Ep.1027 - จ้าวเหนือหัวอันผิง
Ep.1027 - จ้าวเหนือหัวอันผิง
หลังจากยกระดับขึ้นเป็นผู้ใช้พลังเลเวล S เกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ตัดสินความแข็งแกร่งคือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของดารากำลังภายใน
ในการยกระดับ ยิ่งเหนือเลเวล S ขึ้นไป การตัดผ่านในแต่ละขั้นจะยิ่งยากเย็น เหตุผลข้อใหญ่ที่สุดก็คือ ‘ความเหลื่อมล้ำ’ เพราะช่องว่างในแต่ละขั้น มันมีระยะห่างมากเกินไป
ถ้าให้อธิบายก็ประมาณว่า เมื่อผู้ใช้พลังเลเวล S ยกระดับด้วยการฝึกฝนแบบธรรมดา ไม่นานพวกเขาก็จะค้นพบว่า ดารากำลังภายในขนาด 1ซม. ของตน ใช้เวลาไม่นานก็สามารถขยายขนาดขึ้นเป็น 10 ซม. ได้ ซึ่งจุดนี้เทียบเท่ากับผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S9 ในระดับสามัญ
อย่างไรก็ตาม หากคิดตัดผ่านขอบเขตใหญ่ขึ้นเป็นเลเวล SS ดารากำลังภายในของพวกเขา จำเป็นต้องมีขนาดอย่างน้อย 1 เมตร
คิดดูเถิด ช่องว่างนี้กว้างขนาดไหน
ซึ่งผู้ใช้พลังเลเวล SS อันที่จริงก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เพราะการยกระดับในแต่ละขั้นของพวกเขา จริงๆแล้วต้องขยายขนาดดารากำลังภายในมากถึงครั้งละ 10 ซม.
เมื่อไหร่ที่ดารากำลังภายในขยายเป็น 2 เมตรจะเท่ากับว่าความแข็งแกร่งของพวกเขา ได้มาถึงเลเวล SS9 ระดับสามัญ
ยังไงก็ตาม การตัดผ่านขอบเขตใหญ่สู่เลเวล SSS ดารากำลังภายในจำเป็นต้องมีขนาดใหญ่มากถึง 10 เมตร!
หากอ้างอิงตามการคำนวณที่ได้อธิบายมานี้ เท่ากับว่าผู้ใช้วรยทุธโบราณในเลเวล SSS1 จะมีขนาดดารากำลังภายในอยู่ที่ 11 เมตร
ซึ่งเท่ากับว่า ดารากำลังภายในในร่างกายของเส้าตงเฟิง ดวงหนึ่งจะมีปริมาตรอยู่ที่ 700 ลูกบาศก์เมตร
แล้วของฉินเฟิงเล่า? จะใหญ่โตขนาดไหนกัน?
ดารากำลังภายในของเขา ดวงหนึ่งมีปริมาตรอยู่ที่ 523 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมันอาจน้อยกว่าเส้าตงเฟิงก็จริง แต่ฉินเฟิงครอบครองพวกมันมากถึง 9 ดวง นี่ยังไม่นับความบริสุทธิ์ของกำลังภายในอีกนะ
เอาง่ายๆเลยก็คือ ตอนนี้หากเส้าตงเฟิงต้องการให้กำลังภายในของเขาแข็งแกร่งกว่าของฉินเฟิง เขาจะต้องครอบครองดวงดาราอย่างน้อย 7 ดวง แต่คนอย่างเส้าตงเฟิงจะทำได้หรือ?
ไม่ต้องกล่าวถึง 7 ดารากำลังภายใน ข้างในตันเถียนของเส้าตงเฟิง มีดารากำลังภายในเพียงดวงเดียวเท่านั้น
ขนาดอัจฉริยะอย่างหมิงเทียนห่าว ที่ครอบครองดารากำลังภายในมากมาย แต่พอถึงเวลาที่ต้องตัดผ่านเข้าสู่เลเวล SS เขายังต้องหลอมรวมดาราทุกดวงเข้าด้วยกัน เพื่อเหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตต่อไปเลย
ฉะนั้นในส่วนของผู้ใช้พลังในเลเวล SSS คงแทบไม่ต้องอธิบายอีกต่อไป เพราะหากพวกเขาอยากก้าวขึ้นเป็นจ้าวเหนือหัว จำเป็นต้องมีดารากำลังภายในขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 เมตร
ด้วยเหตุนี้ เส้าตงเฟิงที่มาถึงเลเวล SSS จึงไม่มีความคิดที่จะเพิ่มขนาดดารากำลังภายในของเขาอีก ทว่าเบื้องหน้าเขามันอะไร!?
