Dual Cultivation บทที่ 730 ไขปัญหาเจ้าสำนักทองที่หายไป
Dual Cultivation บทที่ 730 ไขปัญหาเจ้าสำนักทองที่หายไป
เมื่อเห็นใบหน้าที่ตะลึงของเหลียนลี่ ซูหยางก็อธิบายว่า "เรื่องมันยาว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ชายผู้นั้นเดินทางมายังทวีปตะวันออกจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางเพื่อที่เขาจะได้แย่งชิงหญิงของข้า ซีซิงฟาง เขาได้นำผู้ฝึกยุทธเขตอัมพรวิญญาณและปฐพีวิญญาณติดตัวมาด้วย เพื่อให้พวกนั้นได้มีความสนุกสนานในทวีปตะวันออก ดังนั้น ข้าจึงลบพวกนั้นทิ้งทั้งหมด ยกเว้นผู้นำของพวกนั้น ที่ข้าได้ตรึงไว้ที่พื้นทะเลในทะเลหยกตลอดไป จนกว่าเขาจะตายอย่างธรรมชาติ"
"อะไรนะ เมื่อมาคิดว่าเจ้าสำนักทองมีเจตนาเช่นนั้น ช่างชั่วนัก" ซูเมิ่งอี้อุทานด้วยน้ำเสียงโกรธและเธอก็พูดต่อไปว่า "เขาสมควรได้รับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว"
"ข้าไม่เคยชอบเจ้าสำนักทองเหมือนกัน เพราะเขามักจะจ้องมองข้าด้วยสายตาเร่าร้อนทุกครั้งที่เราพบกัน โชคดีสำหรับข้า พ่อของข้าคือเจ้าสำนักของสำนักเทพกระบี่ ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องไปยุ่งกับการล่วงละเมิดทางเพศใดๆจากชายคนนั้น" วูจิงจิงถอนหายใจ
"อืม.. แม้ว่าความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของเจ้าสำนักทองจะได้รับการเฉลยแล้ว แต่ไม่ว่าตระกูลของข้าหรือทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางก็มีมีใครรู้เรื่องนี้ และพวกเขาจะต้องสอบสวนสถานการณ์ต่อไปจนกว่าจะได้รับคำตอบ แต่น่าเสียดาย ไม่มีทางที่เราจะติดต่อพวกเขาได้ เว้นแต่ว่าเราจะกลับไปที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง" เหลียนลี่ถอนหายใจ
"ถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถส่งข้อความถึงพวกเขาได้ เมื่อข้าไปรับวัตถุดิบที่พวกเขากำลังเตรียมให้ข้าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม คนที่จะไปที่นั่นจะเป็นเซี่ยวหรง ซึ่งสามารถเข้าถึงทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางได้ในเวลาไม่ถึงนาที" ซูหยางกล่าว
"เธอสามารถไปถึงทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางได้ภายในเวลาไม่ถึงนาทีงั้นรึ ข้ามิอาจจะจินตนาการได้เลยว่าต้องใช้ความเร็วเท่าไหร่จึงจะบรรลุเป้าหมายนี้ได้..." เหลียนลี่พึมพำด้วยน้ำเสียงงงงัน
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
"พวกเธอถูกรู้จักว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เร็วที่สุดในจักรวาลด้วยเหตุผลนี้" ถังหลิงชีหัวเราะคิกคัก
"จะเกิดอะไรขึ้นกับสำนักสุวรรณสิงห์ในตอนนี้ เมื่อเจ้าสำนักของพวกเขาเกือบจะตายแล้ว" ซูเมิ่่งอี้ ถามในเวลาต่อมา "พวกเขาจะยุบหรือจะแต่งตั้งเจ้าสำนักคนใหม่"
"ปกติแล้วพวกเขาน่าจะแต่งตั้งเจ้าสำนักอีกคน แต่เนื่องจากสำนักยังคงเป็นซากปรักหักพัง และเมื่อมีข่าวเจ้าสำนักทองได้ทำอะไรไปนั้นแพร่กระจายออกไป ข้ามิคิดว่าจะมีใครเต็มใจที่จะเข้าไปตามรอยเท้าของเจ้าสำนักทอง ไม่ต้องพูดถึงตระกูลของข้า ที่บางทีอาจจะยุบพวกเขาทิ้งไป แม้ว่าจะมีคนเต็มใจที่จะเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปก็ตาม" เหลียนลี่กล่าว
ในเวลาต่อมาซูหยางก็พูดกับพวกเธอว่า "ข้าจะออกไปเยี่ยมลูกศิษย์นักปรุงยาของข้าสักสองสามวัน"
"โอ้เจ้ามีศิษย์ที่เรียนรู้การปรุงยาภายใต้เจ้าด้วยรึ พวกเขาช่างโชคดีจริง" ซูเมิ่งอี้กล่าว
ต่อมาไม่นาน ซูหยางก็ออกจากศาลาหยินหยางและเดินทางไปยังสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ปลอมตัวก่อนจากไปเหมือนแต่ก่อน และเขาก็ไปที่นั่นด้วยตัวตนที่แท้จริง ในฐานะซูหยาง
"หยุด ระบุตัวตนของเจ้า"
ยามคนเดิมที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในระหว่างการเยือนครั้งก่อนของเขายังอยู่ที่ทางเข้า และพวกเขาก็ตะโกนใส่ให้หยุดเหมือนเมื่อก่อน
"ข้าชื่อซูหยางและข้ามาที่นี่เพื่อพบกับเจ้าสำนักของเจ้าและโหลวอี้เซียว" ซูหยางกล่าวกับพวกเขา
"ซูหยาง ..จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยงั้นรึ" ยามมองหน้ากัน เจ้าสำนักของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมีธุระอะไรกับสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ อย่าว่าแต่ถึงเจ้าสำนักและศิษย์ของเขา ความจริง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มีปฏิสัมพันธ์กัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาอยู่ต่อหน้าอัจฉริยะอันดับหนึ่งในทวีป ทั้งยังเป็นเจ้าสำนักของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่ก่อตั้งพันธมิตรกับตระกูลซี พวกเขาไม่สามารถไล่เขาออกไปได้โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลที่เขามาหาพวกเขา
ยิ่งไปกว่านี้ หลังจากเหตุการณ์ที่แล้วพวกเขาไม่กล้าทำผิดอีก
"โปรดให้เวลาเราชั่วขณะ ในขณะที่เราจะทำการแจ้งเจ้าสำนักกับการมาถึงของท่าน ในระหว่างนี้ โปรดรอที่บริเวณรับแขก" ยามคนหนึ่งพูดก่อนจะวิ่งออกไป
หลังจากนั้น ซูหยางก็ตามยามอีกคนเข้าไปในสำนักและไปยังอาคารที่มีไว้สำหรับแขก
ในขณะเดียวกัน ภายในอาคารของเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสจงก็กำลังยุ่งอยู่กับการอุ่นเตาปรุงยา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรในเตาปรุงยา และเปลวไฟในการปรุงยาของเขาก็ยังคงอยู่ที่อุณหภูมิสูงสุด ถ้าใครที่ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่เห็นฉากนี้เข้า พวกเขาคงคิดว่าเขาบ้าไปแล้วแน่ๆ
ก๊อก ก๊อก
"เจ้าสำนัก ท่านมีแขกมาเยี่ยม" ทันใดนั้นยามที่ประตูทางเข้าก็เคาะประตูเรียกเขา
"ผู้มาเยี่ยมงั้นรึ อาจเป็นผู้อาวุโสเซี่ยว เพราะเวลาที่จำกัดไว้หนึ่งเดือนที่เขาให้เรากำลังจะหมดลง" ผู้อาวุโสจงคิดในใจ
อย่างไรก็ตาม ที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ ยามกลับพูดถึงคนที่เขาไม่เคยคาดคิดแม้แต่น้อย "เป็นซูหยางจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย"
"อะไรนะ ซูหยางอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่เข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณเมื่ออายุ 17 ปี อัจฉริยะด้านการฝึกวิชานั่นมาทำอะไรที่นี่" ผู้อาวุโสจงนึกไม่ออกว่า ทำไมจึงมีคนจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมาที่สวนธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา
"บางทีเขาอาจจะมาที่นี่เพื่อทำธุรกิจกับเรา"
เนื่องจาก สวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ผลิตเม็ดยาอันดับหนึ่งเพื่อนิกายอื่น นอกเหนือจากนิกายดอกบัวเพลิง จึงเป็นไปได้มากว่านี่จะเป็นความตั้งใจของซูหยางในวันนี้
"เดี๋ยวก่อน...พวกเขายังเป็นพันธมิตรกับนิกายดอกบัวเพลิง ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่พวกเขาต้องทำธุรกิจกับเรา..."
ในเวลาต่อมายามก็พูดต่อไปว่า "เขายังต้องการพบกับศิษย์พี่หญิงโหลวอี้เซียวด้วย"
"อะไรนะ ลูกศิษย์ของข้างั้นรึ เชี่ย นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ เขามีสายตามาที่ลูกศิษย์ของข้าสินะ ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นผู้ฝึกวิชาคู่ และมีเพียงเหตุผลเดียวที่ผู้ฝึกวิชาคู่อยากพบเจอคนที่น่ารักอย่างโหลวอี้เซียว" ผู้อาวุโสจงเข้าใจสถานการณ์ผิดไปในทันที
แต่อนิจจา ต่อให้เป็นกรณีนั้น ผู้อาวุโสจงก็ไม่สามารถไล่ซูหยางออกไปได้ เนื่องจากความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลซี ในเมื่อนั่นอาจทำให้เกิดปัญหากับตระกูลซีได้
--------------------------------------------------------------------
สวัสดีครับเพื่อนนักอ่านทุกท่าน
จากสถานการณ์ในหลายวันนี้ รวมไปถึงสถานการณ์จากทางผู้แต่ง ที่ดูเหมือนว่าได้หยุดแต่งไปก่อนหน้านี้ ทำให้ ร่วมเรียงเคียงเซียน คงต้องหยุดแปลไว้เพียงแค่นี้ ต้องขอโทษและขอขอบคุณเพื่อนนักอ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านกันมาโดยตลอด
สุดท้ายนี้ ผมก็มี แถมให้อีกบทหนึ่ง ตามด้านล่างนี้นะครับ
แล้วพบกันใหม่ในเรื่องใหม่ และถ้าเพื่อนนักอ่านสนใจ ก็ยังมีเรื่องในสังกัดของผมอยู่อีกสามเรื่องที่แปลอยู่ และ อีกหนึ่งเรื่องที่จบไปแล้ว ดังนี้ครับ
เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ ปัจจุบัน ตอน 375
ภาพเทพอสูรบรรพกาล ปัจจุบัน ตอน 116
มหาศึกเทพยุทธเหนือพิภพ (แปลต่อ) ปัจจุบัน 1766 ไม่ได้ลงที่ไทยโนเวล
ผู้กล้าไร้อาชีพ (จบแล้ว)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Dual Cultivation บทที่ 731 เขาจะย่ำยีร่างกายที่บริสุทธิ์ของเธอ
"พาซูหยางมาที่นี่" ผู้อาวุโสจงพูดกับยามหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ
"ขอรับ"
จากนั้น ยามก็รีบไปยังที่พักแขกที่ซูหยางพักอยู่และเริ่มนำซูหยางไปยังที่พักของเจ้าสำนัก
ในขณะเดียวกัน เมื่อเหล่าศิษย์ในสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์สังเกตเห็นการมาของซูหยาง พวกเขาทั้งหมดต่างก็เริ่มกระซิบพูดคุยกันถึงเหตุผลที่อีกฝายมาอยู่ที่นั่น
ไม่นานซูหยางก็มาถึงห้องของผู้อาวุโสจง
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
"เชิญนั่งก่อน ซูหยาง ข้าเตรียมชาไว้ให้แล้ว" ผู้อาวุโสจงชี้ไปที่เก้าอี้ด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
"..."
รอยยิ้มลึกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหยางขณะที่เขานั่งลง
'ดูเหมือนว่าเขาจำข้าไม่ได้ หือ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่คาดหวังไว้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นข้าในรูปลักษณ์นี้'
ซูหยางไม่ได้กล่าวโทษผู้อาวุโสจง ที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นนักปรุงยาลึกลับ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สนุกไปกับสถานการณ์นี้
ในเวลาต่อมาผู้อาวุโสจงก็นั่งลงตรงข้ามเขาและพูดว่า "ว่าแต่ว่า เจ้าสำนักของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมีธุระอะไรกับสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ของเรา แต่ก่อนที่เจ้าจะตอบ ให้ข้าแสดงความยินดีกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยในการก่อตั้งพันธมิตรกับตระกูลซีเป็นแบบอย่างครั้งแรกในประวัติศาสตร์"
ซูหยางจิบชาร้อนสักสองสามครั้งก่อนจะพูดว่า "ขอบคุณ เหตุผลที่ข้ามาวันนี้... เจ้าน่าจะรู้อยู่แล้ว"
"..."
ผู้อาวุโสจงมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง อย่างไรก็ตาม เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้และพูดว่า "ข้าขอโทษ แต่ข้าไม่รู้จริงๆว่าทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ในวันนี้... ไม่ว่าอย่างไร สวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ของเราก็ไม่เคยติดต่อหรือยุ่งเกี่ยวกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมาก่อน ยิ่งกว่านั้นมันคงไม่สมเหตุสมผลหากเจ้ามาที่นี่เพื่อทำธุรกิจ เพราะเจ้ามีนิกายดอกบัวเพลิงซึ่งปัจจุบันเป็นสำนักปรุงยาอันดับหนึ่งในทวีปตะวันออก เนื่องจากโอสถสู่ปฐพีร่วมกับโอสถอื่นๆที่สามารถรับได้จากพวกเขาเท่านั้น ข้ามิสามารถจินตนาการได้ว่าทำไมเจ้าถึงต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา"
"อย่างนั้นรึ" ซูหยางยังคงแสดงสีหน้าไม่ใส่ใจ ดังนั้นผู้อาวุโสจงจึงไม่สามารถอ่านสีหน้าของเขาได้
"ยังไงก็ตาม โหลวอี้เซียวอยู่ที่ไหน ข้าค่อนข้างแน่ใจว่า ข้าขอให้เธออยู่ที่นี่ด้วย" ซูหยางพูดขึ้นมาทันใด
"เอ่อ..."
ผู้อาวุโสจงเริ่มเหงื่อตกหลังจากได้ยินคำพูดของเขา และเขาก็พูดว่า "ข้าขอโทษ แต่ตอนนี้ศิษย์ของข้าไม่อยู่ในสำนัก"
"โอ งั้นรึ เธอไปไหนงั้นรึ" ซูหยางถามด้วยสีหน้าทึ่งบนใบหน้าที่หล่อเหลา
"เธอ... เอ่อ... เธอออกจากนิกายไปไม่นานมานี้เพื่อรวบรวมสมุนไพรและส่วนผสมสำหรับยาใหม่ที่เรากำลังปรุง" ผู้อาวุโสจงกล่าว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนโกหกที่ดีเพราะเสียงของเขาสั่นสะท้าน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ซูหยางก็แอบหัวเราะเบาๆก่อนจะพูดว่า "ไม่เป็นไรข้ารอได้"
"เจ้าแน่ใจรึ แม้กระทั่งข้าก็ไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ อาจเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนก็ได้ เพราะปกติแล้วจะขึ้นอยู่กับว่าจะต้องใช้เวลาทำยานานเท่าใด" ผู้อาวุโสจงยังคงปั้นเรื่องต่อไปโดยหวังว่าจะพอหลอกซูหยางได้
"โอ มันใช้เวลานานขนาดนั้นเลยรึสำหรับการทำยา ยาที่เจ้ากำลังปรุงจะต้องทรงพลังมาก" ซูหยางตัดสินใจไหลไปตามน้ำและทำราวกับว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการปรุงยา
"ใช่แล้ว แม้แต่ยาเม็ดธรรมดาที่สุดก็อาจต้องใช้เวลาหลายวัน แต่ยานี้... เม็ดยาใหม่ที่เรากำลังปรุงอยู่นั้นซับซ้อนและลึกล้ำอย่างยิ่ง และส่วนผสมที่จำเป็นในการปรุงนั้นหายากมาก ดังนั้นจึงต้องใช้เวลานานมากกว่าเดิม" ผู้อาวุโสจงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังจากคิดว่าเขาหลอกซูหยางได้
"การเป็นนักปรุงยาคงจะเป็นเรื่องยาก ข้านึกภาพไม่ออกว่าจะนั่งเฉยๆทั้งวันเพื่อปรุงยาตัวเดียวได้อย่างไร แต่ทว่า หากเจ้ายังไม่รู้ ข้านั้นเป็นผู้ฝึกวิชาคู่ที่ชอบเคลื่อนไหวไปมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องนอน" ซูหยางพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ใบหน้าของผู้อาวุโสจงแข็งทื่อหลังจากได้ยินคำพูดของซูหยาง และเขาก็ร่ำร้องในใจว่า 'ข้าจะปล่อยให้คนเลวๆคนนี้พบกับศิษย์ของข้าไม่ได้อย่างแน่นอน เขาจะต้องย่ำยีร่างกายที่บริสุทธิ์ของเธอแน่’
"ไม่ว่ายังไง ข้าก็ต้องขอโทษกับความไม่สะดวกนี้ แม้ว่าเจ้าจะมาที่นี่จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย แต่ลูกศิษย์ของข้าไม่ว่าง ถ้าเจ้าต้องการอะไรอีก บางทีข้าอาจช่วยได้" ผู้อาวุโสจงพูดกับเขา
หากว่าซูหยางจะขอลูกศิษย์คนอื่น เขาก็จะไม่สนใจอะไรนัก ตราบใดที่ไม่ใช่โหลวอี้เซียว
"เอาล่ะ ช่วยไม่ได้ถ้าโหลวอี้เซียวไม่อยู่ ข้าอยากเจอเธอจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ข้าได้ยินเรื่องดีๆทั้งหมดเกี่ยวกับเธอ" ซูหยางถอนหายใจเสียงดัง ฟังดูเหมือนนายน้อยผู้หยิ่งผยองที่มีความตื่นเต้นที่จะบดขยี้
"..."
สีหน้าที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโสจงหลังจากได้ยินคำพูดที่เหิมเกริมของซูหยาง ถ้าไม่ใช่เพราะสถานะของซูหยาง เขาคงเริ่มชกหมัดใส่ซูหยางแล้ว
"ในเมื่อเธอไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้ เจ้าพอจะช่วยบอกข้าได้ไหมตอนที่เธอกลับมา ข้าจะกลับมาที่นี่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ข้ามั่นใจว่าโหลวอี้เซียวต้องการพบข้า"
"ได้… แน่นอน…" ผู้อาวุโสจงฝืนยิ้มและพยักหน้า
"แล้วเจอกันใหม่คราวหน้า"
ซูหยางยืนขึ้นและเริ่มเดินไปที่ทางออก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาไปถึงทางออกได้ครึ่งทาง ประตูก็เปิดออก และหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง
เมื่อผู้อาวุโสจงเห็นใบหน้าแสนสวยของศิษย์โผล่เข้ามาในห้อง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ "จ-เจ้ามาทำอะไรที่นี่ อี้เซียวข้าบอกให้เจ้าแต่อยู่ในห้องอย่าออกมา" ผู้อาวุโสจงร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง เปิดเผยความจริงให้ซูหยางรู้โดยบังเอิญ
ซูหยางหันกลับมาและพูดด้วยสีหน้าที่ลึกล้ำ "หือ เจ้าตั้งใจปิดบังเธอจากข้า กระทั่งโกหกหน้าด้านๆต่อหน้าข้า เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร ผู้อาวุโสจง"
"เอ่อ...เรื่องนี้...'' ผู้อาวุโสจงพูดไม่ออก เขาจะพูดอย่างไรให้พ้นจากสถานการณ์นี้