บทที่ 389
ชายฉกรรจ์ชุดแดงแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์จ้องมองชายหนุ่มด้านล่างอย่างไม่วางตา หาได้มีคำกล่าวใด ๆ แว่วดังออกมาได้ยินเพียงเสียงกระพือปีกของสัตว์อสูรอินทรีตัวใหญ่ เนี่ยฟงยกยิ้มด้วยเช่นกันแอบสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าสองวงเอาไว้ใต้เท้า ทั้งสองจ้องมองกันอยู่นานนับสิบลมหายใจหาได้มีผู้ใดขยับตัว ทันใดนั้นเองชายฉกรรจ์สะบัดมือขวากำชับดาบในมือแน่นพร้อมกับมียันต์สีเหลืองปรากฏที่ด้านหลังของเนี่ยฟง ดาบในมือถูกฟาดฟันออกไปเนี่ยฟงถีบเท้าถอยไปด้านหลัง ปราณดาบหาได้พุ่งทะยานลงมาแต่กลับพุ่งออกมาจากแผ่นยันต์ปะทะหลังเนี่ยฟงเสียงดังลั่น เปรี้ยง! ชายฉกรรจ์หัวเราะเสียงดังลั่นไม่ถึงสองลมหายใจเขาต้องขมวดคิ้วก้มตัวหลบบางอย่างจากด้านหลัง เนี่ยฟงปรากฏกายฟาดฟันดาบในมือคมดาบวาดผ่านลำคอสัตว์อสูรอินทรีร่วงลงไปด้านล่าง
ทั้งสองร่วงลงมาพร้อมกันเนี่ยฟงสร้างเกราะสายฟ้าเป็นฐานเหยียบถีบเท้าพุ่งเข้าหาชายฉกรรจ์ เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! ดาบในมือปะทะเสียงดังปราณดาบพุ่งลงไปด้านล่าง เปรี้ยง! ตูม!! ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ทันทีที่เหยียบถึงพื้นทั้งสองก็พุ่งเข้าหากันทันที เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! ต่างฝ่ายต่างเร่งโคจรลมปราณหมายจัดการคนด้านหน้า เนี่ยฟงแอบยกยิ้มแผ่ลมปราณออกมากดดันทีละน้อย ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เคร้ง!! ดาบในมือของชายฉกรรจ์หักสะบั้นกระเด็นร่วงลงพื้นเขาหาได้ตื่นตกใจซัดฝ่ามือซ้ายออกไปที่หัวไหล่ด้านขวา เปรี้ยง! เนี่ยฟงเองถึงกับตื่นตกใจถีบเท้าขวาพุ่งหลบออกไป เขาหรี่ตามองไปที่หัวไหล่ด้านขวามีเกร็ดน้ำแข็งกำลังกัดกินเสื้อผ้าเขาอยู่ เขารีบยกมือซ้ายทาบไปที่หัวไหล่ขวาโคตรลมปราณธาตุไฟสกัดกั้นไม่นานเกร็ดน้ำแข็งก็ละลายหายไป เป็นชายฉกรรจ์เสียเองที่ตื่นตกใจเมื่อเห็นการกระทำของชายหนุ่มด้านหน้า
เสียงสะบัดมือดาบหักถูกซัดออกไป เนี่ยฟงเพียงใช้ดาบในมือสบัดต้านรับเขาหรี่ตามองชายฉกรรจ์ที่ตอนนี้ในมือถือถังไม้ขนาดใหญ่เขาโยนมันลงพื้นน้ำในถังสาดกระจายพร้อมกับกระทืบเท้าขวาลงพื้น เปรี้ยง! น้ำที่สาดกระจายกลายเป็นแท่งน้ำแข็งแหลมหยุดนิ่งกลางอากาศ เนี่ยฟงสลับดาบมาถือในมือซ้ายพร้อมกับเร่งโคจรลมปราณเตรียมพร้อม ทันทีที่แท่งน้ำแข็งพุ่งเข้ามาเขาก็ฟาดฟันดาบในมือออกไปด้วยทักษะตัดสายฟ้า ปราณดาบห้าเล่มพุ่งเข้าทำลายแท่งน้ำแข็ง เนี่ยฟงแสยะยิ้มกระทืบเท้าขวาลงพื้นวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าใต้เท้าสว่างวาบสายฟ้าสองเส้นปรากฏออกมาใต้เท้าชายฉกรรจ์รัดขาทั้งสองเอาไว้
“ความสามารถปราณน้ำแข็งของท่านถือว่ามีความพิเศษไม่น้อยเพียงแต่ว่ามันไม่สามารถทำอะไรข้าได้”
ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากมือขวาเนี่ยฟงก้มลงซัดฝ่ามือลงพื้น เปรี้ยง! ปราณสายฟ้าพุ่งไปตามพื้นที่เปียกชุ่มพุ่งเข้าหาชายฉกรรจ์พร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด กลิ่นเหม็นไหม้โชยออกมาจากเสื้อผ้าที่สวมใส่มองเห็นเลือดสีแดงฉานไหลหยดลงพื้น เนี่ยฟงก้าวเดินเข้าหาอย่างช้า ๆ ยกดาบในมือซ้ายฟาดเอาไว้ด้านหลัง
“ท่านมีนามว่าอะไรรึ แล้วเหตุใดถึงคิดสังหารข้า”
หาได้มีคำกล่าวใด ๆ แว่วดังออกมาจากชายฉกรรจ์ ดาบในมือซ้ายจ้วงแทงเข้าไปที่หน้าท้องปลายดาบทะลุออกไปด้านหลัง เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากบาดแผลพร้อมกับเสียงลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกปล่อยออกมา ชายฉกรรจ์มองเห็นความตายวูบหนึ่งเขาจึงรีบเอ่ยวาจาออกมา
“ข้ามีนามว่าโง่วเซียนหยาง เป็นคนของเขาอู่เทียนปิงได้รับคำสั่งให้มาสังหารเจ้า”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นถึงขมวดคิ้ว
“เพราะเหตุใด”
โง่วเซียนหยางได้แต่ส่ายศีรษะไปมา
“เบื้องบนหาได้แจ้งข้อมูลใดมาให้ข้า มีเพียงสังหารเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่ทะเลสาบจิ่วซาง”
“ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าถึงคิดว่าเป็นข้า”
“แน่นอนว่าข้าไม่รู้จักเจ้า ข้าจึงให้เจ้านครดั้นเมฆหยุยเหลยทดสอบฝีมือเจ้า”
“เช่นนั้นพวกเจ้าคงแอบติดตามข้ามานานแล้ว”
โง่วเซียนหยางพยักหน้าตอบรับ เนี่ยฟงยืนนิ่งครุ่นคิดบางอย่าง
“เจ้าคิดสิ่งใดรึไอ้หนู”
“คนพวกนี้รับรู้การมีอยู่ของข้าได้อย่างไร มีเพียงไม่กี่ทางคือแอบสะกดรอยติดตามข้าหรือ คนที่ติดตามข้ามีคนของเขาเทียนปิงแฝงตัวอยู่”
เนี่ยฟงหรี่ตามองโง่วเซียนหยางที่ยื่นตัวสั่นสะท้าน เขาเร่งแผ่ลมปราณออกมากดดันจนโง่วเซียนหยางต้องลงไปคุกเข่ากับพื้นกระอักเลือด
“หากข้าจะให้เจ้ากระทำบางอย่างเจ้ายินดีหรือไม่”
เนี่ยฟงตวัดดาบในมือซ้ายวางพาดเอาไว้ที่ลำคอโง่วเซียนหยาง
“เจ้าจะให้ข้าทำสิ่งใด”
“ส่งข้อความกลับไปบอกว่าข้าถูกสังหารแล้ว”
โง่วเซียนหยางถึงกับตื่นตกใจ
“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้”
เนี่ยฟงออกแรงเพียงเล็กน้อยเลือดสีแดงไหลซึมออกมาจากบาดแผล โง่วเซียนหยางถึงกับสั่นสะท้าน
“ได้ ได้ ข้าจะส่งข้อความกลับไป”
โง่วเซียนหยางสะบัดมือขวาปรากฏแผ่นยันต์สีเหลืองออกมาด้านหน้า เขาตวัดมือขวาไปมาไม่นานก็มองเห็นอักษรจำนวนมากพุ่งหายไปที่แผ่นยันต์ เนี่ยฟงยกยิ้มก่อนที่จะคว้าแผ่นยันต์มาถือไว้ในมือขวา
“เจ้าไม่ต้องตกใจข้าขอจัดการอะไรเล็กน้อย”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงกำมือขวาแน่นประกายสายฟ้าพุ่งไปยังแผ่นยันต์ไม่นานปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าออกมาสองวงโง่วเซียนหยางจ้องมองด้วยความตื่นตกใจ
“เจ้า เจ้ามีความสามารถใช้อักขระศักดิ์สิทธิ์”
