ตอนที่แล้ว162 - หวนคืนอดีต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป164 - แข่งกับเวลา

163 - แก้ไขเรื่องทุกอย่าง


163 - แก้ไขเรื่องทุกอย่าง

หมู่บ้านตั้งอยู่ครึ่งทางบนเนินเขา มีประชากรประมาณสามร้อยครอบครัว ด้านล่างของหมู่บ้านเป็นถนนสาธารณะที่เชื่อมกับอีกสองมณฑลทางตะวันตกของแคว้นผิงซี

เนื่องจากไม่มีเมืองใหญ่อยู่อีกฟากหนึ่งของถนนสายนี้ จึงมีคาราวานและคนเดินถนนจำนวนน้อยกว่าปกติมาก

ดังนั้นหมู่บ้านและเมืองทางตะวันตกของเมืองผิงซีจึงมีความเจริญน้อยกว่าทุกที่ในเมืองอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเทียบกับหมู่บ้านและเมืองทางตะวันออกและทางใต้ หมู่บ้านนี้จึงมีความยากจนข้นแค้นจนไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ในเมืองหลวงของมณฑล

หมู่บ้านอู๋หยางไม่เพียงแต่ยากจนกว่าที่อื่นๆ แต่ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของสุสานอนาถาอีกด้วย

มันเป็นเรื่องที่ไม่เป็นมงคลเกินไปเนื่องจากหลุมฝังศพที่ใหญ่ที่สุดของเมืองผิงซีตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของเนินเขาที่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านอู๋หยาง

ศพนิรนามซึ่งเสียชีวิตจากสาเหตุหลายประการในบริเวณรอบๆเมืองผิงซี มักจะถูกลากมาฝังที่นี่เป็นประจำ

ใครในโลกนี้ที่อยากจะนอนอยู่ข้างสุสานขนาดใหญ่? ดังนั้นคนที่มีความสามารถในการหาเงินก็มักจะออกจากหมู่บ้านแห่งนี้และไม่กลับมาอีก

นอกจากเอี้ยนลี่เฉียงแล้ว ยังไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดเอี้ยนลี่เฉียงจึงเลือกมาที่นี่

เมื่อมาถึงหมู่บ้านอู๋หยางท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

มีโรงเตี๊ยมขนาดเล็กและร้านอาหารสองแห่งในหมู่บ้านอู๋หยางใกล้กับถนนสาธารณะ เอี้ยนลี่เฉียงได้ห้องพักในโรงแรมขนาดเล็กแห่งหนึ่งและพักอยู่ที่นั่น

หลังจากนั่งลง เขาก็ทานอาหารแบบสบายๆที่โรงเตี๊ยมและเรียกผู้รับใช้มาถาม

“ให้ข้าช่วยยังไงขอรับนาย”

“แถวๆนี้มีบ้านว่างหรือเปล่า”

"แน่นอน ทั้งให้เช่าและขาย!"

“ถ้าอย่างนั้น หานายหน้าให้ข้า แล้วให้เขานำทางข้าไปดูบ้านในบ่ายวันพรุ่งนี้!” เอี้ยนลี่เฉียงบอกกับผู้รับใช้พร้อมกับวางเศษเงินใส่มือเขาประมาณ 20 เหรียญทองแดง

เด็กรับใช้คนนั้นยิ้มออกมาพร้อมกับตบหน้าอกของตัวเอง

“ไม่มีปัญหา แต่ทำไมนายท่านถึงต้องการจะซื้อบ้านในหมู่บ้าอู๋หยางหรือขอรับ ที่นี่ไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น!”

"ที่นี่เงียบสงบและค่าครองชีพต่ำ!" เอี้ยนลี่เฉียงมีสีหน้าจริงจัง

“บอกตามตรง พรุ่งนี้ข้าจะไปรายงานตัวที่สถาบันศิลปะการต่อสู้ของแคว้นผิงซีและข้าจะอาศัยอยู่ที่นั่นถึงหกปี ค่าครองชีพรวมถึงของใช้ประจำวันในเมืองนั้นแพงกว่ามากเมื่อเทียบกับข้างนอก หากจะอาศัยอยู่ในระยะยาวข้าก็ต้องรู้จักประหยัดเงิน!”

