ตอนที่ 341 - 342: ดาบทองสัมฤทธิ์และกริชทองสัมฤทธิ์, บ้าไปแล้ว
ตอนที่ 341 ดาบทองสัมฤทธิ์และกริชทองสัมฤทธิ์
เมื่อเห็นว่านายท่านซู่ก็อยู่ด้วย พวกเขาก็พากันประหลาดใจอีกครั้ง
“นายท่านเจียง ยินดีที่ได้พบครับ!” เฉินต้าหรงทักทานเจียงจงหยู แต่เจียงจงหยูรีบเดินไปดูเครื่องทองสัมฤทธิ์จึงไม่ได้สนใจเขา
เขาเริ่มประเมินเครื่องทองสัมฤทธิ์ทันที แม้ว่านายท่านซู่ได้ทำการประเมินแล้ว แต่เขาก็อยากประเมินมันด้วยตัวเองอีกครั้ง เพราะเขาสนุกกับการตรวจดูของเก่า
หลังจากประเมินอยู่ชั่วครู่ เจียงจงหยูก็พบว่ามันเป็นของแท้ “ยากมากนะที่จะพบทองสัมฤทธิ์ที่เป็นของโบราณแท้ๆ”
“นายคิดว่าไง?” นายท่านซู่ถาม
“ฉันชอบกริชนี้มาก แต่น่าเสียดายมันไม่ใช่ทองสัมฤทธิ์แบบที่ฉันชอบ” เจียงจงหยูไม่ได้ผิดหวัง แค่รู้สึกเสียดายหน่อยๆ
“อืม ไม่ทราบว่าท่านต้องการทองสัมฤทธิ์แบบไหน นายท่านเจียง?” กู้หนิงถาม เธอพกของเก่าสำริดหลายชนิดไปด้วย บางทีเธออาจมีสิ่งที่เจียงจงหยูต้องการ
เจียงจงหยูมองกู้หนิง เห็นว่าเป็นเด็กสาว เขาก็คิดว่าเธอคงมากับนายท่านซู่ ดังนั้นเขาจึงหันไปถามนายท่านซู่ว่า “นี่คือ?”
“อ๋อ เธอเป็นเจ้าของร้านเซียนหยุนคนใหม่ กู้หนิง” นายท่านซู่ตอบ
“โอ้ เป็นเธอเองหรือ!” เจียงจงหยูประหลาดใจ เขาได้ยินข่าวว่าเจ้าของร้านเซียนหยุนคนใหม่อายุยังไม่มากแต่ไม่คิดว่าจะเด็กขนาดนี้ เจียงจงหยูไม่ได้ดูถูกเธอเพียงเพราะเธอยังเด็ก แต่เขาชื่นชมเธอมาก เพราะยากมากที่จะเห็นเด็กวัยรุ่นที่รักของเก่าในทุกวันนี้
คนดูที่อยู่รายล้อมพวกเขาก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน มองกู้หนิง เจ้าของร้านเซียนหยุนคนใหม่เด็กขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“ใช่ค่ะ” กู้หนิงยิ้ม “ขอทราบได้ไหมคะว่าท่านต้องการทองสัมฤทธิ์แบบไหน? เผื่อว่าฉันได้มาจะได้เอามาให้ดูก่อนค่ะ”
“ดีมากๆ” เจียงจงหยูดีใจ “ฉันอยากได้ดาบทองสัมฤทธิ์ แต่มันหายากมาก”
กู้หนิงบังเอิญมีดาบทองสัมฤทธิ์อยู่ในช่องเก็บของกระแสจิตของเธอ ดาบทองสัมฤธิ์ถูกนำออกจากโลงศพ มันถูกปกคลุมไปด้วยพลังหยิน แต่ตอนนี้ได้รับการชำระหลังจากผ่านไปหนึ่งวันในช่องเก็บของกระแสจิตของเธอ อย่างไรก็ตามกู้หนิงไม่แน่ใจว่าเจียงจงหยูจะชอบดาบของเธอหรือไม่ เพราะมันไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร
กู้หนิงยิ้ม “ดูเหมือนว่าวันนี้นายท่านเจียงค่อนข้างโชคดีนะคะ ฉันมีดาบทองสัมฤทธิ์พอดี แต่ไม่แน่ใจว่าท่านจะชอบรึเปล่า”
“จริงรึ? เอามาให้ฉันดูที” เจียงจงหยูยิ้มดวงตาเปล่งประกาย
“ได้ค่ะ แต่ขอตัวไปเอาที่รถก่อนนะคะ รถฉันจอดไว้ที่ลานจอดรถ” กู้หนิงกล่าวพลางยืนขึ้น
ทุกคนแปลกใจที่กู้หนิงทิ้งของเก่าไว้ในรถของเธอ เธอไม่กลัวมันจะถูกขโมยเหรอ?
เจียงจงหยูถามอย่างตื่นตระหนก “เธอทิ้งมันไว้ในรถที่ลานจอดรถงั้นหรือ? ไม่กลัวว่ามันจะถูกขโมยไปรึ?”
กู้หนิงยิ้มและอธิบายว่า “มีคนเฝ้าไว้อยู่ค่ะ ปลอดภัยหายห่วง”
ได้ยินเช่นนั้น เจียงจงหยูก็คลายกังวล “งั้นรีบไปเอามา”
“ค่ะ” กู้หนิงเอ่ย เมื่อเธอเดินไปข้างหน้าได้สองสามก้าว นายท่านเจียงก็เรียกเธออีกครั้ง “รอเดี๋ยว เธอเอาดาบไปเก็บไว้ที่อื่นเพราะไม่อยากขายรึเปล่า?”
แม้ว่าเจียงจงหยูอยากได้ดาบทองสัมฤทธิ์ แต่ก็ไม่อยากฉวยมันไปจากกู้หนิง หากเธอต้องการเบมันไว้เอง
“เปล่าค่ะ ที่ฉันไม่ได้ถือมันมาด้วยเพราะกระเป๋าที่ว่างไม่พอ” กู้หนิงอธิบาย
“อ้อ ดีๆ งั้นไปเอามาเถอะ”
กู้หนิงเดินออกไปแต่เธอไม่ได้ไปที่ลานจอดรถ เมื่อเธอแน่ใจว่าไม่มีใครตามเธอมา เธอจึงไปที่ห้องน้ำอีกครั้ง และเอาดาบทองสัมฤทธิ์ออกจากช่องเก็บของกระแสจิต เธอห่อมันด้วยผ้าแล้วกลับไปที่ร้านเซียนหยุน
คล้อยหลังกู้หนิง คนรักของเก่าหลายคนที่ชื่นชมเจียงจงหยูมาที่ร้านเซียนหยุรและซื้อของเก่าสองชิ้น ชิ้นหนึ่งเป็นจานสีพาสเทล อีกชิ้นเป็นแก้วทองสัมฤทธิ์ ทั้งหมดราคา 6.6 ล้านหยวน รวมกับที่นายท่านซื้อไปด้วย วันนี้ร้านเซียนหยุนทำรายได้ 14.6 ล้านหยวน ซึ่งเป็นรายได้สูงสุดต่อวันที่ร้านเซียนหยุนเคยทำได้!
ยังไม่พอ ยังเหลือของนายท่านเจียงที่แนวโน้มว่าจะซื้อดาบทองสัมฤทธิ์เพิ่ม
ผ่านไปประมาณ 10 นาที กู้หนิงก็กลับมา ฝูงชนผละออกจากกันทันทีเพื่อให้เธอผ่านไป เผื่อในกรณีที่พวกเขาทำของเก่าล้ำค่าในมือของเธอเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ เจียงจงหยูเดินไปหาเธอ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นดาบทองสัมฤทธิ์ เขายังประเมินไม่ได้จนกว่ากู้หนิงจะวางมันลงบนโต๊ะแล้วแกะผ้าออก
สันของดาบนั้นตรงและคม หน้าแคบ ตัวดาบค่อนข้างบาง เป็นดาบที่ดี
มือของเจียงจงหยูสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
นายท่านเจียงถามกู้หนิงว่า “แม่หนู ดาบนี้กับกริชราคาเท่าไหร่?” แม้ว่าเจียงจงหยูจะชอบดาบมากกว่า เขาก็ไม่อยากพลาดกริชไปเช่นกัน
“ท่านคิดเห็นว่ายังไงคะ?” กู้หนิงย้อนถามคืน
“ดาบทองสัมฤทธิ์เล่มนี้และกริชทองสัมฤทธิ์ล้วนทำขึ้นอย่างประณีต โดยเฉพาะดาบเล่มนี้ มีหยกติดอยู่ที่ด้าม ดังนั้นเจ้าของต้องเป็นบุรุษสูงศักดิ์ ฉันคิดว่ามันมีมูลค่าอย่างน้อยสี่สิบล้านหยวน และกริชมีมูลค่าประมาณสิบล้านหยวน” เจียงจงหยวนกล่าว อันที่จริงไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ เขาก็จะซื้อมันอยู่ดี
ตอนที่ 342 บ้าไปแล้ว?
ทุกคนรอบตัวพวกเขาสูดลมหายใจเข้ายาวๆหลังจากที่พวกเขาได้ยินราคา นี่มันโชคหล่นมาจากฟ้าชัดๆ! แม้แต่เฉินต้าหรงก็ไม่เชื่อหูของเขาเอง หลังจากตกลงกันได้แล้ว วันนี้ร้านเซียนหยุนจะทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ภายในวันเดียว!
“เป็นเกียรติของร้านเรามากค่ะนายท่านเจียงมาที่ร้านของเราวันนี้ ท่านจ่ายสี่สิบล้านหยวนสำหรับสองชิ้นนี้ก็พอค่ะ”
อะไรนะ? สี่สิบล้าน? ลดไปตั้งสิบล้านเลยเรอะ! ทุกคนตกใจอีกครั้ง
“เธอว่าอะไรนะ?” เจียงจงหยูไม่อยากเชื่อ
“สี่สิบล้านหยวนค่ะ” กู้หนิงทวนคำพูดตัวเองอีกครั้ง
“บ้าไปแล้ว” เจียงจงหยูหลุดอุทาน เขาไม่ได้ตั้งใจว่ากู้หนิง เพียงแค่ไม่อยากเชื่อ นักธุรกิจมักจะมองหากำไรอยู่เสมอๆ แต่กู้หนิงใจกว้างมาก! สิบล้านหยวนเชียวนะ!
กู้หนิงรู้สึกขำ แต่เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำนั้นน่าเหลือเชื่อจริงๆ ดังนั้นเธอจึงอธิบายว่า “นายท่านเจียง ฉันไม่ได้บ้า ท่านจ่ายให้ฉันสี่สิบล้านหยวนก็พอค่ะ และให้ฉันบอกตามตรงว่าฉันกำลังสร้างรายได้มหาศาลจากข้อตกลงนี้”
เมื่อเห็นกู้หนิงยืนยันคำเดิม เจียงจงหยูก็ไม่ลังเลอีกต่อไป สี่สิบล้านหยวนไม่ได้ถูก เธอสามารถทำเงินได้มากมาย ในขณะที่เขาสามารถประหยัดเงินได้มาก ซึ่งก็ win-win ทั้งคู่
“เยี่ยมมาก ฉันเป็นหนี้เธอแล้ว ถ้าเธอมีปัญหาที่นี่ มาหาฉันได้เสมอ” เจียงจงหยูกล่าวกับกู้หนิง เขาชอบบุคลิกและความใจกว้างของเธอมาก ดังนั้นเขาจึงอยากช่วยเธอ หลังจากนั้นเขาก็หยิบนามบัตรออกมาแล้วมอบให้กู้หนิง “นี่คือนามบัตรของฉัน”
ตอนที่ทุกคนอิจฉากู้หนิง ได้รับการสนับสนุนจากนายท่านเจียง ไม่มีใครกล้าหาเรื่องร้านเซียนหยุนอีกต่อไป
“ขอบคุณมากค่ะ” กู้หนิงรับนามบัตรมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเห็นชื่อบนนามบัตร เธอก็ต้องประหลาดใจ นายท่านเจียงคนนี้ก็คือเจียงจงหยูซึ่งเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของคุณปู่ขอเลิ่งเชาถิง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตั้งใจมาพบกัน! เลิ่งเชาถิงบอกเธอว่าเขาวางแผนที่จะเชิญเจียงจงหยูมาเยี่ยมชมร้านเซียนหยุนสักวันหนึ่ง วันนี้นายท่านเจียงมาที่นี่ด้วยตัวเขาเองโดยไม่คาดคิด นั่นอธิบายได้ว่าทำไมผู้คนจำนวนมากตามเขามาที่ร้าน เขาเป็นบุคคลสำคัญในวงการโบราณวัตถุนั่นเอง! นายเจียงเป็นผู้ทรงอิทธิพลอย่างแท้จริง
นาทีถัดมาพวกเขาก็เซ็นสัญญาซื้อขาย เป็นเพราะจำนวนเงินค่อนข้างมากจึงรูดบัตรไม่ได้ ต้องโอนอย่างเดียว เมื่อโอนเงินเสร็จเรียบร้อย กู้หนิงก็เดินไปส่งนายท่านซู่และนายท่านเจียงที่ประตู ก่อนที่พวกเขาจะกลับ นายท่านเจียงก็พูดกับกู้หนิงว่า “แม่หนู ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่ชอบภาพวาดและภาพตัวอักษรพู่กันมาก ถ้าหนูมีภาพวาดเหล่านั้น อย่าลืมบอกฉันล่ะ”
เพื่อนคนนั้นของนายท่านเจียงต้องเป็นคุณปู่ของเลิ่งเชาถิง เลิ่งเว่ยหัว
“ได้ค่ะ” กู้หนิงยิ้ม
หลังจากนั้น นายท่านซู่และเจียงจงหยูก็เดินจากไปอย่างมีความสุข
“ซู่ พวกเราไปหาเลิ่งกันเถอะ นายไปอยู่ไห่หนานตั้งเป็นเดือน พวกเราไม่รวมตัวกันนานแล้ว” เจียงจงหยูเอ่ยชวนราวกับว่าเขาคิดถึงการรวมตัวของกลุ่มเพื่อน แต่อันที่จริงเขาอยากจะไปอวดของที่เขาเพิ่งได้มาต่างหาก
“เลิกเล่นละครได้แล้ว! ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ นายอยากเอาของที่ซื้อมาไปอวดเลิ่งล่ะสิ” นายท่านซู่กรอกตา พวกเขาสามคนเป็นเพื่อนกันมาหลายสิบปี พวกเขาไม่อาจปิดบังความลับต่อกันได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้รวมตัวกันนานมากแล้ว นานๆทีได้เจอกันก็ดีเหมือนกัน
“ฮ่า ฮ่” เจียงจงหยูหัวเราะชอบอกชอบใจ “เมื่อวันก่อน เขาเอาของมาอวดฉัน ทำไมฉันจะทำแบบเดียวกันไม่ได้? ฉันล่ะอิจฉาแทบตายที่เขาได้หลัวเจินฝูของจ้าวเหมิงฝู”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” นายท่านซู่หัวเราะขบขัน ทั้งเจียงจงหยูและเลิ่งเว่ยหัวชอบทำตัวเหมือนเด็ก
นายท่านซู่ทราบเรื่องนี้เช่นกันเพราะเลิ่งเว่ยหัวก็โทรหาเขาในคืนนั้น เขาเองก็อิจฉาแต่เขาไม่ได้ตื่นเต้นเท่ากับเจียงจงหยู
หลังจากที่นายท่านทั้งสองกลับออกไป กู้หนิงก็เข้ามาในห้องพูดกับเฉินต้าหรง
กู้หนิงเอ่ยว่า “เทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว พนักงานขายสองคนจะได้โบนัสสิ้นปีคนละหนึ่งแสนหยวน ส่วนของคุณลุงสองแสนหยวน”
ได้ยินเช่นนั้น เฉินต้าหรงก็ตาโตด้วยความตกใจ ปกติพวกเขาจะได้โบนัสกันแค่หนึ่งหมื่นถึงสองหมื่นหยวน ซึ่งนั่นก็มาสำหรับพวกเขาแล้ว
“ลุงเฉิน ตราบใดที่ลุงซื่อสัตย์กับฉัน ฉันสัญญาว่าจะให้โบนัสที่สมน้ำสมเนื้อค่ะ” กู้หนิงดึงสัญญาออกมาให้เฉินต้าหรง “นี่คือสัญญาตัวใหม่ที่พวกเราต้องเซ็น”
เฉินต้าหรงหยิบสัญญามาอ่านอย่างตั้งใจ เมื่อเขาพบว่าตนเองดื้อหุ้น 10% ของร้านเซียนหยุน เขาก็ตกใจจนเกือบทำให้สัญญาหล่นจากมือ
“บอส...” เฉินต้าหรงหายใจหอบถี่ นี่มันอย่างกับว่าเขาถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1
“ตอนนี้ฉันยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ ฉันจำเป็นต้องให้ลุงช่วยบริหารร้านนี้ อย่าคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรเลยนะคะ เพราะผู้จัดการทั้งหมดที่ช่วยฉันทำงานต่างได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน” กู้หนิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ถ้าลุงไม่ซื่อสัตย์กับฉัน ผลที่ตามมาลุงคงแบกรับมันไม่ไหว”
เฉินต้าหรงไม่คิดว่ากู้หนิงที่ยังเด็กอยู่จะมีอิทธิพลมากขนาดนี้และมันทำให้เขารู้สึกกลัวอยู่ในใจลึกๆ ในเมื่อเธอพูดว่าผู้จัดการทั้งหมดของเธอได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน เขาจึงเห็นด้วยในท้ายที่สุด