Ep.1017 - เริ่มงานประลองเพื่อสันติภาพอย่างเป็นทางการ
Ep.1017 - เริ่มงานประลองเพื่อสันติภาพอย่างเป็นทางการ
“ไอ้หลุมพรางแบบนี้ ในชีวิตก่อนฉันเจอมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง”
ที่ต้องพบพานกับประสบการณ์แบบนั้น เป็นเพราะในชีวิตก่อนฉินเฟิงอ่อนแอ จึงถูกรังแก
แต่ในชีวิตใหม่ ตอนนี้ฉินเฟิงแข็งแกร่งแล้ว เขาเลยสามารถคว้าสมบัติล้ำค่ามาได้มากมาย คนอื่นทำได้เพียงเฝ้ามอง
หลังเกิดใหม่ ฉินเฟิงไม่เคยถูกรังแกเลย ทุกครั้งเป็นฝ่ายตรงข้ามที่พลั้งพลาดมาเตะแผ่นเหล็กเช่นเขา
ดังนั้นคำขู่เส้าตงเฟิง ฉินเฟิงไม่กลัว
“สวัสดี ขออนุญาตถามว่าคุณคือมิสเตอร์ฉินใช่หรือไม่? ฉันมาที่นี่เพื่อรับตัวคุณ โปรดเชิญตามฉันไปเช็คอินที่โรงแรม ในวันพรุ่งนี้เวลา 12.00 น. งานประลองจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ กรุณาเตรียมตัวให้พร้อม!” ผู้หญิงคนหนึ่งก้าวเข้ามา เอ่ยถามฉินเฟิงอย่างระมัดระวัง
ฉินเฟิงกวาดสายตามองอีกฝ่าย พบว่าเป็นผู้ใช้พลังเลเวล S แต่เธอปฏิบัติตัวกับเขาด้วยความเคารพ ไม่กล้าแม้จะเลินเล่อ นี่น่าจะเป็นสมาชิกของพันธมิตรมนุษย์
ทัศนคติที่เส้าตงเฟิงแสดงออกมา ไม่น่าจะนำมาใช้เปรียบเทียบกับทัศนคติอย่างเป็นทางการของพันธมิตรมนุษย์ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่อีกฝ่ายพยายามเกลี้ยกล่อมเขาน่าจะเป็นความลับ หรือเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ ไม่มีทางทำอะไรอย่างเปิดเผยเช่นนี้แน่นอน
เพราะหากเรื่องนี้ถูกรายงานออกไป เช่นนั้นในอนาคตใครจะกล้าเข้าร่วมงานประลองอีก? เลเวล S9 ที่กล้าเป็นตัวแทนต่อจากนี้ คงเหลือแค่คนที่ถูกส่งมาจากตระกูลที่มั่งคั่งหรือกลุ่มใหญ่เท่านั้น!
“เชิญนำทาง! ตอนนี้ผมเหนื่อย อยากพักผ่อนแล้ว”
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เชิญทางนี้!”
โดยมีเลเวล S หญิงเป็นคนนำทาง ฉินเฟิงเช็คอินโรงแรมอย่างรวดเร็ว แม้บอกว่าโรงแรม แต่เอาจริงๆมันคือคฤหาสน์! แต่ละหลังมีพื้นที่เป็นของตัวเอง ไม่ตั้งติดกัน
ในบริเวณนี้มีคฤหาสน์อย่างน้อย 50 หลัง นอกจากนี้ฉินเฟิงยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแสนคุ้นเคย ผู้ใช้วรยุทธโบราณที่เคยเจอกันก่อนหน้านี้ ทั้งหมดได้มาอยู่ที่นี่แล้ว ส่วนที่เหลืออีกครึ่ง สมควรเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ที่ถูกจับแยกไปฝึกอีกแห่งหนึ่ง
ฉินเฟิงไม่สนใจอะไรมาก เขาเปิดอุปกรณ์สื่อสารในมือ พริบตานั้นเสียงติ๊ดๆๆ ดังขึ้นไม่หยุด
มีทั้งข้อความและสายมากมายที่โทรเข้ามา ทั้งหมดติดต่อเขาตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน วันนี้เลยได้รับรวดเดียว
【ฉินเฟิง รู้ตัวรึเปล่าว่าคุณทำอะไรลงไป? งานประลองเพื่อสันติภาพไม่ใช่งานประลองกันเล่นๆแบบในมิติของพวกเรา มันโหดร้ายเกินไป ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณตอบตกลงเข้าร่วมจริงๆ แบบนั้นมันไม่ต่างจากการโยนตัวเองเข้าสู่ความตาย!】 หูซานส่งข้อความมา
【จอมพลฉิน ความแข็งแกร่งของคุณ ทำให้ฉันรู้สึกละอายในความต่ำต้อยของตัวเองจริงๆ】คราวนี้เป็นข้อความของตงหยาง
【ในเมื่อสมัครไปแล้ว เช่นนั้นจงตั้งใจให้มากเป็นสองเท่า ส่วนเรื่องการต่อสู้ในครั้งนี้ ฉันคงไม่สามารถช่วยคุณได้】 ข้อความนี้มาจากหลงถิง
ที่เหลือก็เป็นข้อความจากหนานกงซีหมิง ฯลฯ แต่เกือบทั้งหมดเห็นพ้องไปในทางเดียวกันนั่นคือเตือนฉินเฟิง
เรื่องที่ฉินเฟิงไม่รู้ก็คือ หลังจากที่เขาผ่านรอบคัดเลือก ผลคะแนนได้ปรากฏออกมา ผู้ใช้พลังเลเวล SS หลายคนบนโลกมนุษย์ล้วนเห็นมัน พวกเขาตกใจมาก ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าฉินเฟิงสามารถระเบิดพลังโจมตีขนาดนั้นออกมาได้จริงๆ
เพราะนั่นเป็นแต้มพลังที่พวกเขามิอาจบรรลุได้
พวกเขาตระหนักดีว่าทรัพยากรบนโลกมนุษย์มีมากน้อยเพียงใด มันเป็นไปได้อย่างไรถึงสามารถถือกำเนิดการดำรงอยู่เช่นฉินเฟิง?
แม้แต่ชิน นากาว่า , ริค และซิงนาร์ ก็ยังตกใจกับแต้มพลังโจมตีนั้น แต่ในที่สุดพวกเขาก็ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับคนที่ข่มเหงพวกตนในมิติมวลหมู่ดาวรูนเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้มองฉินเฟิงในแง่ดี ในสมองคิดเพียงว่าฉินเฟิงหุนหันพลันแล่นเกินไป อยากตายก่อนเวลาอันควร แต่ยังคงติดตามการเคลื่อนไหวของฉินเฟิงอย่างใกล้ชิด
ตอนนี้ ยังมีเวลาอีก 1 วันก่อนงานประลองจะเริ่มขึ้น ฉินเฟิงสมควรกลับมาแล้ว
หลายคนอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับฉินเฟิง บ้างอยากทำความรู้จัก บ้างอยากผูกมิตร บ้างมีความคิดเล็กๆน้อยๆอยู่ในใจของตัวเอง ตัวอย่างเช่น ผู้ใดกันหนอที่ชี้แนะกระบวนท่าวรยุทธ และเทคนิคอบิลิตี้แก่ฉินเฟิง ทำให้เขาแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้
ตอนแรกฉินเฟิงยังไม่ทราบเรื่องฮือฮาดังกล่าว แต่พอเห็นข่าวลือเหล่านั้น เขาก็ไม่คิดตอบโต้ใดๆ เพียงเก็บตัวอย่างเงียบ
วันสุดท้ายก่อนการประลอง เขาต้องการนอนหลับให้สบาย ตื่นมาค่อยไปอาบเลือดศัตรู คว้ามิติมาครอบครอง!
ตามกระบวนการที่ได้ประกาศแก่ผู้ประลอง วันนี้จะเป็นวันพักผ่อนวันสุดท้าย ส่วนพรุ่งนี้พวกเขาต้องเข้าสู่มิติดัดแปลง พื้นที่อาจไม่ใหญ่โตอะไร แต่มากพอที่จะใช้สู้กันได้
แน่นอน ช่วงระยะเวลาประลองที่ยาวนานถึงเจ็ดวัน ทุกอย่างอาจสงบ ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นก็ได้ ทว่างานประลองทั้ง 300 ครั้งที่ผ่านมา ไม่ใช่ทุกครั้งที่ผลลัพธ์จะสงบสุข
นั่นเพราะมีอยู่หลายครั้งที่ปรากฏอัจฉริยะเข้าร่วมงาน และในตอนท้าย มักจบลงด้วยสภาพเป็นการสังหารหมู่ฝ่ายเดียว
ดังนั้น งานประลองแห่งสันติภาพแม้ปากบอกว่าเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แต่เอาจริงๆ มันคือการแก้ปัญหาหนึ่งแต่นำมาซึ่งอีกปัญหาหนึ่ง เพราะหากเกิดการสังหารหมู่จริงๆ ฝ่ายนึงสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างยิ่งใหญ่ อีกฝ่ายคงรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย
แบบนี้ไม่เท่ากับยิ่งเป็นการฝังความขัดแย้งให้หยั่งรากลึกหรอกหรือ? ฉินเฟิงพิจารณาในใจ ว่าหลังจากเข้าสู่สนามประลอง เขาสมควรล้างบางอีกฝ่ายให้หมดเลยดีหรือไม่?
“ช่างมันก่อนแล้วกัน เอาไว้ค่อยปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ เจอศัตรูคนไหนก็แค่ฆ่าคนนั้น!” ฉินเฟิงได้ข้อสรุปเช่นนี้ พลิกตัวผล็อยหลับไป
วันถัดมา ฝูงชนมารวมตัวกันตอน 10 โมง จากนั้นมุ่งหน้าไปยังสนามประลองของเซ็นทรัลซิตี้ สนามประลองของที่นี่ช่างดูโอ่อ่ายิ่งใหญ่ มันถูกสร้างขึ้นโดยนำสถานที่ต่างๆของมิติมารวมกัน ดูเหมือนกับรังนกขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่หลายส่วนของเมือง
โชคดีก็คือ คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นผู้ใช้พลังระดับ S หรือสูงกว่า ครอบครองทั้งพลังการรับรู้และพลังสมาธิอันเฉียบคม ดังนั้นแม้จะอยู่ห่างกันเป็นหมื่นเมตร แต่พวกเขาก็ยังสามารถมองเห็นผู้ประลองได้
23 ผู้ร่วมประลอง ก้าวเข้ามาทีละคน
ภายในสนามประลอง ประตูมิติทั้ง 23 บานติดตั้งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ฉินเฟิงยืนอยู่หน้าประตูบานที่ 5 คนอื่นๆวุ่นอยู่แต่กับเรื่องของตัวเอง เฝ้ารอเวลาเที่ยงตรงให้มาถึงเพื่อเข้าสู่สนามประลอง
ท่ามกลางฝูงชนนับไม่ถ้วน ในมุมที่ไม่สะดุดตา กลุ่มคนหลายร้อยคนนั่งลง เมื่อเทียบกับเสียงเชียร์ของคนอื่นๆแล้ว คนที่อยู่ที่นี่ กลับไม่ค่อยพูดค่อยจา เฝ้ามองสนามประลองอย่างเงียบๆ
“ดูนั่นสิ เป็นฉินเฟิงจริงๆด้วย!”
“ใช่ฉินเฟิงจริงๆ ฉันไม่นึกเลยว่าในมิติของพวกเราจะมีคนที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้”
“แข็งแกร่งแล้วอย่างไร? มันเทียบกับคนอื่นๆในที่นี้ได้หรือ?”
แถวหน้าของกลุ่ม เป็นผู้ใช้พลังเลเวล SS แปดคน หนึ่งในนั้นขมวดคิ้วพลางกล่าว “เสี่ยวถิง เจ้าคิดว่ายังไง ชายผู้นั้นจะไหวหรือไม่?”
“ท่านปู่หก เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่จะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน … ฉันเองก็ไม่ทราบ แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา มันอยู่ไกลเกินกว่าขอบเขตของพวกเราไปแล้วอย่างแน่นอน เขาเป็นคนที่น่าอัศจรรย์มาก” หลงถิงชมเชย
คนที่หลิงถิงเรียกเขาว่าปู่หก ภายนอกดูเหมือนคนอายุ 35 - 36 ปี แต่ไม่มีท่าทีหยิ่งยะโสเหมือนรุ่นเยาว์ ขณะเดียวกันไม่มีริ้วรอยของความชราให้เห็น แต่ด้วยอายุและความอาวุโสของเขา บ่งบอกว่าเป็นคนยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา
คนผู้นี้คือผู้ใช้พลังเลเวล SS แห่งตระกูลหลง --หลงกง!
และที่นั่งอยู่ข้างๆเขา เป็นผู้ใช้พลังเลเวล SS เช่นเดียวกัน
คนผู้นี้ คือผู้ใช้พลังเลเวล SS ที่มีภูมิลำเนาเป็นเมืองหลวงมังกร --หลี่หยวน!
ทั้งสองเป็นผู้ใช้พลังเลเวล SS ของหัวเซี่ย แต่ได้ถอนตัวออกมาแล้ว
“น่าอัศจรรย์แล้วอย่างไร พอลงสู่สนาม ถูกพบตัวเมื่อไหร่ เขาคงโดนฉีกเป็นชิ้นๆ ตอนนี้ปล่อยให้เขาภาคภูมิใจกับความสำเร็จเล็กๆไปก่อนเถิด ถึงเวลาจริงๆ เกรงว่าเจ้าหนูนั่นต้องจ่ายด้วยชีวิต!” พลังสมาธิถ่ายทอดเข้ามา เป็นความรู้สึกชวนให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดมากเป็นพิเศษ หลงถิงเงยหน้าขึ้น พบว่าผู้ที่ถากถางเป็นชิน นากาว่า
ในฐานะผู้ใช้พลังเลเวล S หลงถิงไม่สามารถโค่นชิน นากาว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นไม่อาจนึกคำใดมาหักล้างคำพูดของเธอ
“ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะโชคดี!” บางคนเริ่มภาวนา
ในขณะนั้นเอง ประตูมิติตรงข้ามผู้ประลองพลันสาดแสงไสว บ่งบอกว่าได้เวลาแล้ว!
ฉินเฟิงอัดฉีดกำลังภายในบนร่างเขา ก่อตัวเป็นโล่อย่างหนา สาวเท้าข้างหนึ่งก้าวเข้าสู่ประตูแสง
งานประลองเพื่อสันติภาพ--
--ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!