“อ๊ะ ข้าต้องขออภัยท่านด้วยนายท่าน ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของสถาบันการต่อสู้ของแคว้นจึงอาจใช้คำพูดลบหลู่ท่านไป!” เด็กรับใช้คนนั้นรีบขอโทษเอี้ยนลี่เฉียง

แต่สีหน้าของเขาไม่ได้มีความแปลกใจอะไรเมื่อได้ยินว่าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นลูกศิษย์ของสถาบันศิลปะการต่อสู้

ในพื้นที่ชนบทของมณฑลต่างๆภายในแคว้นผิงซีการหานักเรียนจากสถาบันศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตามในเมืองผิงซี เป็นเรื่องปกติมากที่จะเดินสวนกันกับนักเรียนของสถาบันศิลปะการต่อสู้อยู่เป็นประจำ

“พูดตามตรง นายท่านคิดถูกแล้วที่จะเลือกหมู่บ้านอู๋หยาง เพราะว่าหมู่บ้านนี้ถือได้ว่ามีค่าครองชีพถูกที่สุดของเมืองแล้ว!

นักเรียนจากสถาบันศิลปะการต่อสู้เคยเช่าที่นี่อาศัยอยู่ไม่น้อยเพราะที่นี่ถูกกว่าที่จะอาศัยอยู่ในระยะยาว นอกจากการเดินทางไกลซึ่งต้องใช้ความอดทนบ้าง ที่นี่ก็ถือว่าดีทุกอย่าง!”

“ใช่ นั่นคือสิ่งที่ข้ากำลังคิด!”

...

หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเอี้ยนลี่เฉียงก็ฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นสี่รอบในห้องของเขาก่อนที่เขาจะนอนหลับ

ความคิดไม่รู้จบของเอี้ยนลี่เฉียงวิ่งวนอยู่ในสมองของเขาราวกับคลื่นกระแสน้ำ มันทำให้เขาพลิกตัวไปมาบนเตียง ก่อนจะหลับไหลไปอย่างยากลำบาก

แต่ในคืนนั้นการนอนของเอี้ยนลี่เฉียงก็ถูกรบกวนโดยความฝันของเขา เขามีความฝันที่แปลกประหลาดซึ่งมีเรื่องราวมากมายหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเขาราวกับภาพนิมิต

เขาฝันว่าหินในใจเขาถูกเรียกว่าศิลาสวรรค์ และพื้นที่ที่เขาเข้าไปถูกเรียกว่าอาณาจักรสวรรค์

ภายในอาณาจักรสวรรค์มีโลกและจักรวาลคู่ขนานนับไม่ถ้วนควบคู่ไปกับความเป็นจริง

เมื่อเขาสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองมากพอในที่สุดเขาก็จะสามารถเดินทางผ่านสองโลก ทั้งในชีวิตที่กำลังศึกษาอยู่ในนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งโลกที่เขาอยู่ตอนนี้ด้วย

...

เอี้ยนลี่เฉียงตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เขานอนอยู่บนเตียงและใช้เวลานานในการทบทวนความฝันที่แปลกประหลาดเหล่านั้น เขาไม่แน่ใจว่าความฝันเหล่านั้นเป็นจริงหรือเป็นเพียงจินตนาการที่เกิดจากการจิตใต้สำนึกของเขาเอง

หลังจากนั้นเอี้ยนลี่เฉียงเพียงแค่ลุกขึ้นและอาบน้ำหลังจากรับประทานอาหารเช้าเขาก็ฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นอีกครั้ง

เมื่อแน่ใจว่าสมาธิของตัวเองขึ้นสู่ระดับสูงสุดแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงจึงออกจากโรงเตี๊ยมของหมู่บ้านอู๋หยาง เขาซื้อซาลาเปานึ่งสองชิ้นที่ริมถนนและเดินไปที่ประตูเมืองทางทิศตะวันตกพร้อมกับรับประทานซาลาเปาไปด้วย

