บทที่ 385
เสียงกลองและเสียงโหร้องดังลั่นไปทั่วทั้งบ่อนขนาดใหญ่ ผู้คนมากมายต่างอยู่กันเต็มพื้นที่ตึกทรงแปดเหลี่ยมห้าชั้น ทางเดินถูกแหวกสายตาจำนวนมากจ้องมองไปที่กลุ่มคนที่กำลังก้าวย่างเข้ามา ไช่หยางหนานยืนอยู่บนลานประลองแสยะยิ้มชี้พัดไม้ไปที่ชายหนุ่มด้านล่างพร้อมกับนำพัดไม้มาวาดผ่านลำคอตัวเอง ทันทีที่เนี่ยฟงเหยียบไปบนพื้นลานประลองผู้คนทั้งหมดต่างเงียบเสียงจ้องมองบนลานประลองด้วยความสงสัย ไช่หยางหนานคุกเข่าทั้งสองลงไปบนพื้นเพราะพลังปราณมหาศาลกดทับตัวเขาเอาไว้ เนี่ยฟงผายมือทั้งสองข้างออกมาแสยะยิ้มจ้องมองไปที่ไช่หยางหนานค่อย ๆ ลดแรงดันอย่างช้า ๆ ทันทีที่ไช่หยางหนานกำลังจะลุกขึ้นเขาก็แผ่ลมปราณออกมากดทับอีกครั้ง
“คุณชายผู้อวดดีเมื่อครู่อยู่ที่ใดแล้วขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงก้าวเดินเข้าหาเตะเท้าขวาไปที่ใบหน้าอย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง! เลือดและฟันพุ่งออกมาจากปากไช่หยางหนานกระเด็นด้านหลัง เนี่ยฟงแสยะยิ้มหันไปมองรอบด้าน
“ตัวข้ามีนามว่าเนี่ยฟงเป็นเพียงนักเดินทางที่หมายมาเยี่ยมชมที่นี่ ไม่คิดว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดีโดยคุณชายไช่หยางหนาน”
เท้าขวายกขึ้นกระทืบไปที่ต้นขาด้านซ้ายพร้อมกับเสียงกระดูกแตกและเสียงร้องโหยหวนที่ดังลั่นออกมา เนี่ยฟงก้มลงไปกระซิบบางอย่างหลังจากนั้นเขาก็กระทืบไปที่ขาและแขนทั้งสองที่เหลือหลังจากนั้นเขาก็เตะไช่หยางหนานลงไปด้านล่างทิศทางที่กลุ่มเตียวมู่ถังยืนอยู่
“ฝากพี่ชายรักษาคุณชายไช่หยางหนานด้วยขอรับ”
เมื่อบอกกล่าวต่อเตียวมู่ถังเสร็จสิ้นเนี่ยฟงก็หันไปมองรอบด้านอีกครั้งพร้อมกับสะบัดมือขวาก้อนทองจำนวนมากปรากฏอยู่บนพื้น สายตานับพันจ้องมองไปที่ก้อนทองอย่างหิวกระหาย
“หากผู้ใดสนใจก้อนทองทั้งหมดนี้”
เนี่ยฟงยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใดจบสิ้นชายฉกรรจ์แปดคนพุ่งลงมาจากชั้นต่าง ๆ ไปยังเวที เขาถีบเท้าพุ่งเข้าประชิดต่อยหมัดขวาไปที่ใบหน้าของแต่ละคนอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! ชายฉกรรจ์ทั้งแปดหาได้มีผู้ใดยืนอยู่บนเวทีแม้แต่ผู้เดียว
“รวบกวนพี่ชายเตียวมู่ถังปลดทรัพย์คนพวกนี้ด้วยขอรับ”
ทั้งหมดรีบพุ่งเข้าไปปลดแหวนในมือคนทั้งแปดออกมาโยนขึ้นมาบนเวที เนี่ยฟงสะบัดมือขวาเก็บก้อนทองคว้ารับแหวนทั้งแปดเขานำของทั้งหมดออกมาเกลื่อนพื้นทันใดนั้นเองได้มีเสียงเอ่ยวาจาออกมาจากชั้นสอง
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันไอ้หนูถึงมาแสดงท่าทีเช่นนั้นที่นี่ได้หรือ เพียงแค่จัดการกับสวะเพียงไม่กี่คนน่าขำนัก”
ผู้คนบริเวณชั้นสองแหวกทางเป็นช่องมองเห็นชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสีเทาขลิบขาวก้าวเดินออกมาตรงระเบียง เนี่ยฟงหันไปหรี่ตามองยกมือขวาขึ้นกวักเรียก
“มีความสามารถหรือไม่เหตุใดท่านถึงไม่เข้าถึงไม่เข้ามาทดสอบละ”
“ปากดีนัก มาดูกันว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร”
สิ้นเสียงกล่าวชายฉกรรจ์ถีบเท้าพุ่งทะยานลงมาจากชั้นสอง เนี่ยฟงแสยะยิ้มใช้ทักษะจิตแห่งเทพมังกรไปที่ชายฉกรรจ์พร้อมกับถีบเท้าพุ่งทะยานเข้าประชิด หมัดขวาต่อยเข้าไปที่ใบหน้าอย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง! ร่วงลงไปยังลานประลอง ตูม! เนี่ยฟงก้าวเดินเข้าหาอย่างช้า ๆ ยกเท้าขวากระทืบไปที่หน้าอก เขาก้มลงไปคว้าแหวนในมือของชายฉกรรจ์กระชากออกมาแล้วโยนลงไปให้เตียวมู่ถังด้านล่าง เนี่ยฟงหันไปมองบริเวณชั้นสองที่ชายฉกรรจ์พุ่งลงมา
“คนของท่านหาเรื่องเอง แต่หากท่านไม่พอใจยินดีด้านล่างขอรับ”
เนี่ยฟงยกเท้าขวากระทืบไปที่หน้าอกอีกครั้งพร้อมกับเตะชายฉกรรจ์ออกมาจากลานประลอง เปรี้ยง! เสียงตบมือดังแว่วอีกครั้งบนชั้นสี่ มีกลุ่มคนสวมชุดสีน้ำเงินก้าวเดินออกมาที่ระเบียง เนี่ยฟงมองเห็นหญิงชราผู้หนึ่งจ้องมองมาทางตน
“เจ้าชื่อเนี่ยฟงอย่างนั้นรึ ดี ดี ข้ามีนามว่าสือชินเชวี่ยเป็นผู้ดูแลเขตฝั่งเหนือสนใจมาติดตามกลุ่มของข้าหรือไม่”
เนี่ยฟงรีบก้มคารวะ
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่เชื้อเชิญ ข้าน้อยต้องของปฏิเสธตัวข้าหาอยากติดตามผู้ใด อีกอย่างข้ามีคนติดตามแล้วท่านสนใจจะติดตามข้าหรือไม่ขอรับ”
สือชินเชวี่ยได้ยินเช่นนั้นถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่น แต่ทว่ามีชายหนู่มผู้หนึ่งหาได้คิดเช่นนั้นสะบัดมือขวาชี้ดาบออกมาด้านหน้า
“ปากดีนัก ผู้อาวุโสสือชินเชวี่ยเอ่ยปากเชื้อเชิญเจ้า เจ้ากลับปฏิเสธอีกทั้งยังกล่าววาจาบัดซบนั่นอีก”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ลงมาด้านล่างละคุณชาย”
ชายหนุ่มหันไปมองสือชินเชวี่ย
“สือหูหลางตัดแขนมันทั้งสองข้างเพราะความอวดดีของมัน อย่างลืมตบปากที่กล่าววาจาเช่นนั้นด้วย”
“ข้าน้อยสือหูหลางจะไม่ทำให้ผู้อาวุโสผิดหวัง”
แน่นอนว่าสิ่งที่ทั้งสองกล่าวเนี่ยฟงได้ยินอย่างชัดเจน เขาทำได้เพียงยกมือขวาขึ้นมากวักเรียกเท่านั้น สือหูหลางแสยะยิ้มกวัดแกว่งดาบในมือพุ่งทะยานลงมา ปราณดาบประดุจแหขนาดใหญ่ปกคลุมไร้ทางหลบหนี เนี่ยฟงยังคงยืนนิ่งหาได้ทำสิ่งใดไม่ถึงครึ่งลมหายใจปราณดาบปะทะเสียงดังสนั่น เปรี้ยง! ทันทีที่สือหูหลางเหยียบลงพื้นเขาก็กระหน่ำฟาดฟันดาบในมืออีกครั้ง ปราณดาบพุ่งเข้าปะทะอีกครั้ง เปรี้ยง! เปรี้ยง! ฝุ่นควันจากการปะทะฟุ้งกระจาย สือหูหลางกำชับดาบในมือแน่นหรี่ตามองไปที่ม่านกลุ่มควัน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บปวดที่หัวไหล่ทั้งสองเมื่อก้มลงมองก็พบมีดสั้นสองเล่มเสียบแทงอยู่ เนี่ยฟงปรากฏกายด้ายหลังเอ่ยวาจาออกมา
“ข้าได้ยินว่าเจ้าจะตัดแขนทั้งสองอีกทั้งยังจะตบปากข้าอีกด้วย เช่นนี้ใช่หรือไม่”
สือหูหลางรีบหันกลับมาแต่ก็ไม่พบผู้ใดแต่ได้ยินเสียงเอ่ยวาจาดังออกมาจากทางขวามือ
“เจ้าหันไปมองทางไหนกัน”
สือหูหลางหันไปมองก็พบเห็นฝ่ามือซ้ายพุ่งเข้ามา เพียะ! เพียะ! เพียะ! เนี่ยฟงจ้วงแทงมือขวากำชับมีดสั้นที่เสียบแทงตรงหัวไหล่ซ้าย ใช้มือซ้ายกระหน่ำฟาดไปที่ใบหน้าของสือหูหลางเสียงดังลั่น เลือดสีแดงและฟันหลายซี้กระเด็นออกมาจากปาก ทุกครั้งที่เขาลงมือฟาดตีสายตาจับจ้องมองไปที่สือชินเชวี่ยที่ตอนนี้ตัวสั่นสะท้านไปด้วยความแค้น หลังจากตบตีสือหูหลางอย่างหน่ำใจเขาก็ดึงมีดสั้นทั้งสองโยนลงพื้น ใช้มือขวาคว้าจับไปที่ข้อแขนด้านขวาบิดกระชากออกมาโยนแขนขวาลงพื้นพร้อมกับกระทืบไปที่แขน สือหูหลางถึงกับหมดสติเพราะความเจ็บปวดนอนแน่นิ่งบนพื้น
“เมื่อครู่ข้าได้ยินที่ท่านกล่าว ตอนนี้ข้ากระทำให้ท่านหมดแล้วขอรับผู้อาวุโส แต่ทว่าคนของท่านอ่อนแอ่เกินไปถือว่าข้าเหลือแขนข้างซ้ายเอาไว้สำหรับทานอาหารก็แล้วกัน”
เนี่ยฟงใช้เท้าซ้ายเขี่ยแขนขวาไปยังจุดที่เตียวมู่ถังยืนอยู่หลังจากนั้นก็เตะเท้าขวาไปที่หน้าท้องสือหูหลางกระเด็นร่วงลงจากลานประลองอีกคน
“ผู้อาวุโสจะส่งผู้ใดมาสั่งสอนข้าอีกหรือไม่หาไม่แล้วเหตุใดตัวท่านถึงไม่ลงมาเอง หรือว่าตัวท่านหวาดกลัวชายหนุ่มเช่นข้าดูจากฝีมือคนของท่านแล้วข้าเองคิดว่าท่านคงไม่เท่าไร”
“หุบปากไอ้ลูกหมา! ดี!! คอยดูว่าหากข้าลงไปเหยียบที่ลานประลองเจ้าจะทำตัวเช่นไร”
ทันทีที่สือชินเชวี่ยกล่าวเช่นนั้น เนี่ยฟงก็แสยะยิ้มหันไปมองเตียวมู่ถังที่ตอนนี้พยักหน้าตอบรับไม่ถึงครึ่งลมหายใจเตียวมู่ถังก็หลบหายไป เนี่ยฟงหันมามองสือชินเชวี่ยที่พุ่งทะยานลงมาบนลานประลอง พลังปราณถูกแผ่ออกมาจากร่างของทั้งสอง ไม่ถึงสี่ลมหายใจเนี่ยฟงลงไปคุกเข่ากับพื้นตัวสั่นสะท้านกระอักเลือดออกมา สือชินเชวี่ยถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“อย่าริอาจโอ้อวดฝีมือที่นี่ไอ้หนู ที่ตรงนี้มีคนตกตายเพราะความอวดดีมากพอแล้ว”
เนี่ยฟงหาได้สนใจก้มลงหรี่ตามองหาเตียวมู่ถัง ไม่นานเขาก็พบเห็นเตียวมู่ถังยกยิ้ม เขาก็ลงไปนอนกับพื้นร้องเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“ถือว่าข้าสั่งสอนเจ้าเพียงเล็กน้อยก็แล้วกัน”
เสียงสะบัดมือดังแว่วสือชินเชวี่ยกำชับไม้เท้าก้าวเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ฟาดหวดไม้เท้าในมือไปที่ศีรษะของชายหนุ่มที่นอนอยู่ ทันใดนั้นเองนางก็รับรู้แปลก ๆ ร่างกายหยุดนิ่งทำได้เพียงมองชายหนุ่มด้านหน้าลุกขึ้นมาจ้องมองตน ทันใดนั้นเองก็รู้สึกปวดแสบไปที่ใบหน้าด้านซ้าย เนี่ยฟงง้างมือขวาตบไปที่ใบหน้าอย่างถนัดถนี่ เพียะ! ผู้คนทั้งหมดต่างนิ่งเงียบมีบางคนสั่นสะท้านจากภาพที่เห็น สือชินเชวี่ยเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลที่แดนเถื่อนแห่งนี้ แต่ทว่าตอนนี้นางถูกชายหนุ่มผู้หนึ่งตบตีจนเลือดและฟันกระเด็นออกมาจากปากบนลานประลอง