ปรากฏเก้าโคตรดารากำลังภายในลอยล่องอยู่เบื้องหลังฉินเฟิง แม้เขียนว่าข้างหลัง แต่ดาราที่ถูกเรียกออกมา มันมีขนาดใหญ่เกินไป ตอนนี้เลยดูราวกับว่าดาราเหล่านั้น กลายเป็นพื้นรองเท้าให้ฉินเฟิงเหยียบย่ำ
ณ ขณะนี้ ความแข็งแกร่งของเขา มันทำให้เส้าตงเฟิงรู้สึกอึดอัด
“ท่านผู้ใหญ่เส้า ตอนนี้คุณเชื่อรึยัง?”
แม้ปากเอ่ยถามว่าเชื่อไหม แต่ในความเป็นจริง ความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคนี้ คือการจี้ถามว่าเส้าตงเฟิงยังกล้าจะเข้าชิงมิติที่ฉินเฟิงถือครองอยู่หรือไม่?
ซึ่งเอาจริงๆ ในมือฉินเฟิงยังมีอีกหลายมิติที่เขายังไม่ได้ดูดซับ แต่แน่นอนว่าต่อให้ยังเหลือ เขาก็ไม่คิดร่วมมือพัฒนาหรือตกลงแลกเปลี่ยนใดๆกับเส้าตงเฟิงเด็ดขาด
เส้นเลือดบนหน้าผากของเส้าตงเฟิงปูดโปน เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของฉินเฟิง เขาปรารถนาเหลือเกินที่จะบอกว่าไม่เชื่อ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตน
เส้าตงเฟิงเพิ่งตระหนักว่าเขาไปเตะแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว
ยามนี้หากเขาเอ่ยปากว่าไม่เชื่อ แล้วจะทำอะไรได้? ให้บีบบังคับฉินเฟิงหรือ? แล้วตนจะใช้อะไรไปบังคับฉินเฟิงได้ … ความแข็งแกร่ง? ไม่มีทาง ความแข็งแกร่งของเส้าตงเฟิง เกรงว่าจะไม่มากเท่าฉินเฟิง
“ฉันเชื่อ!”
เส้าตงเฟิงกัดฟันกรอด เอ่ยคำๆนี้ออกไปอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ
นี่เท่ากับว่าเส้าตงเฟิงได้ยอมแพ้แล้ว! เขาล้มเลิกที่จะสร้างปัญหาแก่ฉินเฟิง
“โอ้ ในเมื่อท่านผู้ใหญ่เส้าเชื่อคำพูดของผม งั้นผมก็จะไม่อธิบายอะไรอีก ชีวิตยังคงดำเนินต่อไปอีกนานแสนนาน เอาไว้เมื่อไหร่ที่มีโอกาส ไว้พวกเรามาระลึกความหลัง แล้วชนแก้วกันสักครั้ง!”