เอี้ยนลี่เฉียงเข้าสู่เมืองผิงซีหลังจากจ่ายค่าธรรมเนียม 2 เหรียญทองแดง จากนั้นเขาก็เดินต่อไปจนกระทั่งถึงสถาบันศิลปะการต่อสู้ที่ตั้งอยู่บนภูเขาพันวาในเมืองผิงซี

นักเรียนมากมายต่างกำลังเข้าแถวเพื่อรายงานตัว เอี้ยนลี่เฉียงจึงเดินไปต่อที่ท้ายแถว

เนื่องจากเอี้ยนลี่เฉียงมาถึงเร็วกว่า 'ครั้งสุดท้าย' ที่สือฉางเฟิงส่งเขามาที่นี่เขาจึงพบเห็นนักเรียนมากมายซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับเขา

อย่างไรก็ตามขั้นตอนยังคงเหมือนเดิม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

เอี้ยนลี่เฉียงรายงานชื่อของเขาและได้รับการยืนยันตัวตนพร้อมกับประทับลายนิ้วมือ และในที่สุดเขาก็ได้รับบัตรประจำตัวนักเรียน ดังนั้นการรายงานตัวของเขาจึงเสร็จสมบูรณ์

เมื่อเขาหันกลับมาและกำลังจะจากไป จู่ๆก็มีคนเดินเข้ามาในสายตาของเขา ฉีตงไหล!

ฉีตงไหลมาเพื่อรายงานตัวด้วย แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะพบ เอี้ยนลี่เฉียงที่นี่

การแสดงออกบนใบหน้าของเขาแข็งทื่อเล็กน้อย ฉีตงไหลรีบเดินออกไปให้พ้นสายตาของเอี้ยนลี่เฉียง

ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันมากนักและเดินผ่านกันราวกับว่าพวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ...

เอี้ยนลี่เฉียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับตัวเองไม่ให้ลงมือสังหารฉีตงไหล

ครั้งแรกที่ฉีตงไหลทรยศต่อเอี้ยนลี่เฉียงคือร่วมมือกับตากูลหงหลังจากการทรยศครั้งนั้นเขาก็ไม่ได้เอาเรื่องฉีตงไหล เขาคิดว่าฉีตงไหลควรจะสำนึกแล้ว

แต่เอี้ยนลี่เฉียงไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าฉีตงไหลจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหนุ่มแห่งตระกูลหวังในเมืองหวงหลง หวังฮ่าวเฟยคนนั้นนั่นเอง

ถ้าไม่ใช่เพราะฉีตงไหลที่ให้ข้อมูลกับหวังฮ่าวเฟยพ่อของเขาจะไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเย่เซียวเมื่อมาเยี่ยมเขาในเวลานั้น บางทีเขาอาจจะไม่ได้หุนหันพลันแล่นและหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายหลังสามารถหลีกเลี่ยงได้...

ดังนั้นฉีตงไหลจะไม่สามารถรอดพ้นความตายไปได้ในครั้งนี้

โชคร้ายที่ชีวิตที่แล้วถึงเขาจะฆ่าเย่เซียวและหวังฮ่าวเฟยได้ แต่กลับปล่อยให้ฉีตงไหลมีรอดไปในที่สุด ดังนั้นเขาจะไม่ทำพลาดในเรื่องนี้อีก

...

หลังจากรายงานตัวที่สถาบันศิลปะการต่อสู้แล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็ซื้อของใช้จำเป็นประจำวันในเมืองผิงซี และจ้างรถม้าเพื่อขนสิ่งของทั้งหมดของเขากลับไปยังหมู่บ้านอู๋หยาง

หลังจากที่พบปะกับนายหน้าแล้วเอี้ยนลี่เฉียงก็เลือกเช่าบ้านแห่งหนึ่งในระยะยาว 6 ปี

บ้านที่เขาเลือกมาพร้อมกับลานภายในซึ่งมีเนื้อที่ประมาณหนึ่งมู่ มันอยู่ห่างออกไปเกือบจะนอกอู๋หยาง ครอบครัวที่เคยเป็นเจ้าของบ้านนี้พอจะมีเงินดังนั้นพวกเขาจึงย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองผิงซีหมดแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด