจากพวกแมลงมิติ
ดังนั้นผู้ที่ถูกเกณฑ์ตัวไป ไม่ได้มีแค่ฉินเฟิงแน่นอน
หากเป็นคนอื่น อาจคิดว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่ฉินเฟิงไม่ใช่คนที่ชอบปลอบใจตัวเอง ความรู้สึกของเขา มันบอกว่าการเรียกตัวครั้งนี้เป็นแผนสมคบคิด
ยังไงก็ตาม ความรู้สึกก็ในส่วนความรู้สึก ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องยกเรื่องนี้มาสนทนากับหลงถิง
หลังจากวางสายหลงถิง ฉินเฟิงก็เปลี่ยนแผนก่อนหน้านี้ของเขา
“ไป๋หลี ถ้าเธอไปยังมิติเหล่านี้ แล้วกลืนกินแกนกลางของพวกมัน กลืนกินไปเรื่อยๆจนตัวเองตัดผ่านขึ้นเป็นเลเวล SS มันจะใช้เวลาเท่าไหร่?”
แกนมิติไม่ใช่แก่นอบิลิตี้ แม้ว่าทุกคนจะโหยหา ปรารถนาในมัน แต่มิใช่ทุกคนที่สามารถครอบครอง นั่นเพราะ ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถบุกเข้าถึงโซนพื้นที่แกนกลางมิติได้ หรือต่อให้ไปได้ การดูดซับพลังงานจากมัน ก็ยังเป็นไปอย่างเชื่องช้าเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ที่ว่ามานั่นมันในกรณีของมนุษย์! สำหรับสัตว์ยักษ์มิติเช่นไป๋หลี การทำเช่นนั้นมันง่ายมาก
และหากใช้วิธีนี้ ระยะเวลาที่ใช้ในการยกระดับ มันจะน้อยกว่าตอนตัดผ่านเข้าสู่เลเวล S ซะอีก
“ถ้าฉันกลืนกินพวกมันให้หมด แล้ววิวัฒนาการในเขตแดนลับ คิดว่าใช้เวลาซักเดือนนึงถึงจะพอ!”
เนื่องจากไป๋หลีสามารถดูดซับรูนมิติได้เป็นจำนวนมากในมิติมวลหมู่ดาวรูน ส่งผลให้ความแข็งแกร่งของเธอพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ช่วยให้ระยะเวลาในการยกระดับ สั้นลงอย่างมาก
บางทีในสายตาของหลายๆคน ผู้ใช้พลังยิ่งปีนป่ายขึ้นไปสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งลำบากยากเย็นขึ้นเท่านั้น แต่สำหรับฉินเฟิง ยิ่งเขาปีนป่ายขึ้นไปสูงเท่าไหร่ แต่ละย่างก้าวมันกลับง่ายดายขึ้นเท่านั้น
“งั้นมิติพวกนี้ เธอเอาไปใช้วิวัฒนาการตัวเองได้เลย ภารกิจเรียกตัวนี้มันบังเอิญเกินไป อาจพูดได้ว่ามีขึ้นเพื่อขัดขวางไม่ให้ฉันดูดกลืนแกนกลาง สกัดกั้นหนทางสู่การยกระดับของฉัน ตอนนี้ฉันทำได้แค่ยอมรับมัน ฉันจะอยู่ที่นั่นหนึ่งเดือน พยายามไม่ทำเรื่องเสี่ยงอันตราย และเอาไว้หลังจากเธอกลับมา ก็จะไม่มีใครทำอะไรพวกเราได้อีก”
“เข้าใจแล้ว!”
