[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 40 ท้าทายหยวนเค่อ
ตอนที่ 40 ท้าทายหยวนเค่อ
ที่สี่แยกถนนถู่จ้าตัดถนนฟู่หยวน หยวนเค่อและพี่สาม นำกำลังคนหลายสิบคนไปที่หน้าประตูโกดังแห่งหนึ่ง
“หลีกทางไป” พี่สามตะโกนใส่ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขา
“เดี๋ยวก่อน” หยวนเค่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นโบกมือทันทีเพื่อหยุดเขาแล้วพูดว่า “แมวแก่มันเอาแน่เอานอนไม่ได้ กดดันมันมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็น พี่สาม เรียกทีมเข้ามา…” ได้ยินคำสั่งของหยวนเค่อ พี่สามก็เดินออกไปพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นโทรทันที ขณะที่ลูกน้องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตำรวจ เข้าล้อมโกดังโดยรอบ
แมวแก่ก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกัน เขาให้จับตาดูความเคลื่อนไหวภายนอกตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงรู้อย่างรวดเร็ว ว่าหยวนเค่อและพวกเตรียมบุกเข้ามา
ภายในโกดัง
เพื่อนที่ช่วยซ่อนฉีหลินดูตื่นตระหนกเล็กน้อยและพูดกับแมวแก่ว่า “พวกมันรู้แล้ว จะทำอย่างไรดีล่ะ?”
บนเตียงไม้โทรมๆ ฉีหลินเอามือกุมท้อง และยันตัวเองลุกขึ้นให้นั่งตัวตรง และตะโกนใส่แมวแก่ด้วยใบหน้าซีดเซียว “พี่ชาย นายช่วยฉันมาถึงนี่ ฉัน...สภาพฉันแบบนี้ ฉันจะไม่ถ่วงนายแล้ว...นายปกป้องน้องสาวและแม่ของฉันด้วย ฉันจะออกไปเอง”
“เรามาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมนายยังพูดพล่อยๆ อีกวะ?” แมวแก่ต่อว่าอย่างไม่อดทน “อยู่เฉยๆ เหอะ ฉันจะออกไปข้างนอกเพื่อเล่นกับไอ้หยวนเค่อมัน”
“แมวแก่!” ฉีหลินตะโกนทั้งน้ำตา “ฉันเป็นหนี้นายมากเกินไปแล้ว ฉันไม่รู้จะตอบแทนนายได้ยังไง”
แมวแก่หันกลับไปมองที่ฉีหลิน “ฉันเป็นมือปราบแห่งกองกำกับการตำรวจ และนายก็เป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันมี...นายไปแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะด่าใครละวะ?”
ฉีหลินพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงเช่นนั้น
“อย่าออกไปนะทั้งสองคน” หลังจากแมวแก่พูดจบ เขาก็เดินออกไปเพียงลำพัง
……
สองนาทีต่อมา ประตูเหล็กของโกดังถูกผลักเปิดออก แมวแก่คาบบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในปาก เขาหันกลับมามองหยวนเค่อและคนอื่นๆ ที่ด้านล่างของบันไดแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ ไอ้เวร ถ้าพวกนายมีประสิทธิภาพในการสืบสวนคดีนี้ ฟ้าของซงเจียงคงมีสีครามและดวงอาทิตย์สีขาวสดใสแล้ว”
หยวนเค่ออึ้งในคำเสียดสีของแมวแก่ไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตอบพร้อมกับมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าของเขา
“แมวแก่ ฉีหลินอยู่ในนั้นหรือเปล่า?”
“ใช่” แมวแก่รู้ว่า ในเวลานี้ โกหกไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงยอมรับมันตรงๆ
“เอาล่ะ ถ้านายพูดตรง ฉันก็จะพูดตรงด้วย” หยวนเค่อมองไปที่แมวแก่แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา
“เรื่องของฉีหลินมีความซับซ้อนมากตอนนี้ มีแผนกการแพทย์ กรมตำรวจ และ…”
“อย่าพูดมากเลยว่ะ พูดมาสั้นๆ ไม่ได้เหรอ? คุณคิดว่าฉีหลินเป็นไอ้ขี้แพ้เหรอ? คุณรังแกคนเหมือนเขาเป็นหมา แต่ใครจะรู้ หลังจากคุณเตะมันสองครั้ง ถึงจะรู้ว่ามันเป็นสิงโต พวกแม่ง ไม่แสร้งทำเป็นเข้าใจ ปล่อยแม้กระทั่งให้พวกแก๊งมาฆ่าเขา และคุณยังเริ่มใช้อำนาจนอกระบบเพื่อพูดคุยกับผู้คนด้วย ใช่ไหม?” แมวแก่อัดบุหรี่เฮือกหนึ่งแล้วพูดต่อด้วยดวงตาเป็นประกาย “ฉันจะบอกคุณสองอย่าง อย่างแรก ฉันถามฉีหลินแล้ว เขาไม่มีสิ่งที่คุณต้องการ อย่างที่สอง ไม่ว่าคุณจะมีจุดประสงค์อะไร ฉันไม่ให้คุณแตะเขาได้อย่างแน่นอน แม้ว่าฉีหลินต้องการดำเนินคดีทางกฎหมาย คุณก็ต้องหลีกเลี่ยงมัน”
หยวนเค่อขมวดคิ้วมองดูแมวแก่ หลังจากเงียบไปนาน เขาพูดว่า “นายรู้ไหมว่าฉันกำลังพูดกับนายแบบนี้?
ทำเพื่อรักษาหน้าใคร?”
“ฉันไม่ได้โง่ แน่นอน ฉันรู้ว่าคุณกำลังพยายามรักษาหน้าของเฒ่าหลี่!” แมวแก่ขมวดคิ้ว เขาตอบโดยไม่รู้สึกขายหน้า “แต่คุณเห็นไหมว่าสิ่งต่างๆ มันช่างเป็นเพียงเรื่องบังเอิญดีแท้ เฒ่าหลี่ไม่เพียงแต่เป็นญาติของฉันเท่านั้น แต่ยังใจดีกับฉันมากอีกด้วย แต่วันนี้ฉันจงใจขัดคอกับเขา เลยอยากถามว่าคุณโกรธไหม?”
“เจ้าแมวแก่ แกมันกะโหลกมีแต่น้ำหรือเปล่าหา?” พี่สามต่อว่าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “แกกำลังสร้างปัญหาให้กับเฒ่าหลี่!”
เมื่อได้ยินเสียงแมวแก่ก็ระเบิดขึ้น กระโดดขึ้นมาเหมือนคนปากร้ายและพูดทิ่มแทงพี่สามอย่างไม่ยั้งมือ “แกรู้ตัวหรือเปล่าว่า แกเป็นแค่ไอ้หอกอันหนึ่ง!? นี่เป็นการคุยกันระหว่างคนมีชาติตระกูล ทำไมแกคิดว่าไอ้กระจอกอย่างแก ใหญ่พอที่จะเข้าร่วมวงคุยวะ?! เชื่อหรือไม่ก็ตาม จากนี้ไปฉันจะทำงานโดยไม่ใส่ใจใคร และจะกระทืบเท้าแกไปตลอดโดยไม่มีใครสังเกตเห็นฉันแม้แต่นิดเดียว!”
“แก...แกมันโคตรบ้า...!” พี่สามรู้สึกสำลักและพูดต่อไม่ออกเมื่อได้ปะทะคารม และพบว่าแมวแก่เลวร้ายบ้าบิ่นกว่าเขามากนัก
แมวแก่ถอนสายตาจากพี่สามหันไปพูดกับหยวนเค่อ “มันจะดีมากถ้าไม่ตัดสินคนเราอย่างเด็ดขาด ท้องฟ้ามีดาวมากมาย คุณไม่รู้หรอกว่าดาวดวงไหนจะสว่างที่สุดพรุ่งนี้? ความเมตตาและให้อภัยยังเป็นสิ่งจำเป็น”
“ถ้าฉันไม่จับเขา ฉันจะอธิบายให้กรมตำรวจฟังได้ยังไง” หยวนเค่อบอกด้วยท่าทางเหมือนจะหมดความอดทนและพูดต่อ
“ถ้าฉีหลินมีสิ่งนั้นอยู่ในมือ ให้เขาออกมาบอกฉันด้วยตัวเอง”
“ไม่มีทาง”
“แมวแก่ ฉันไว้หน้าเฒ่าหลี่มากแล้วนะ”
“ถ้าไม่ไว้หน้าแล้วคุณจะทำอะไร ฆ่าฉันเหรอ?” แมวแก่ถามอย่างเย็นชา
หยวนเค่อเงียบไปสองสามวินาที จากนั้นโบกมือสั่งลูกน้องทันทีและตะโกน “ส่งแมวแก่กลับไปที่หน่วย”
ทันทีที่เขาพูดจบ ลูกน้องหลายสิบคนที่ไม่ใช่ตำรวจก็รีบรุดขึ้นมาจับแมวแก่ แล้วพยายามดึงเขาลงบันไดไป
“ไอ้เหี้ยแม่งเอ๊ย!”
แมวแก่สบถด้วยความโกรธจนหน้าแดง เขาเอื้อมมือหยิบตราตำรวจออกมาแขวนไว้บนหน้าอกแล้วตะโกน
“เข้ามาเลย! ดูซิว่าใครจะกล้าแตะต้องข้า! ข้าเป็นจ่าสิบตำรวจชั้นสามที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลเขตบริหารพิเศษ
ถ้าพวกแกแตะข้า เท่ากับแกกำลังท้าทายระบบตุลาการ”
ทุกคนลังเลหลังจากได้ยินเช่นนั้น และต่างก็หันไปมองหยวนเค่อ
“นายจะเล่นอย่างนี้กับฉันเหรอ?”
“ทำไมวะ?” แมวแก่ตอบด้วยสายตาแข็งกร้าว
หยวนเค่อยิ้มอย่างหม่นหมอง หันไปมองพี่สามแล้วพูดว่า “ให้พวกเขาเข้าไป”
พี่สามหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขทันที
สิบวินาทีต่อมา รถตำรวจกองปราบพิเศษหลายคันก็ขับเข้ามาในถนนฟู่หยวน และเข้าจอดข้างถนน จูเหว่ย กวนฉี และตำรวจมือปราบกลุ่มอื่นเกือบทั้งหมดมาถึงที่เกิดเหตุ และลงจากรถวิ่งมาที่โกดังทันที
“ฉีหลินอยู่ข้างใน พาเขากลับไป” หยวนเค่อโบกมือแล้วบอกทุกคน
หลังจากที่จูเหว่ยลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็นำทีมขึ้นบันไดโกดัง แสดงตราตำรวจที่แขวนไว้ที่หน้าอกพร้อมพูดว่า
“แมวแก่ อย่าทำให้ฉันยุ่งยากกว่านี้เลย ฉันแค่ทำงานเลี้ยงปากท้องเท่านั้นนะ”
แมวแก่อึ้งไปชั่ววูบ แล้วตะโกนด้วยความโกรธจนหน้าเขียว “นายอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ดีกว่า! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกนาย!”
จูเหว่ยก้าวไปเอื้อมมือจับแมวแก่อย่างกล้าหาญ “เราไม่มีผู้กำกับหลี่สนับสนุนเหมือนอย่างนาย โทษทีนะแมวแก่”
“ดึงพี่แมวลงไป” กวนฉีตะโกนจากด้านข้างทันที “เข้าไปจับกุมคนข้างในด้วย!”
แมวแก่ไม่สามารถต้านแรงดึงของคนกลุ่มใหญ่ได้ เลยถูกลากลงบันไดไป แต่เขาก็ยังตะโกนใส่หยวนเค่อด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว “ถ้าแกแตะฉีหลินแม้แต่นิดเดียววันนี้? จากนี้ไปพ่องแกจะไม่ทำอะไรนอกจากจับตามองแก! ข้าจะทำทุกวิถีทางที่จะขวางไม่ให้แกขายของที่ถนนสีดำได้ซักกล่องเดียวเลย คอยดู!”
จูเหว่ยคว้าคอแมวแก่แล้วคำรามด้วยเสียงต่ำ “หยุดได้แล้ว นายปกป้องเขาไม่ได้หรอก…”
“ไปให้พ้น!” แมวแก่เริ่มต่อสู้ขัดขืนกับคนเจ็ดแปดคนด้วยความพลุ่งพล่าน
บนขั้นบันได กวนฉีชักปืนออกมาแล้วดึงประตูเปิดออก โบกมือแล้วพูดว่า “เข้ามา”
ในขณะนี้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉินหยู่เดินนำคนวัยกลางคนสามคนและชายชราคนหนึ่งเข้ามา เขาหอบหายใจวิ่งมาจากข้างถนนแล้วตะโกน “ให้ตายเถอะ คนเยอะจริงๆ ฉันมาที่นี่เพื่อร่วมสนุกด้วยคน”
ทุกคนหันกลับมาหลังจากได้ยินเสียง
ฉินหยู่ชี้ไปที่ จูเหว่ยด้วยรอยยิ้มแล้วตะโกน “ปล่อยแมวแก่ไป”
จูเหว่ยตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก
“กวนฉี ยืนที่ประตูและอย่าขยับ” ฉินหยู่ออกคำสั่งสมาชิกในทีมบนบันไดอีกครั้ง
เมื่อจูเหว่ยและกวนฉีได้ยินคำสั่งของฉินหยู่ ทั้งคู่ก็ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความลำบากใจ และสูญเสียความมั่นใจ ไม่รู้จะทำอะไรต่อ
หยวนเค่อหันมองไปที่ฉินหยู่ จากนั้นตะโกนใส่กวนฉีด้วยใบหน้าที่โหดร้ายและถาม
“คุณกำลังรออะไรอยู่? ฉันบอกให้นายจับมัน!?”
กวนฉีกัดฟันเปิดประตูเพื่อเข้าไปในโกดัง
ฉินหยู่ก้าวขึ้นบันไดชี้ไปที่สมาชิกทั้งหมดของกลุ่มที่สามแล้วตะโกน
“ฉันสั่งให้นายปฏิบัติหน้าที่ ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างขยับ ไม่ได้ยินหรือ?”
จูเหว่ย กวนฉี และคนอื่นๆ ยังคงตกตะลึงอยู่ ไม่รู้จะทำอย่างไร
ทันใดนั้น สีหน้าของฉินหยู่ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น เขาก้าวเข้าไปหาและจับข้อมือของจูเหว่ยพลางถามว่า
“นายรู้ไหมว่าใครเป็นหัวหน้าทีม”
“ทีม...กัปตันอยู่ที่นี่” จูเหว่ยก้มหัวลงและเกาจมูกแล้วตอบ
ฉินหยู่จ้องไปที่จูเหว่ย บอกข้างหูของเขา “ต่อจากนี้ไปติดตามฉันและแมวแก่ หรือติดตามหยวนเค่อ คนที่ไม่ยอมให้นายเป็นหัวหน้าทีมมาหลายปี นายเลือกเอง”
จูเหว่ยเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ปล่อยแมวแก่!” ฉินหยู่ชี้ไปที่หน้าอกของจูเหว่ยแล้วพูดซ้ำอีกครั้ง
จูเหว่ยคิดอยู่นาน มองไปที่แมวแก่ แล้วหันมองไปที่ฉินหยู่ หลังจากนึกถึงผู้กำกับหลี่แล้ว เขาก็ปล่อยมือจากแมวแก่ทันที
หยวนเค่อมองไปที่จูเหว่ยอย่างตกตะลึง “นายไม่ได้ยินที่ฉันพูดใช่ไหม”
“รายงานกัปตัน ตามหลักการเช่นการจำแนกระดับและกฎของผู้บังคับบัญชา ฉันควรเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่อยู่ลำดับใกล้สุดก่อน ครับผม!” จูเหว่ยตะโกนเสียงดังหลังจากทำความเคารพ
สมาชิกของทั้งสามกลุ่มตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จ้องมองที่จูเหว่ย และพวกเขาทั้งหมดค่อยๆ ยกมือขึ้นทำความเคารพ และตะโกนพร้อมกัน “เราควรเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาลำดับใกล้สุดของเราก่อนครับ!”
ฉินหยู่หันกลับมาก้าวไปข้างหน้าหยวนเค่อ แล้วพูดอย่างรวบรัด
“สิ่งที่คุณพูดนั้นก็ยุติธรรม ฉันทำงานให้คุณแล้ว แต่ทำไมคุณถึงใช้ฉันเป็นอาวุธลับหลัง มากกว่าหนึ่งครั้งล่ะ?”
………………………………………………………….