เนี่ยฟงหาได้สนใจไม่ถึงสิบลมหายใจวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าพุ่งหายไปที่แผ่นยันต์หลังจากนั้นเขาก็สะบัดมือขวาซัดแผ่นยันต์ขึ้นบนท้องฟ้า แผ่นยันต์พุ่งออกไปพร้อมกับจางหาย เนี่ยฟงยกยิ้มซัดฝ่ามือขวาไปที่หน้าผากของโง่วเซียนหยางอย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง! ร่างของโง่วเซียนหยางค่อย ๆ ร่วงลงกับพื้น เขาก้มลงปลดแหวนออกจากมือพร้อมกับปลดแหวนของคนที่เหลือ แผ่ลมปราณออกจากร่างถีบเท้าพุ่งติดตามเตียวมู่ถังไป ไม่นานก็พบกับกลุ่มของเตี่ยวมู่ถังกำลังสอบส่วนคนทั้งสอง
“เป็นอย่างไรบ้างพี่มู่ถัง”
เตียวมู่ถังส่ายศีรษะไปมา
“พวกมันเป็นคนของเขาอู่เทียนปิงทำตามคำสั่งของโง่วเซียนหยางเท่านั้นหาได้รับรู้สิ่งใดมาก”
“เช่นนั้นสังหารพวกมันทั้งสองซะ”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวาถือขวดยาสีขาวนวลเอาไว้ในมือ
“ข้ามียาเพิ่มพลังปราณเชิญพวกท่านนำไปแบ่งกันคนละเม็ดเถอะ เราจะพักกันตรงนี้ก่อนรุ่งส่างค่อยเข้าไปตรวจสอบที่ท่าเรือ”
เนี่ยฟงโยนขวดยาให้แก่เตียวมู่ถัง หลังจากที่ทุกคนทานยาคนละเม็ดก็แยกย้ายกันไปนั่งโคจรลมปราณ เตียวมู่ถังนำขวดยามาคืนให้แก่เนี่ยฟง นานนับครึ่งเค่อเนี่ยฟงหรี่ตามองจนทั่วยกยิ้มสะบัดมือขวาซัดแผ่นหินออกไปโดยรอบหลังจากนั้นสามลมหายใจเขาเร่งโคจรลมปราณไปที่เท้าขวากระทืบลงพื้น เปรี้ยง! สายฟ้าพุ่งไปยังแผ่นหินกลางเป็นโดมสีฟ้าปรากฏออกมา หลายคนเริ่มลืมตาขึ้นมาจ้องมองด้วยความตกใจ
“ผู้ใดคือคนของเขาอู่เทียนปิงจงก้าวเดินออกมาด้านหน้า หากไม่ใช่ให้นั่งอยู่ที่เดิม”
หลายคนต่างตื่นตกใจหันมองกันไปมาเนี่ยฟงหรี่ตามองไปที่ชายผู้หนึ่ง
“พี่เหวินลู่ ท่านคือคนของเขาอู่เทียนปิงใช่หรือไม่”
ซงเหวินลู่ตัวสั่นสะท้านลุกขึ้นอย่างช้า ๆ
“ข้าคือคนของเขาอู่เทียนปิงจริง”
เนี่ยฟงยกยิ้มสะบัดมือขวาถือแผ่นยันต์สีเหลือออกมา
“ท่านรู้จักสิ่งนี้หรือไม่”
“แน่นอนมันคือแผ่นยันต์อักขระศักดิ์สิทธิ์”
“ท่านใช้มันได้หรือไม่”
ซงเหวินลู่พยักหน้าตอบรับ
“รบกวนท่านส่งข่าวไปที่เขาอู่เทียนปิงว่า ข้าเนี่ยฟงเป็นคนสังหารโง่วเซียนหยางและกำลังจะเดินทางไปที่นั่น”
หลายคนได้ยินถึงกับตื่นตกใจหันไปมองเนี่ยฟงอย่างไม่วางตาแน่นอนว่าหยุยเหลยที่นอนอยู่ก็ตื่นตกใจด้วยเช่นกัน
“ข้าให้เวลาพวกท่านเตรียมตัวหลังจากสำรวจที่ท่าเรือเสร็จสิ้นข้าจะออกเดินทางทันที”
เนี่ยฟงหันไปมองหยุยเหลยที่นอนอยู่
“ท่านสนใจเดินทางไปกับพวกข้าหรือไม่ เพราะตัวท่านเองก็ถูกโง่วเซียนหยางหลอกใช้ให้มาพบเจอข้า”
หยุยเหลยค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่งอย่างช้า ๆ
“ได้ ข้ายินดีไปกับเจ้า ว่าแต่เจ้าเถอะเป็นผู้ใดกัน”
“ข้ามีนามว่าเนี่ยฟง”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงสะบัดมือขวาโดมสีฟ้าสลายหายไปพร้อมกับยกมือขวาคว้ารับแผ่นหินที่พุ่งกลับมา