ในประโยคนี้มีความนัยบางอย่างที่ฉินเฟิงแฝงเข้าไป เพื่อเตือนใจเส้าตงเฟิง ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายข่มเหงผู้ใช้พลังจากมิติเดียวกับฉินเฟิงก่อนหน้านี้ เขาได้สลักมันไว้ในใจแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฉินเฟิงพูดจบ เขาก็ไม่พะวักพะวงกับมันอีก ไม่ว่าจะเขาหรือเส้าตงเฟิง ล้วนเป็นคนของพันธมิตรมนุษย์ ฉินเฟิงยังไม่มีความคิดที่จะต่อสู้ครั้งใหญ่ในเวลานี้
แต่หากมีโอกาสในอนาคต ฉินเฟิงย่อมคว้ามันไว้ ไม่มีทางปล่อยไปแน่
ฉินเฟิงก้าวกลับไปยังประตูมิติแรก ออกจากอวกาศที่มีแต่ซากแผ่นดินใหญ่แห่งนี้
หลงกง , หลี่หยวน และคนอื่นๆเดิมคิดว่าพวกเขาจะได้รับชมการต่อสู้ครั้งใหญ่ ทว่าสิ่งที่พบกลับมีเพียงการอวดโอ้ในพลังอำนาจ เรื่องนี้ทำให้พวกเขาต้องขมวดคิ้ว แต่ขณะเดียวกันถอนหายใจโล่งอก
อย่างไรก็ตาม ตอนแรกที่มีฉินเฟิงอยู่ด้วยพวกเขายังพอรู้สึกสบายใจ แต่เมื่อฉินเฟิงจากไป แล้วปล่อยให้พวกเขาต้องรับหน้ากับเส้าตงเฟิง คนพวกนี้ก็ไม่กล้ารั้งอยู่ รีบแยกย้ายออกจากมิติแห่งนี้ กลับมายังบาร์ในเมือง
เหลือแค่เพียงเส้าตงเฟิง ที่เมื่อไม่มีใครมอง ก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆเขาก็หันไปเห็นศิลามิติ 7 - 8 ก้อนที่เมื่อครู่ฉินเฟิงทิ้งไว้เบื้องหลัง
อีกฝ่ายไม่ได้นำมันกลับไปด้วย
ศิลามิติเหล่านี้ คือตัวเชื่อมมิติที่เป็นรางวัลที่พันธมิตรมนุษย์มอบให้
“ฉันก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี ว่าเขาดูดกลืนมิติทุกดวงแล้วจริงๆ”
เส้าตงเฟิงกวาดมือ เรียกศิลามิติเหล่านั้นเข้าหาเขา อันที่จริงเขาต้องรู้อยู่แล้ว ว่าที่ฉินเฟิงไม่นำศิลามิติเหล่านี้กลับไป เพื่อใช้เป็นหลักฐานแก่เขา
หรือบางที .. ฉินเฟิงจะทำได้อย่างที่พูดจริงๆ
ยังไงก็ช่าง เส้าตงเฟิงไม่พร้อมทำใจเชื่อ เขายังต้องการเห็นมันกับตาตัวเอง
ประตูมิติถูกเปิดออก เส้าตงเฟิงเข้าสู่มิติต่อไป เขาพบว่าทวีปแห่งนี้แตกสลาย ถูกทำลายโดยพลังงานจักรวาลเป็นที่เรียบร้อย ไม่เหลือสภาพของดาวเคราะห์อีกต่อไป พังทลายอย่างสิ้นเชิง
ประตูมิติเปิดขึ้นอีกครั้ง เส้าตงเฟิงเข้าไปตรวจสอบมันต่อ
บานที่สาม สี่ และห้า …
ประตูทั้งแปดบานถูกเปิดในลมหายใจเดียว ในแต่ละมิติ พบว่าทวีปใหญ่หรือดาวเคราะห์ ล้วนพังทลายจนหมดสิ้น
ยิ่งมองฉากตรงหน้ามากเท่าไหร่ ในใจของเส้าตงเฟิงก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
เพราะถ้าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือฉินเฟิงคนเดียว เช่นนั้นในอนาคต อีกฝ่ายจะมีพลังมากถึงขนาดไหน?
หากให้เวลาฉินเฟิงต่อไป หรือปล่อยทรัพยากรตกอยู่ในมือเขา ฉินเฟิงจะสามารถปีนป่ายมาถึงเลเวล SSS หรือไม่? แต่ที่แน่ๆหากถึงเวลานั้น ยังจะมีใครหยุดชายผู้นี้ได้อีก? และเขาที่ทำให้ฉินเฟิงขุ่นเคืองจะไม่โดนล้างแค้นเอาหรอ?