ไป๋หลีตอบกลับ เริ่มดำเนินการกลืนกินมิติทั้งสิบที่เพิ่งได้รับการแลกเปลี่ยนมา จากนั้นผล็อยหลับ จมลงสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
ทางฝั่งฉินเฟิง เขาเลือกที่จะพักผ่อนก่อนเป็นเวลาสองสามวัน ยังไม่ได้ไปยังมิติวงแหวนดาวตกในทันที เฝ้ารอจนครบกำหนดเส้นตายในการรับภารกิจ 7 วัน จากนั้นเดินทางสู่สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรมนุษย์ ตอบรับภารกิจ ระบุภารกิจ ก้าวเข้าสู่ประตูแสง
เมื่อเขามาถึง นักฆ่าที่แฝงตัวเข้ามา ก็ทยอยกันออกจากที่ซ่อน
…
ณ มิติวงแหวนดาวตก หลังจากฉินเฟิงก้าวออกจากประตูแสง เขาก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นเยียบ
ความหนาวเย็นนี้มาพร้อมกับเสียงหวีดหวิวของสายลม กรวดดินถูกพัดปลิวว่อนไปทุกที่ พื้นดินเป็นสีเทาเหล็ก ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประตูแสงที่ถูกสร้างขึ้น มีตึกรามอยู่ไม่กี่หลัง ทั้งหมดปลูกสร้างอย่างเรียบง่าย น่าจะเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว
มองไปคล้ายสถานชุมชนขนาดเล็กที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ แต่แน่นอน ผู้ใช้พลังในชุมชนแห่งนี้ ล้วนเป็นเลเวล S หรือสูงกว่าทั้งสิ้น
กราว กราว กราววว!
ฉินเฟิงได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง พลังสมาธิไม่ได้ถูกปล่อยออกมาสำรวจ เพราะฉินเฟิงรู้อยู่แล้ว ว่านั่นไม่น่าจะใช่เสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างแน่นอน
แต่มันคือเสียงการเคลื่อนทัพเผ่าแมลง!
“ศัตรูบุก!! ทุกคนเตรียมพร้อมรบ!”
ผู้ใช้พลังเลเวล SSS ก้าวออกมาจากบ้านหลังหนึ่งในสถานชุมชน ชุดต่อสู้บนร่างกายเขาเต็มไปด้วยฝุ่น และมีกระทั่งร่องรอยขีดข่วนเสียหาย
สาเหตุเช่นนี้เกิดได้จากกรณีเดียว นั่นคือโล่ปราณกำลังภายในที่คอยปกปักษ์ร่างกายของเขา ระหว่างการต่อสู้เกิดแตกสลายลงไปหลายครั้ง สภาพจึงเป็นเช่นนี้
ส่วนผู้ใช้พลังคนอื่นๆ ใบหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความอ่อนล้า ในแววตาฟุ้งไปด้วยความหวาดระแวง ลึกลงไปจะเห็นได้ถึงร่องรอยของความหวาดกลัว
จากการแสดงออกของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าศัตรูแข็งแกร่งมากกว่าที่คิด
“แล้วนั่นคุณมัวยืนบื้ออะไรอยู่? รีบไปรวมตัวกับคนอื่นๆเร็ว!!” ผู้ใช้พลังเลเวล SSS เห็นฉินเฟิงยืนนิ่งค้างอยู่นาน เอาแต่เฝ้ามองคนอื่น ก็ตวาดด้วยความไม่พอใจ
ฉินเฟิงเริ่มเคลื่อนไหวทันที วิ่งออกไปเตรียมประจัญบานพร้อมกับคนอื่นๆ
ไม่นาน ฉินเฟิงก็เห็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะโจมตีเขา แค่แวบเดียว เขาก็ต้องสูดหายใจลึก
เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ แท้จริงแล้วมีความสูงกว่า 20 เมตร ลำตัวยาวเป็น 100 เมตร เปลือกชั้นนอกที่คอยห่อหุ้มเนื้อหนังเอาไว้ไม่ต่างจากโลหะสีดำ มองไปเหมือนแมลงสาบขนาดยักษ์
“เป็นสัตว์ยักษ์มิติ : ดาราเกราะเหล็ก!”
สัตว์ร้ายตัวนี้เป็นแมลงสาบสายพันธุ์หนึ่งจริงๆ ดาราเกราะเหล็กคือสิ่งมีชีวิตที่คอยกลืนกินดินและทรัพยากรแร่ธาตุจากทุกมิติที่มันพบเจอ แถมยังอยู่รวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ มีพลังป้องกันสูงลิ่ว ที่สำคัญที่สุดก็คือ แต่ละตัว ล้วนมีความแข็งแกร่งในระดับนายพลขึ้นไป และเนื่องจากมันอยู่รวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ ดังนั้นมีระดับราชันย์และจักรพรรดิปะปนอยู่มากมาย
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนพวกนี้ถึงมีสภาพน่าสังเวชเช่นนี้
ณ ขณะนี้ เมื่อต้องเผชิญกับกองทัพสัตว์ยักษ์ ฝั่งมนุษย์เลยทำได้เพียงเตรียมรับมือเป็นฝ่ายป้องกัน
“มู … !”
เสียงของพวกดาราเกราะเหล็กฟังไปคล้ายเสียงวัว บ้างก็ส่งเสียงกี๊ๆออกมา เท้าทั้งสิบสองข้างจิ้มลึกลงกับพื้น สับใกล้เข้ามา วิ่งตรงไปยังทิศทางของสถานชุมชนอย่างดุเดือด ซึ่งบริเวณช่วงเท้าของมัน เต็มไปด้วยหนามแหลม ดูดุร้าย ขณะเดียวกันน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบมิได้
“ฆ่า!!!”
“หยุดพวกมัน!”
“ระวัง!”
ฝูงชนตะโกนโห่ร้อง ในขณะที่บางคนรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้น เพราะอะไรรู้ไหม --แม้ว่าดาราเกราะเหล็กจะเป็นตัวอันตราย แต่ในขณะเดียวกัน มันคือสิ่งมีชีวิตที่บนร่างปกคลุมไปด้วยสมบัติ
โลหะและทองคำกระตุ้นหัวใจของผู้คน ไม่ต้องกล่าวถึงทรัพยากรมหาศาลที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้า
คงจะมีเพียงฉินเฟิงที่ไม่สนใจของเหล่านั้น จึงไม่ได้แก่งแย่ง เข้าไขว่คว้ากับคนอื่น
แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ดาราเกราะเหล็กจะไม่บุกเข้าโจมตีเขา ท้ายที่สุดแล้วทุกคนต่างกำลังต่อสู้เสี่ยงชีวิต ทำให้บางครั้งก็มีคนเผลอประมาทเลินเล่อ
ดาราเกราะเหล็กตัวยักษ์พุ่งเข้าหาฉินเฟิง มันคือดาราเกราะเหล็กระดับนายพลเลเวล S5 ร่างกายมหึมายิ่ง สูงมากถึง 25 เมตร เมื่อเห็นฉินเฟิงที่ดูเล็กจ้อยอ่อนแอ มันก็อ้าปากใหญ่ทันที
ภายในปากใหญ่เต็มไปด้วยฟันแหลม ประเด็นก็คือพวกมันไม่ได้เรียงกันเป็นแถว แต่ตั้งเรียงกันเป็นวงกลม ทั้งยังมีมากกว่า 10 วง นี่เองคือกุญแจสำคัญในการเคี้ยวดินทราย และแร่ธาตุที่แข็งเป็นหินของพวกมัน
แค่ปากที่มันเผยให้ฉินเฟิงได้เห็น ก็น่าเกลียดน่ากลัวมากพอแล้ว
ฉินเฟิงไม่มัวเสียเวลา เหวี่ยงแขนไปข้างหน้าทันที สี่นิ้วหุบลง แสงสีดำไหลไปรวมตัวกันในนิ้วชี้ ก่อนยิงออกแทบจะในทันที พุ่งเป็นเสาแสงทมิฬหนึ่งสาย
และเสาทมิฬที่ว่ายังมีความหนามากถึง 1 เมตร
“หนึ่งดรรชนีแห่งความตาย!”
กลิ่นอายแห่งความตายระเบิดออกมา พุ่งเข้าปากมโหฬารของดาราเกราะเหล็กทันที
แต่เกรงว่าเสาทมิฬนี้คงรุนแรงเกินไป เพราะมันไม่หยุดแค่ตัวแรก ทะลุลำคอ พุ่งเป็นเส้นตรงเข้าหาตัวต่อไปทันที ราวกับไม่มีอุปสรรคกีดขวางใดๆ