ตอนที่แล้วEp.1025 - ภัยคุกคามจากเลเวล SS
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1027 - จ้าวเหนือหัวอันผิง

Ep.1026 - ความแข็งแกร่งคือเหตุผล


Ep.1026 - ความแข็งแกร่งคือเหตุผล

เส้าตงเฟิงจับจ้องฉินเฟิงไม่วางตา

คนรอบข้างเองก็มองฉินเฟิงเป็นสายตาเดียว

สำหรับหลายคนในที่นี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ใช้พลังเลเวล SSS มาก่อน แต่พวกเขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเลเวล SSS

แต่ตอนนี้ เส้าตงเฟิงกำลังมุ่งเป้ามายังพวกเขา หลายคนภายในบาร์ นั่งอุดอู้อยู่ที่นี่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเป็นเวลาเกือบ 7 วันแล้ว

“ว่าอย่างไร? หรือท่านเส้าไม่ต้องการมิติเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว?” ฉินเฟิงกระชากสติเส้าตงเฟิงที่กำลังอยู่ในภวังค์

จุดประสงค์ในตอนแรกของเส้าตงเฟิง  บางทีอาจแค่จับเสือมือเปล่า แม้ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงจะไม่เลว แต่สุดท้ายอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ใช้พลังเลเวล S9 เหมือนผู้ประลองคนอื่นๆ ดังนั้นหยิบยื่นเม็ดยาให้ เผื่อว่าฉินเฟิงมีโอกาสรอดกลับมา ซึ่งหลังฤทธิ์ยาสลายก็จะกลายเป็นคนไม่สมประกอบ ถึงเวลานั้นเส้าตงเฟิงก็สามารถยึดมิติรางวัลของฉินเฟิงมาอย่างไม่เปลืองแรง

แต่ไม่รู้ว่าฉินเฟิงเป็นบ้าอะไร อีกฝ่ายไม่เพียงไม่ยอมเข้าร่วมแผนการของเส้าตงเฟิง แต่กลับสามารถสังหารนักพรตมารได้ ผลลัพธ์หลังจบงานประลองคือได้ครอบครองมิติมากถึง 17 แห่ง เรื่องนี้ปลุกปีศาจร้ายจอมละโมบในใจของเส้าตงเฟิง ปรารถนาปล้นชิงทรัพยากรจากฉินเฟิง

และตอนนี้ แผนการของเขา ขั้นแรกนับว่าสำเร็จแล้ว เพราะฉินเฟิงที่หายหัวไปนาน กลับมาตามที่เขาต้องการจริงๆ

เพียงแต่ว่าพอได้ยินคำกล่าวของฉินเฟิง แม้ไม่เชื่อถือ แต่ลึกลงไปในใจเส้าตงเฟิงรู้สึกไม่สบายใจ

อารมณ์ในแง่ลบเช่นนั้น เส้าตงเฟิงเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

“ต่อให้เจ้าเล่นเล่ห์กล ก็อย่าหวังจะทำอะไรฉันได้!” เส้าตงเฟิงแสยะยิ้มเย็นชา เปิดประตูมิติ ก้าวเข้าไปข้างใน

ฉินเฟิงส่งเสียงฮึในลำคอคำหนึ่ง กวาดตามองดูคนอื่นๆ

“พวกคุณไม่ได้บอกที่ตั้งมิติของพวกเรากับเส้าตงเฟิงไปใช่ไหม?” ฉินเฟิงถาม

หลงกงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่รู้ความสำคัญ จะให้พวกเราบอกไปได้อย่างไร?”

อย่างไรก็ตาม ทางด้านชิน นากาว่า เธอไม่พอใจมาก เดิมก็มองฉินเฟิงไม่ดีอยู่แล้ว อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากตำหนิ “ฉินเฟิง! คุณมันก็แค่ต้องการเป็นจุดสนใจ ตอนนี้คงสมหวังแล้วสิ มีคนมาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน แต่คุณกลับไม่ยอมคายสิ่งที่เขาต้องการออกมา แถมยังสร้างปัญหาเดือดร้อนให้พวกเราอีก!”

ฉินเฟิงยิ้มเยาะ “งั้นก็ต้องทำแบบคุณใช่ไหม? อดทนใช้ชีวิตไปวันๆไม่คิดเสาะแสวงหาความแข็งแกร่งอีก ไม่เคยนึกเลยหรือ ว่าต่อจากนี้ วันใดวันหนึ่งมิติของพวกเราอาจดับสูญลง ไม่ก็ถูกผู้ใช้พลังคนอื่นๆเข้ายึดครอง ถึงเวลานั้นมนุษย์ทุกคนบนโลกเราอาจถูกส่งไปอยู่ในมิติอื่นที่เลวร้ายยิ่งกว่า และต้องเฝ้าทนทำงานหนัก แบบนั้นมันจะดีจริงๆหรือ?”

“เถียงเก่งเหลือเกินนะ!”

หลี่หยวนไม่สามารถทนดูอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป เขาเป็นตระกูลเดียวที่สามารถถือกำเนิดผู้ใช้พลังเลเวล SSS ทำให้ตัวเขาทราบดีว่าผู้ใช้พลังเลเวล SSS มันหมายถึงอะไร

ด้วยพรสวรรค์ของฉินเฟิง หากตั้งใจฝึกฝนอีกหลายปี เขาอาจสามารถไปเหยียบย่างในขอบเขตเลเวล SSS ได้จริงๆ

เมื่อถึงเวลานั้น มิติโลกของพวกเขาก็จะปลอดภัย

ถึงแม้เลเวล SSS ในอนาคตผู้นี้จะไม่ได้มาจากตระกูลหลี่ แต่หลี่หยวนตระหนักดี ว่าหากปากถูกต่อยมันจักกระเทือนถึงฟัน ถ้าฉินเฟิงต้องเผชิญกับปัญหาร้ายแรงในตอนนี้ คนอื่นๆคงพลอยโดนลูกหลง แถมยังได้รับผลกระทบยิ่งกว่า ไม่มีใครสามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยได้

หลี่หยวนตำหนิด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูลึกล้ำ “เถียงเก่งไปก็เท่านั้นฉินเฟิง เพราะคำพูดของผู้แข็งแกร่งนั่นแหละคือเหตุผล! ความแข็งแกร่งถือเป็นที่สุด! หากเส้าตงเฟิงต้องการครอบครองมิติรางวัล หรือไม่อยากแบ่งปันทรัพยากรใดๆเลยให้แก่คุณ คุณก็แค่รายงานเรื่องนี้กับทางพันธมิตรมนุษย์โดยตรง ส่วนตัวฉันพอรู้จักเลเวล SSS อยู่บ้าง ขอแค่แบ่งปันผลประโยชน์ให้พวกเขา ถึงเวลาพวกเขาจะออกหน้าให้คุณเอง”

“ถ้าทำแบบนั้น แล้วมันจะต่างอะไรกับตอนนี้?” ฉินเฟิงมองไปที่คนเหล่านั้น แน่นอนเขาทราบดี ว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่แข็งแกร่ง จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากใช้วิธีที่กล่าวมา

“ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดีกว่าถูกเส้าตงเฟิงเอาเปรียบ!” ยารุสตวาดด้วยความไม่พอใจ เขาเพิ่งยกระดับขึ้นเป็นเลเวล SS นี่สมควรเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด แม้ทั่วทั้งพันธมิตรมนุษย์ตัวเขาจะถือว่าธรรมดา ไม่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อผู้แข็งแกร่ง แต่อย่างน้อยเขาสามารถบอกลาสถานะต่ำสุดได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ความเป็นจริงกลับตบหน้าเขาอย่างโหดเหี้ยม

สีหน้าของฉินเฟิงแสดงออกจริงจังหนักแน่น ไม่ลังเลเหมือนฝูงชนตรงหน้า เขาเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตน

“ผมเห็นด้วยนะ ว่าคำพูดของผู้แข็งแกร่ง นั่นแหละคือเหตุผล!”