ถึงเวลานั้นต่อให้เขาเป็นเลเวล SSS ก็คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์นั้นได้
หลังจากตกเป็นเป้าหมายของคนที่ไม่สมควรล่วงเกิน เจ้าตัวก็กระสับกระส่าย เริ่มวิตกกังวลและหวาดกลัว
เขาย้อนกลับไปยังเซ็นทรัลซิตี้ทันที
ตริตรองอยู่สักพักหนึ่ง เส้าตงเฟิงก็กัดฟัน แล้วเปิดอุปกรณ์สื่อสาร
ด้านบนสุดช่องสื่อสาร มีรายชื่อพิเศษถูกบันทึกเอาไว้ และนี่เองคือไพ่ใบใหญ่สุดในมือของเส้าตงเฟิง
ท่ามกลางพันธมิตรมนุษย์ ผู้ใช้พลังเลเวล SSS ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย ในขณะที่เรื่องเกี่ยวกับงานประลองเพื่อสันติภาพเป็นอะไรที่สำคัญมาก การที่เส้าตงเฟิงสามารถมีส่วนร่วมได้ ทั้งๆที่ความแข็งแกร่งของเขาเป็นรองคนอื่นๆ เพราะเขามีคนคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนั่นเอง
บนอุปกรณ์สื่อสารของเขา มีหมายเลขติดต่อจ้าวเหนือหัวแห่งพันธมิตรมนุษย์อยู่!
เจ้าของเบอร์ที่ว่าก็คือจ้าวเหนือหัวอันดับ 7 แห่งพันธมิตรมนุษย์ มีชื่อว่าอันผิง คนอื่นๆเรียกคนผู้นี้ว่าจ้าวเหนือหัวอันผิง
เส้าตงเฟิงเป็นคนยุคเดียวกับอีกฝ่าย หากให้อธิบายแบบละเอียดยิ่งขึ้น เส้าตงเฟิงเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันคนๆนี้ เมื่อครั้งวัยเยาว์ที่อีกฝ่ายอ่อนแอ เป็นเส้าตงเฟิงที่เคยก้าวเข้ามาช่วยเหลือ
แต่ปัจจุบัน อันผิงสามารถยกระดับขึ้นเป็นจ้าวเหนือหัวได้แล้ว สุนัขอย่างเส้าตงเฟิงเลยพลอยได้ไต่เต้าสู่สวรรค์ไปด้วย ได้รับผลประโยชน์มหาศาล
เส้าตงเฟิงตระหนักว่าเวลานี้ตนวางหมากพลาด เลยทำได้เพียงติดต่ออันผิง
เขาต้องการกำจัดฉินเฟิง ก่อนที่จะเกิดเรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้
บนอุปกรณ์สื่อสาร ใบหน้าของจ้าวเหนือหัวอันผิงดูธรรมดามาก การแต่งกายก็ธรรมดา ดูเหมือนเป็นแค่บุคคลทั่วไป
“เพราะงั้นก็เลยอยากให้ฉันลงมือ กำจัดแชมป์งานประลองเพื่อสันติภาพที่ทำผลงานครั้งใหญ่แก่พันธมิตรมนุษย์?”
เส้าตงเฟิงทราบดีว่าคำขอร้องในครั้งนี้ของเขาเกินเลยไปหน่อย “แต่เจ้าเด็กนั่น ถ้ามันเติบโตไปมากกว่านี้ ถึงเวลานั้นมันอาจคุกคามตำแหน่งของนายด้วยนะ ทำไมเราไม่ขจัดปัญหาก่อนที่มันจะเกิดล่ะ?”
จ้าวเหนือหัวอันผิงกล่าวว่า “ฉันขอถามนายอีกครั้ง แน่ใจใช่ไหมว่าต้องการให้ฉันเคลื่อนไหวจริงๆ? งั้นถ้าจบเรื่องนี้ มิตรภาพ … บุญคุณในครั้งอดีตถือว่าเป็นอันหักลบกลบล้างต่อกัน!”
ตลอดหลายปีมานี้ อันผิงได้มอบหลายสิ่งหลายอย่างแก่เส้าตงเฟิง
และยิ่งนาน อีกฝ่ายก็ยิ่งได้รับเพิ่มขึ้น เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนมากเกินพอแล้ว
“อันผิง นี่นาย … เรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้ ทำไมต้องพูดถึงขนาดนั้น …”
“ถ้านายคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย งั้นก็แก้ไขซะเองเลยสิ!” อันผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา