บทที่ 388
เขาสูงลูกใหญ่เสียงน้ำตกกระทบลงหินเสียงดังลั่น ด้านล่างมีชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่กล้ามท้องขึ้นเป็นมัดนั่งโคจรลมปราณอยู่ด้านล่างน้ำตก ชั่วน้ำเดือดปรากฏแผ่นยันต์สีเหลืองด้านหน้าพุ่งเข้าหาชายฉกรรจ์ เขาลืมตายกมือขวาคว้ารับจ้องมองแผ่นยันต์อยู่นานสิบลมหายใจก็หัวเราะเสียงดังลั่น ฟาดฝ่ามือซ้ายลงพื้น เปรี้ยง! ตูม!! ชายฉกรรจ์ถีบเท้าพุ่งทะยานขึ้นบนท้องฟ้าเสียงเป่าปากดังหวีดหวิว สัตว์อสูรอินทรีตัวใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้ารับผู้เป็นนายพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องคำราม ไม่นานด้านหลังปรากฏฝูงสัตว์อสูรอินทรีพุ่งติดตามนับสิบตัวพร้อมกับชายฉกรรจ์นับสิบคนเช่นกันนั่งอยู่บนหลัง
เกือบห้าวันที่กลุ่มของเนี่ยฟงเร่งเดินทางไปที่ทะเลสาบจิ่วซาง แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปนานนับชั่วยามบริเวณท่าเรือมีบางอย่างผิดปกติเป็นเตียวมู่ถังยกมือขวาขึ้นห้าม สายลมพัดพากลิ่นเหม็นสาบและกลิ่นคาวเลือดต้องจมูก เมื่อทั้งหมดก้าวเดินเข้ามาในบริเวณมองซากศพนอนเกลื่อนพื้นผู้คนถูกสังหารอย่างอำมหิต เรือสำราญที่เตียวมู่ถังกล่าวอ้างหาได้จอดลอยลำเช่นเคยรอบข้างมองเห็นซากเรือเศษไม้ลอยเหนือน้ำในทะเลสาบมีบางจุดมองเห็นเป็นแอ่งเลือด เนี่ยฟงแผ่ลมปราณตรวจสอบก็หาได้พบเจอสิ่งใดมีชีวิตหรือผู้ใดเหลือรอด ทั้งหมดจึงตัดสินใจที่จะถอยออกไปด้านนอกก่อนรอถึงรุ่งเช้าค่อยกลับมาตรวจสอบอีกที ทันใดนั้นได้มีเรือลำเล็กลอยลำเข้ามาที่ท่าเรืออย่างรวดเร็ว บนเรือมีชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งสวมชุดสีน้ำเงินยืนจ้องมองมาอย่างไม่วางตา เสียงสะบัดมือดังแว่วปรากฏกระบี่ขึ้นที่มือซ้ายชายฉกรรจ์หรี่ตามองกลุ่มคนบนฝั่งคว้าจับไปที่ด้ามกระบี่พร้อมกับแสยะยิ้ม มีชายผู้หนึ่งเอ่ยวาจาออกมา
“เจ้านครดั้นเมฆหยุยเหลย”
เตียวมู่ถังถึงกับขมวดคิ้ว
“เจ้ารู้จักชายผู้นั้นด้วยรึแป๊ะซือ”
“แน่นอนพี่มู่ถัง ครั้งหนึ่งต้วข้าเคยปะทะกับชายผู้นี้เพราะเรื่องเข้าใจผิด ชายผู้นี้รักความยุติธรรมแต่ทว่ากับลงมือโหดเหี้ยมชื่นชอบการปะทะประมือเป็นที่สุดผิดถูกตัดสินกันภายหลัง แต่มีอย่างหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจเหตุใดชายผู้นี้ถึงมาอยู่ที่นี่หลายสิบปีที่เขาไม่ได้ออกจากแคว้นเฉิน”
เสียงกระบี่ถูกดึงออกจากฝักดังแว่ว คมกระบี่สะท้อนแสงจันทร์สว่างวาบหยุยเหลยระเบิดพลังปราณฟาดฟันกระบี่ ปราณกระบี่นับสิบเล่มหอบน้ำในทะเลสาบเป็นคลื่นพุ่งทะยานเข้ามา เนี่ยฟงที่หรี่ตามองสะบัดมือขวาซัดมีดสั้นสี่เล่มปะทะคลื่นปราณกระบี่ ตูม สายน้ำสาดกระเซ็น หยุยเหลยถีบเท้ากระโดดฟาดฟันกระบี่ในมือ เงาปราณกระบี่แผ่ออกมาจนมืดมิดไม่เห็นแม้เงาแสงจันทร์ เสียงสะบัดมือดังแว่วเนี่ยฟงกำชับดาบในมือแน่นหันไปมองเตียวมู่ถัง
“พวกท่านรีบไปตรวจสอบกลุ่มคนที่แอบซ่อนตัวอยู่ทางขวามือ ชายผู้นี้ข้ารับมือเอง”
เตียวมู่ถังพยักหน้าตอบรับพร้อมกับนำกำลังคนทั้งหมดพุ่งออกไปทางขวา เนี่ยฟงแสยะยิ้มกางฝ่ามือซ้ายยกขึ้นด้านหน้า ทันที่เงาปราณกระบี่พุ่งเข้ามาเขาก็กำมือซ้าย เกราะสายฟ้าปรากฏออกมาต้านรับ เปรี้ยง! เนี่ยฟงแผ่ลมปราณตรวจสอบหยุยเหลยพร้อมกับฟาดฟันดาบออกไป ปราณดาบห้าเล่มพุ่งออกมาจากม่านควันจากการปะทะ หยุยเหลยถึงกับขมวดคิ้วตวัดกระบี่ต้านรับ เปรี้ยง! เปรี้ยง! เนี่ยฟงปรากฏตัวที่ด้านหลัง
“ลงไปคุยกันข้างล่างเถอะ”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงโยกตัวเตะเท้าขวาหยุยเหลยหมุนตัวกลับตวัดฝักกระบี่ต้านรับ เปรี้ยง! หยุยเหลยพุ่งลงไปยังด้านล่าง ตูม!! เขารีบพยุงตัวขึ้นส่ายศีรษะไปมาเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็มองเห็นหมัดซ้ายต่อยเข้ามา เปรี้ยง! ใบหน้าสะบัดไปทางขวากัดฟันตวัดกระบี่ในมือ เคร้ง! พร้อมกับถีบเท้าถอยออกมา เสียงบ้วนเลือดออกจากปากหยุยเหลยจ้องมองชายหนุ่มด้านหน้าอย่างไม่วางตา
“นานเท่าไรแล้วที่ข้าไม่ได้เสียเลือด แต่น่าแปลกข้าไม่เคยเห็นวิชาดาบของเจ้า”
“ตัวข้าเองก็หาได้รู้จักท่านเช่นกัน”
เนี่ยฟงยกมือซ้ายขึ้นกวักเรียก
“เข้ามาเถอะ หวังว่าท่านจะมีฝีมือพอที่จะให้ข้าเอาจริง”
หยุยเหลยยกยิ้มระเบิดพลังปราณอีกครั้งหวังกดดันชายหนุ่มด้านหน้า ตูม!! แต่ทว่าชายหนุ่มด้านหน้ายังคงยืนนิ่งหาได้ลงไปคุกเข่าเช่นคู่ต่อสู้ที่ผ่านมา เนี่ยฟงยกเท้าขวากระทืบลงพื้นดิน เปรี้ยง! มองเห็นเป็นสายฟ้าพุ่งไปตามพื้นดินทำลายพลังปราณที่แผ่ออกมา หยุยเหลยถึงกับตื่นตกใจเมื่อรู้สึกตัวอีกทีชายหนุ่มด้านหน้าก็พุ่งเข้ามาประชิดแล้ว เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! ทุกครั้งที่ดาบและกระบี่ปะทะกันเกิดแสงสว่างวาบไปมายามค่ำคืน เสียงดาบปะทะกระบี่ดังลั่นเกิดคลื่นพลังปราณจากการปะทะพุ่งโจมตีรอบตัวของทั้งสอง เสื้อผ้าสีน้ำเงินของหยุยเหลยขาดหลุดรุ่ยพร้อมกับเลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผล ฝ่ามือขวาเริ่มไร้ความรู้สึกจากสายฟ้าที่โจมตีทุกครั้งจากการปะทะ ไม่ถึงครึ่งเค่อหยุยเหลยจำเป็นต้องถีบเท้าหลบถอยออกมาด้านหลังพร้อมกับเสียงเหนื่อยหอบดังแว่วออกมา
“หากเป็นเช่นนี้ข้าคงไม่จำเป็นต้องใช้ดาบเล่มนี้กับท่านแล้ว”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวาเก็บดาบในมือถีบเท้าพุ่งเข้าประชิด หยุยเหลยแสยะยิ้มเร่งโคจรลมปราณไปที่กระบี่ฟาดฟันออกไป ปราณกระบี่กลายเป็นมังกรตัวใหญ่ร้องคำรามพุ่งเข้าปะทะเสียงดังสนั่น เปรี้ยง! หยุยเหลยถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่นทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาคนทางขวามือแต่ทว่าไม่สามารถหันไปมองได้มีพลังปราณมหาศาลแผ่ออกมากดทับตนเอาไว้ เขาจึงระเบิดพลังปราณออกมาอย่างสุดกำลัง ตูม!! เท้าขวาถูกถีบลงพื้นฝุ่นควันฟุ้งกระจายเขาเร่งโคจรลมปราณไปที่กระบี่จนเกิดเสียงดังพร้อมกับฟาดฟันกระบี่ออกไป ปราณกระบี่พุ่งทะยานกลายเป็นมังกรตัวใหญ่สามตัว เนี่ยฟงหาได้สนใจพุ่งทะยานเข้าหามังกรทั้งสาม เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เกราะสายฟ้าสามอันปรากฏด้านหน้าต้านรับให้แก่ผู้เป็นนาย
“เหอะ หากเป็นผู้อื่นคงหลงกลท่านไปแล้ว เพียงแต่ข้าคิดว่าท่านจะมีลูกเล่นอื่นมากกว่านี้เสียอีก”
ความเจ็บปวดจากเท้าขวาแล่นไปยังสมอง เนี่ยฟงจ้วงแทงมีดสั้นไปที่เท้าขวาตรึงไว้ที่พื้นพร้อมกับใช้เท้าซ้ายเหยียบเอาไว้ มือซ้ายคว้าจับไปที่ข้อมือขวาบิดกระบี่ในมือร่วงลงพื้น หยุยเหลยกำชับฝักกระบี่ฟาดออกมาเนี่ยฟงโยกตัวหลบไปทางซ้ายใช้แขนขวาหนีบแขนซ้ายเอาไว้ เขาโขกศีรษะไปที่ใบหน้าของหยุยเหลย ปัก! ปัก! ปัก! ใบหน้าสะบัดไปด้านหลังเลือดไหลจากจมูกหยดลงพื้น เนี่ยฟงขมวดคิ้วได้ยินเสียงร้องโหยหวนทางขวามือเขาโขกศีรษะไปที่ใบหน้าของหยุยเหลยอีกครั้ง พร้อมรีบก้มลงดึงมีดสั้นออกจากเท้าขวาแบกร่างของหยุยเหลยพุ่งไปทางเสียงทางขวามือ เมื่อพุ่งมาไม่ถึงสิบลมหายใจก็พบชายฉกรรจ์สี่คนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นส่วนอีกสองคนถูกพี่น้องอสรพิษ กงหลี่และกงซานจับกุมตัว เขารีบวางร่างหยุยเหลยลงพื้นมีซินหยางและแป๊ะซือเข้ามาควบคุมตัวหยุยเหลย
“เป็นฝีมือพวกไหนกันพี่มู่ถัง”
“เป็นคนจากเขาอู่เทียนปิง แต่ไม่ต้องห่วงคนทั้งสองข้าจัดการกับยาพิษที่ซ่อนเอาไว้แล้ว”
เนี่ยฟงขมวดคิ้วสะบัดมือขวาโยนขวดยาไปให้เตียวมู่ถัง
“รบกวนพี่มู่ถังป้อนยาให้แก่ชายทั้งสองพร้อมกับสอบปากคำรอข้า”
สิ้นเสียงกล่าวมีแรงลมพัดลงมาจากบนท้องฟ้า ทั้งหมดหันไปมองพบฝูงสัตว์อสูรอินทรีตัวใหญ่นับสิบปรากฏบนท้องฟ้า
“ที่นี่ข้าจัดการเอง”
เตียวมู่ถังหาได้กล่าวสิ่งใดตอบพยักหน้าตอบพร้อมกับนำคนทั้งหมดพุ่งหลบออกไป เนี่ยฟงสะบัดมือขวาซัดมีดสั้นออกไปนับร้อยเล่มขึ้นบนท้องฟ้า มีดสั้นพุ่งขึ้นไปไม่ถึงสามลมหายใจก็หยุดนิ่งค้างบนท้องฟ้าเขาหรี่ตามองพบเห็นแผ่นยันต์สีเหลืองลอยอยู่เหนือสัตว์อสูรอินทรี ชายฉกรรจ์สวมชุดสีแดงชี้มือลงมาด้านล่าง แผ่นยันต์ที่ลอยอยู่สว่างวาบมีดสั้นที่เขาซัดออกไปกำลังสั่นสะท้านไม่ถึงสามลมหายใจมีดสั้นทั้งหมดพุ่งลงมายังด้านล่าง เนี่ยฟงหาได้ตื่นตกใจยืนนิ่งไม่ไหวติง มีดสั้นทั้งหมดพุ่งผ่านตัวเขาไปเสียบแทงลงพื้นดินด้านข้าง เขาสะบัดมือขวาอีกครั้งเพื่อเก็บมีดสั้นทั้งหมดเอาไว้ในแหวนพร้อมกับแสยะยิ้มไม่ถึงครึ่งลมหายใจเนี่ยฟงก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ได้ยินเพียงเสียงหมัดปะทะบางอย่างชายฉกรรจ์สวมชุดสีแดงขมวดคิ้วหันไปมองด้านหลังพบว่ากลุ่มคนที่ติดตามมาด้านหลังนอนแน่นิ่งอยู่บนหลังสัตว์อสูรอินทรี
“เจ้ามองหาผู้ใดรึ”
เมื่อหันไปมองตามเสียงด้านล่างพบเห็นชายหนุ่มคนเดิมยืนชี้นิ้วชี้มือขวามายังตน