สิ้นประโยคนี้ ฉินเฟิงก็เริ่มเคลื่อนไหว ก้าวยาวๆเข้าไปในประตูมิติ

ทุกคนตกตะลึง

“ฉินเฟิงคิดจะทำอะไร?”

“อย่า- อย่าบอกนะว่าเขาต้องการที่จะ ….”

ทุกคนในบาร์รู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อเกินกว่าจะรับไหว หากฉินเฟิงลงมืออย่างที่พวกเขาคิดจริงๆ เกรงว่าคงบ้าบิ่นเกินไป

ช่วงเวลานี้ หลงกงก้าวออกมา เดินเข้าไปในรอยแยกมิติเช่นกัน

คนอื่นๆตกใจ แต่ต่อมา หลี่หยวนก็ก้าวตามเข้าไปข้างในเช่นกัน

ถึงคราวนี้ คนอื่นๆก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ในเมื่อมิอาจคาดเดาว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น งั้นไปดูกับตาตัวเองเลยมันจะไม่ดีกว่าหรือ?

...

ฉินเฟิงสนทนากับผู้คนภายในบาร์ราวๆ 2 - 3 นาที ถึงค่อยก้าวเข้าสู่ประตูมิติ

ระหว่างนั้นเส้าตงเฟิงที่เข้ามาเป็นคนแรก กำลังยืนนิ่งงันอยู่กลางอวกาศ จ้องมองไปยังมิติที่แหลกสลายด้วยความงุนงน ช่วงเวลานั้นเอง ฉินเฟิงค่อยปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าเส้าตงเฟิง

ท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่า ปรากฏแผ่นดินที่แตกสลายนับไม่ถ้วนลอยอยู่ นอกจากนี้ยังมีพลังงานอันรุนแรงของจักรวาลที่สามารถรุกล้ำเข้าไปได้โดยไม่มีอุปสรรคใด

และพลังงานนี้ เกรงว่าใช้เวลาไม่นาน มันคงทำลายล้างแผ่นดินใหญ่เบื้องหน้านี้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน กลับคืนสู่สภาพเดิมกลายเป็นอักษรรูน จากนั้นลอยล่องไปรวมกับมิติอื่นๆ

ณ จุดนี้ หมายความว่าไม่เหลืออะไรเลย นี่คือมิติรางวัลจริงๆน่ะหรือ? ถ้าใช่ หมายความว่ามันไม่อาจใช้ฉกฉวยผลประโยชน์ได้อีกต่อไป

เส้าตงเฟิงหันมองฉินเฟิงที่ยังหน้าด้านหน้าทนกล้าเข้ามา ทันใดนั้นดวงตาของเขาลุกเป็นไฟด้วยความเดือดดาล

“ฉินเฟิง!!! เจ้ากล้าดียังไงถึงทำลายมิตินี้!”

“ที่บอกว่าทำลายหมายความว่ายังไง? ที่ผมทำก็แค่ดูดซับแกนกลางของมิติเท่านั้น การยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกหรือ? ยังไงก็ไม่มีมนุษย์คนอื่นอาศัยอยู่ในมิตินี้อยู่แล้ว ฉะนั้นจะปล่อยให้เสียของ ไม่ดูดซับมันได้อย่างไร?”

พันธมิตรมนุษย์ไม่สามารถกลืนกินมิติที่มีเผ่าพันธมิตรมนุษย์อาศัยอยู่ตามอำเภอใจได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามิติอื่นๆพวกเขาจะไม่สามารถดูดซับพลังงานของพวกมัน ยิ่งเป็นมิติไร้ค่าเช่นนี้ คงไม่ต้องกล่าวถึง

สำหรับเส้าตงเฟิง ฉินเฟิงจะกลืนกินมันก็ทำไป แต่อย่างน้อยเขาต้องได้ส่วนแบ่งของชิ้นเค้กบ้าง แต่นี่ฉินเฟิงเล่นกินมันทั้งหมดคนเดียว นั่นเท่ากับล่วงล้ำผลประโยชน์ของเขา

แล้วแบบนี้จะให้เส้าตงเฟิงทนได้อย่างไร?

“แล้วมิติอื่นๆเล่า?”

“พวกมันก็ถูกกลืนกินไปหมดแล้ว คุณอยากตรวจสอบด้วยตาตัวเองอีกไหม?” ฉินเฟิงเย้ยหยัน ขว้างศิลามิติ 7 - 8 ก้อนไปในอากาศ ตัวเชื่อมมิติถูกเปิดใช้งาน กลายเป็นประตูมิติทันที และทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นมิติที่ถูกทำลายโดยทักษะลับกลืนดาราของฉินเฟิง

เส้าตงเฟิงจับสังเกตท่าทีของฉินเฟิง แม้แทบไม่อยากจะเชื่อ แต่ในใจกลับเกิดความคิดอันน่าหวาดกลัวว่ามิติเหล่านั้นอาจสลายไปแล้วจริงๆ

“เป็นไปไม่ได้!” ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ แต่เส้าตงเฟิงไม่ยอมรับ เขาไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด

เพราะฉินเฟิงเพิ่งหายไปแค่เดือนเดียว แล้วเขาจะทำแบบนั้นได้อย่างไร?

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อท่านผู้ใหญ่เส้าไม่อยากเชื่อ งั้นผมจะพิสูจน์ให้เห็นเอง!”

เพียงสิ้นเสียง จู่ๆดวงดาราขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นเบื้องหลังฉินเฟิง

ดารานี้บริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ที่ติ มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากหยกขาวที่เกิดขึ้นจากกำลังภายในของดาวดวงอื่นๆ ต้องทราบนะว่า พลังงานฟ้าดินไม่มีสี ดังนั้น กำลังภายในที่เกิดจากการฝึกฝนโดยการดูดซับพลังงานจากฟ้าดิน ในความเป็นจริงแล้วมันควรโปร่งแสงและไม่มีสีสันเช่นกัน เพียงแต่ว่าภายในจิตวิญญาณฟ้าดิน มันย่อมมีสิ่งปนเปื้อน เฉกเช่นเดียวกับพลังงานจักรวาล ที่หลังจากดูดซับมา มันจะค่อยๆเปลี่ยนสีไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อดวงดาราของฉินเฟิงปรากฏออกมา มันกลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่านี่เป็นพลังสะอาดบริสุทธิ์ที่สุด ขณะเดียวกันเปี่ยมล้นไปด้วยแรงกดดัน

ด้วยพลังงานที่บริสุทธิ์เช่นนี้ ยามถูกใช้งาน ในกรณีที่คนอื่นๆใช้กระบวนท่าวรยุทธและปริมาณกำลังภายในเท่ากัน อำนาจโจมตีของฉินเฟิงจะรุนแรงกว่าถึง 5 เท่า!

แต่นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด!

เบื้องหลังฉินเฟิง ดวงดาราอีกดวงหนึ่งค่อยๆปรากฏขึ้น

เส้นผ่านศูนย์กลางของดวงดารามีขนาด 10 เมตร เทียบเท่ากับแกนกลางของมิติระดับต่ำ นับว่าเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้พบเห็นตกตะลึง แต่ประเด็นก็คือ ปัจจุบันนี้ ดาราที่ปรากฏขึ้น กลับมีมากถึง 9 ดวงอย่างไม่คาดฝัน พวกมันปลดปล่อยแรงกดดันออกมาอย่างรุนแรง

สายตาของฉินเฟิง เบนตกลงบนร่างของเส้าตงเฟิง

“ท่านผู้ใหญ่เส้า ถ้าผมจำไม่ผิด ดูเหมือนว่าคุณจะมีความแข็งแกร่งแค่ในเลเวล SSS1 ใช่ไหม?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด