Ep.1023 - ทรัพย์ยากรด้อยคุณภาพ
Ep.1023 - ทรัพย์ยากรด้อยคุณภาพ
หากเป็นที่อื่น หมิงเทียนห่าวไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ผู้ชมฟัง แต่ที่นี่คือเมืองเซ็นทรัลซิตี้ ซึ่งมีผู้ใช้พลังอยู่เป็นจำนวนมาก
แม้หลายคนอาจไม่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ลงประลอง ทว่าก็มิใช่ตัวตนอ่อนแอ
ประเด็นก็คือ คนเหล่านี้อาจบังเอิญได้เป็นเพื่อนร่วมทีมของหมิงเทียนห่าวในภายภาคหน้า ไม่ก็มีโอกาสได้ร่วมงานกัน แต่เมื่อทุกคนเห็นการกระทำทิ้งเพื่อนทิ้งฝูง พวกเขาจะคิดอย่างไร? ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าคต้องอยู่ให้ห่างหมิงเทียนห่าวเข้าไว้
ดังนั้นที่ฉินเฟิงบอกให้แก้ตัว มันคือคำแก้ตัวสำหรับคนที่หมิงเทียนห่าวต้องเจอในอนาคต
สีหน้าของหมิงเทียนห่าวกลายเป็นไม่น่าดู แต่ต่อให้เขารู้สึกเสียหน้าแค่ไหน มันก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อผลลัพธ์ในครั้งนี้อยู่ดี
นั่นเพราะการประลองสิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนเริ่มนับตราที่เก็บรวบรวมมาได้ มิติหรือรางวัลตอบแทนจะถูกสุ่ม
และฉินเฟิงในฐานะที่ได้รับอันดับหนึ่ง จะได้สิทธิ์ในการสุ่มเป็นคนแรก
เขาสามารถช่วงชิงตราตัวแทนมาได้ทั้งสิ้น 17 ชิ้น นั่นเท่ากับได้ 17 มิติมาครอบครอง ถือเป็นจำนวนที่เยอะมาก อย่างไรก็ตาม มิติทั้ง 17 แห่งไม่ได้มีการตั้งชื่อเฉพาะเป็นของตัวเอง มีเพียงตัวเลขเท่านั้น เนื่องจากไม่เคยไป ฉินเฟิงเลยไม่ทราบข้อมูลของบรรดารางวัลที่เขาได้รับมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากทำการสุ่ม ตัวเชื่อมมิติที่ใช้สำหรับการเดินทางไปยังมิติต่างๆ ก็มาถึงมือของฉินเฟิง นับแต่วันนี้ไป เขาจะเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่ได้ครอบครองมิติเหล่านั้น แต่สามารถทำข้อตกลง และร่วมมือกันพัฒนามิติกับมนุษย์คนอื่นๆได้
นอกจากนี้ยังสามารถเปิดมิติเป็นสาธารณะ แล้วเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหากมีผู้ใดต้องการแวะเวียน
หลังจากนั้นก็มีการจัดงานเลี้ยงฉลอง ทว่านี่มิใช่งานรื่นเริงธรรมดา แต่จะมีตัวตนทรงอำนาจมากมายเข้าร่วมงาน จากนั้นโยนหินถามทาง เผื่อว่าจะสามารถร่วมมือกับผู้ที่ชนะงานประลองได้ แต่ฉินเฟิงไม่มีความคิดเช่นนั้น เลยตัดสินใจก้าวออกมา ไม่มีแผนจะร่วมมือกับใคร
ด้วยเหตุนี้ แชมป์งานประลองอย่างฉินเฟิงจึงไม่ปรากฏตัวในงานเลี้ยง นี่ทำให้สีหน้าของผู้ใช้พลังไม่สู้ดี มีหลายคนไม่พอใจ
“เจ้าฉินเฟิงคนนี้มีต้นกำเนิดมาจากที่ไหนกัน? มันไม่รู้จักกฏเกณฑ์หลังจบงานประลองหรืออย่างไร?”
“เจ้าเด็กเหลือขอจากมิติชั้นต่ำ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำอะไรควรทำไม่ควรทำ ยังไงก็ตาม เดี๋ยวเราต้องได้พบกันอีกแน่ เพราะเขาไม่มีทางบริหารมิติจำนวนมากด้วยตัวคนเดียว หากอยากได้รับผลประโยชน์ ยังไงก็ต้องร่วมมือกัน”
“ส่งคนไปติดต่อเขา เรื่องนี้ต้องไม่ชักช้า จะปล่อยให้คนอื่นแซงหน้าเราไม่ได้”
การแบ่งปันจัดสรรมิติ คือความหมายของงานประลองเพื่อสันติภาพ เป็นการป้องกันไม่ให้พันธมิตรมนุษย์กับพันธมิตรองค์กรมืดประจัญหน้ากัน แล้วเกิดการสูญเสียกำลังพลมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม หลังงานประลองเพื่อสันติภาพสิ้นสุดลง มีเพียงปัญหาการก่อกวนจากทางฝั่งพันธมิตรองค์กรมืดเท่านั้นที่แก้ไขได้ แต่ที่แก้ไม่ได้ คือหัวใจมนุษย์ที่แสนละโมบ นับจากนี้คงเกิดการปล้นชิงกันขึ้น
ฉินเฟิงในฐานะเจ้าของมิติ ตอนนี้คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่พันธมิตรองค์กรมืดแล้ว แต่เป็นคนฝ่ายเดียวกันอย่างพันธมิตรมนุษย์ ที่กำลังคิดสอดแนมและกดดันเขา เหมือนกับเส้าตงเฟิงก่อนหน้านี้ จะมีคนก้าวเข้ามา กัดแย่งชิ้นเนื้อไปจากมือฉินเฟิง
เพียงแต่ว่า เรื่องอะไรแบบนั้น หลังกลับมาเกิดใหม่ มันไม่เคยเกิดขึ้นกับฉินเฟิง
ไอ้หน้าไหนกล้ามาฉกชิ้นเนื้อไปจากเขา? สงสัยมันคงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว!
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นยังไม่พบตัวฉินเฟิงในตอนนี้ มิฉะนั้น พวกเขาคงอยู่ไม่ไกลจากความตายจริงๆ
…
ฉินเฟิงเดินทางกลับเมืองเฟิงหลี
นับจากเขาเข้าสู่มิติของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ เวลาก็ผ่านไปถึงครึ่งเดือน และช่วงเวลาเหล่านั้น เขาไม่ได้พูดคุยกับไป๋หลีเลย ยังไงก็ตาม เรื่องที่ฉินเฟิงลงประลอง เลเวล S บางคนที่รู้จักกับฉินเฟิง ได้บอกเล่าเรื่องนี้แก่ไป๋หลีแล้ว
ทางด้านไป๋หลี เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับฉินเฟิงแม้แต่น้อย ด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิง จะชนะเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
แต่ตอนนี้ ปัญหาของเขาและเธอก็คือ มิติทั้ง 17 แห่งที่อยู่ในมือ
“ไปดูกันเถอะ” ไป๋หลีกล่าวด้วยความกระตือรือร้น ไม่จำเป็นต้องให้ฉินเฟิงเปิดตัวเชื่อมมิติ เพียงกวาดตามอง ไป๋หลีก็สามารถระบุพิกัดของมิติทั้ง 17 แห่งได้ทันที
“ฉันไม่รู้ว่าตัวเลขพวกนี้หมายความว่ายังไง แต่เอาเป็นเลือกที่นี่ก่อนแล้วกัน” ไป๋หลีกล่าวพลางวาดมือสร้างประตูมิติ
ฉินเฟิงก้าวเข้าไป จากนั้นทั้งสองปรากฏตัวขึ้นในสถานที่แห่งนี้ แว่บแรกพวกเขาอึ้งกับสิ่งที่พบเจอ
นั่นเพราะพลังงานธาตุในที่นี้ มันเบาบางมาก
ไม่เพียงแค่นั้น เวลานี้เขาและเธอกำลังยืนอยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานจักรวาลอันรุนแรงได้โดยตรง แรงโน้มถ่วงใต้ฝ่าเท้าเบาเป็นพิเศษ รู้สึกเหมือนกำลังจะลอยได้ตลอดเวลา
พลังสมาธิแพร่กระจายออกไป ทั่วทั้งมิติถูกสำรวจทันที
ฉินเฟิงพบว่ามิติแห่งนี้ไร้ซึ่งชีวิตชีวา ง่ายๆเลยคือไม่มีสิ่งมีชีวิตใด คำเดียวที่พออธิบายได้เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานที่แห่งนี้ คือมีแค่แร่ธาตุ! และอุปกรณ์ที่สามารถนำแร่ออกไปผลิตได้ สูงสุดอยู่ที่เลเวล S เท่านั้น
สภาพของมันทำให้ฉินเฟิงเกิดข้อสงสัย ว่าหากมิติแห่งนี้ไม่มีแกนกลาง คงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะถูกจัดให้อยู่ในเลเวล S และไม่มีทางให้ทั้งพันธมิตรมนุษย์หรือองค์กรมืดแย่งชิงมัน
“ไปที่อื่นต่อ!” ฉินเฟิงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
ไป๋หลีเองก็ไม่ค่อยชอบมิติแห่งแรกนี้เช่นกัน เพียงแต่ว่าหลังจากพาฉินเฟิงไปยังมิติถัดไป กลับพบว่าดินแดนแห่งนี้ ในความเป็นจริงเล็กยิ่งกว่ามิติแรกซะอีก แถมยังมีรอยแยกมิติผุดขึ้นทุกหนแห่ง มีแนวโน้มว่าจะพังทลายลงในไม่ช้า
คราวนี้ไป๋หลีไม่รอให้ฉินเฟิงสั่ง เธอเริ่มเปิดประตูแสงทีละบาน ทีละบาน
พบว่าในบรรดามิติทั้ง 17 แห่ง มี 12 แห่งรกร้างว่างเปล่า แทบใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย , มี 3 มิติที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ แต่ความแข็งแกร่งทางชีวภาพไม่ค่อยเท่าไหร่ ทรัพยากรก็อยู่ในระดับค่าเฉลี่ย เทียบชั้นโลกมนุษย์ไม่ได้ด้วยซ้ำ
ในที่สุดเป็นสองมิติสุดท้าย เจ้าพวกนี้เองที่ทำให้ฉินเฟิงเซอร์ไพรส์ขึ้นมาบ้าง
หนึ่งในนั้นมันคือมิติที่โหมกระหน่ำไปด้วยเปลวไฟ ผืนดินไหม้เกรียมไปทุกหนแห่ง บางตำแหน่งมีทรัพยากรธาตุไฟอุดมสมบูรณ์มาก นับเป็นมิติที่ช่วงเวลาก่อตัวอยู่ในระยะอ่อนเยาว์ ไม่ด้อยไปกว่ามิติของพระเจ้าเลย
ส่วนอีกมิติหนึ่ง ฉินเฟิงกับไป๋หลีแค่เข้ามา ก็ถูกห้อมล้อมด้วยแมลงสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วน โชคดีที่เขาแข็งแกร่ง เลยสามารถกวาดล้างพื้นที่รอบๆได้ เขาค้นพบว่าดาวดวงนี้เป็นรังใหญ่ของแมลงสัตว์ร้าย ทุกหนแห่งไม่ว่าจะผืนฟ้าหรือพื้นดิน ล้วนเกลื่อนไปด้วยพวกมัน
ซึ่งทรัพยากรของมิติแห่งนี้ ค่อนข้างที่จะอุดมสมบูรณ์
“ดูเหมือนไอ้รางวัลที่พูดกันว่าจะได้รับแบบสุ่ม มันจะมีกลิ่นไม่ชอบมาพากล” ฉินเฟิงไม่รู้ว่านี่ใช่ฝีมือของเส้าตงเฟิงหรือไม่ แต่ที่เขารู้ก็คือ ในพันธมิตรมนุษย์ บางครั้งก็ไม่ใจกว้างอะไรถึงขนาดนั้น
สรุปได้ว่า รางวัลทั้งหมดที่เขาได้รับ มี 12 แห่งเป็นมิติระดับต่ำ , 3 มิติเป็นมิติระดับล่าง , 1 มิติขนาดกลาง และอีก 1 คือมิติที่มีความเสี่ยงสูง
“สถานที่แบบนี้ ดูเหมือนจะไม่เหมาะให้พวกเราพัฒนา” ไป๋หลีค้นพบได้ทันทีว่าติดปัญหาตรงไหน--
--ฉินเฟิงไม่มีกำลังคน! ดังนั้นสถานที่เหล่านี้ หากคิดเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เพียงลำพัง มันจะได้น้อยและยุ่งยากเกินไป
ทว่าในหัวใจของฉินเฟิงกลับคิดได้ถึงบางสิ่ง เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็แล้วทำไมฉันต้องพัฒนามันด้วย? ที่ต้องทำก็แค่สูดหายใจลึกๆ แล้วกลืนกินทั้งมิติในคราวเดียว เพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้ตัวเอง แบบนั้นมันจะไม่ดีกว่าหรอ?”
พูดแล้วก็ต้องลงมือทำ ฉินเฟิงบอกให้ไป๋หลีพาเขากลับไปยังมิติแรก จากนั้นให้เธอเปิดใช้งานอบิลิตี้ต่อทันที
“เทคนิคพื้นที่มิติขนาดย่อม!”
ฉินเฟิงกับไป๋หลีถูกห่อหุ้มด้วยพื้นที่มิติ ทุกสิ่งรอบตัวสามารถเคลื่อนไหวทะลุผ่านได้ ทั้งสองมุ่งหน้าลึกลงไปในแผ่นดิน
ข้ามผ่านชั้นดินสีน้ำตาลเข้ม ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ฉินเฟิงก็พบว่ากลิ่นอายของรอบๆเปลี่ยนไป
ปรากฏกระแสของคลื่นสีขาวอมเทา อันตราการไหลของมันเชื่องช้า พลังงานในที่นี้ไม่รุนแรงนัก คล้ายสูญเสียพลังชีวิตไปมากแล้ว
ไป๋หลียังคงมุ่งหน้าต่อไป จนในที่สุด เขาและเธอก็พบแกนกลางของดาวดวงนี้
เบื้องหน้าคือดาวเคราะห์ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวแค่ 8 เมตรเท่านั้น มันน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของมิติโลกมนุษย์ แถมความมีชีวิตชีวาก็หายไปหมดแล้ว ทั่วทั้งแกนกลางเป็นสีเทาของเถ้าถ่าน
แต่อย่างไรยังคงไว้ซึ่งแกนกลางซึ่งเป็นองค์ประกอบของพลังงาน เฉพาะในสภาวะการรับรู้ ดาวดวงนี้มีขนาดใหญ่มาก เต็มไปด้วยความรู้สึกชวนให้กดดัน
ทว่ากดดันแล้วอย่างไร? เวลานี้ มีคนหนึ่งกล้ามากพอที่จะสั่นคลอนมัน
หึ่ง หึ่ง!
ฉินเฟิงปลดปล่อยโล่ปราณกำลังภายในที่แข็งแกร่งและทนทานอย่างหาที่เปรียบมิติได้ กระโจนออกจากภายในพื้นที่มิติ
โล่ปราณกำลังภายในป้องกันของเหลวสีเทาขุ่นไว้ภายนอก จากนั้น พลังงานโดยรอบ ก็เริ่มถูกดูดซับเข้ามาในร่างของฉินเฟิงอย่างบ้าคลั่ง!