ตอนที่แล้วEp.1013 - การคัดเลือก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1015 - ทักษะลับกลืนดาราทรงพลังกว่าเดิม

Ep.1014 - เข้ารับการฝึกจากพันธมิตรมนุษย์


Ep.1014 - เข้ารับการฝึกจากพันธมิตรมนุษย์

ฉินเฟิงไม่สนใจคนๆนั้น อีกฝ่ายก็แค่คนที่บังเอิญเดินสวนกัน การทำให้ผู้อื่นอับอายเท่ากับแสดงความใจแคบของตัวเอง

ฉินเฟิงเพียงส่งเสียงฮึในลำคอ เดินแยกตัวออกมา ห้านาทีได้ผ่านพ้นไป แต่อันดับยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อหมดเวลา รายการจัดอันดับก็ได้รับการตัดสินอย่างสมบูรณ์

ตำแหน่งเดียวที่เปลี่ยนแปลง คืออันดับที่ 23 ก่อนหน้านี้ เนื่องจากฉินเฟิงกระโดดเข้ามาแทรก คนๆนั้นเลยร่วงเป็นอันดับ 24 เสียสิทธิ์ในการเข้าร่วมประลองไป

จากนั้น ฉินเฟิงได้รับการแจ้งเตือนในอุปกรณ์สื่อสารของเขา ว่าโปรดยืนยันว่าจะรับสิทธิ์นี้

นอกจากนี้ข้อมูลที่มันส่งมา ยังบอกว่างานประลองจะไม่เริ่มขึ้นในทันที

งานประลองจะเริ่มขึ้นในอีกครึ่งเดือนให้หลัง ระหว่างนั้นผู้ประลองทั้ง 23 อันดับ ทั้งหมดต้องเข้ารับการฝึกฝน

ฉินเฟิงได้รับพิกัดมิติ ขณะเดียวกันเขาต้องระบุตำแหน่งประตูมิติที่ตนจะใช้ เพื่อให้อีกฝ่ายเปิดสิทธิ์การใช้งาน อนุญาตให้ฉินเฟิงสามารถเข้ามาได้

สำหรับเรื่องเข้ารับการฝึกฝน ฉินเฟิงไตร่ตรองเกี่ยวกับมันสักพัก ก่อนใช้พันธสัญญาแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นแก่ไป๋หลี จากนั้นมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูแสงของเซ็นทรัลซิตี้

เมื่อใกล้ถึงปลายทาง แสงสีโดยรอบก็เปลี่ยนไป ฉินเฟิงก้าวออกไป เมื่อพ้นประตูมิติ เขารู้สึกว่าจู่ๆร่างกายตนพลันหนักอึ้ง คล้ายถูกกดดันด้วยอะไรบางอย่าง แต่ลมหายใจที่สูดเข้าปอด กลับแฝงมาด้วยพลังงานหนืดนับไม่ถ้วน หลอมรวมเข้ากับร่างกายเขา

ฉินเฟิงหันไปมองรอบๆ พบว่ารอบตัวเขาเต็มไปด้วยริ้วสีขาว พื้นใต้เท้าถูกสร้างขึ้นจากวัสดุบางอย่างคล้ายกับหยกขาว แต่ในการรับรู้ของฉินเฟิง เขาตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้เคยเป็นพลังงานมาก่อน

ทว่าถูกแรงอัดที่มหาศาลยิ่งกว่า บีบจนเข้ารูปเป็นหินพลังงานในสภาพนี้

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่ใช่คนเดียวที่มาที่นี่ ยังมีคนอื่นๆอีก ประมาณ 4  คน

แต่ประเด็นก็คือ คนเหล่านี้ ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล S9 ขณะเดียวกัน มีอยู่คนหนึ่งที่มีกลิ่นอายเด่นกว่าทุกคน เขาเป็นผู้ใช้พลังเลเวล SSS กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าคนทั้งหมด

ราวกับตระหนักได้ถึงสายตาของฉินเฟิงที่จับจ้องมาทางตน ชายคนนั้นเหลือบมองฉินเฟิง กล่าวว่า “รอให้ทุกคนมากันพร้อมหน้า แล้วค่อยพูดทีเดียว!”

ฉินเฟิงพยักหน้า อันที่จริงเขาพอจะรู้อยู่แล้ว ว่าทุกคนในที่นี้ ทั้งหมดคือผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานประลอง

รอสักพักหนึ่ง ผู้ประลองก็เริ่มทยอยกันมาเพิ่มอีกแปดคน รวมเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณทั้งสิ้น 12 คน

ถึงจุดนี้ ในที่สุดผู้ใช้พลังเลเวล SSS ก็เปิดปากอีกครั้ง

“ฉันชื่อว่าเส้าตงเฟิง ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ผ่านการคัดเลือก กลายเป็นส่วนหนึ่งในงานประลองเพื่อสันติภาพครั้งนี้ ถึงแม้หลายคนจะเคยได้รับการฝึกฝนมาก่อนแล้ว แต่ปีนี้ก็ยังมีม้ามืดปรากฏตัวขึ้น ครึ่งเดือนต่อจากนี้ พวกคุณจะได้ฝึกฝนกันในแกนกลางของมิติแห่งนี้ และหวังว่าพวกคุณจะพัฒนาไปอีกขั้น อ้อแน่นอน สำหรับคนที่อยู่ในเลเวล S9 พยายามอย่าฝึกจนถึงขั้นตัดผ่านไปเลเวล SS ต่อให้คุณอยากจะยกระดับมากแค่ไหน ก็ต้องอดทน! เอาไว้รอหลังงานประลองจบลงเท่านั้น!”

ต่อมา ชายคนนั้นได้เรียกบางสิ่งบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับเรือลำใหญ่ออกมา ทั้งลำทำจากหยกขาวล้วน กระทั่งฉินเฟิงยังรู้สึกได้ ว่ามันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้

“ขึ้นเรือเถอะ”

ในแววตาของบางคนสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกสับสน บ้างก็สงสัยเล็กน้อย แต่ก็มีหลายคนที่รู้งาน ก้าวขึ้นไปด้วยความปิติยินดี

ฉินเฟิงจับใจความไม่กี่ประโยคที่เลเวล SSS พูด ก็พอจะคาดเดาได้ ว่าในบรรดาคนพวกนี้ น่าจะมีเหล่าเมล็ดพันธุ์ที่ถูกเพาะเลี้ยง ฝึกฝนโดยพันธมิตรมนุษย์รวมอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะงานประลองเพื่อสันติภาพ คือการแย่งชิงมิติที่ถูกมนุษย์ค้นพบในช่วงระยะเวลาสามปี เรื่องสำคัญแบบนี้ ทางพันธมิตรมนุษย์จะไม่ลอบฝึกฝนอาวุธลับของพวกเขาได้อย่างไร?

ยกตัวอย่างเช่นอันดับหนึ่งอย่างหมิงเทียนห่าว  ความแข็งแกร่งทางกายภาพอยู่ในระดับราชันย์สัตว์ร้าย , ดารากำลังภายในมีมากถึงเจ็ดดวง และทักษะฝึกฝนกำลังภายในเลเวล S

คนผู้นี้มีความแข็งแกร่งเป็นเลิศ หากเอ่ยปากบอกทั้งหมดที่ได้มาเป็นเพราะเขาดิ้นรนต่อสู้มาด้วยตัวเอง คงน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อย คาดว่าคงได้มาเพราะใช้วิธีการอันตรายมากกว่า

แต่ก็อย่างว่า ผู้ใช้พลังเลเวล S9 ที่มีอนาคตสดใส จะมาเข้าร่วมงานประลองที่อันตรายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

มีความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น นั่นคือพวกเขาต้องถูกจับตัวไปฝึกมาก่อนแล้ว พลังสมาธิและการรับรู้ในปัจจุบันของฉินเฟิงแข็งแกร่งกว่าคนเหล่านี้มาก ดังนั้นสามารถกวาดออกไปสำรวจโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

แล้วเขาก็พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งท่ามกลางฝูงชน ที่เมื่อเทียบความแข็งแกร่งกับคนอื่นๆแล้ว มันห่างชั้นกันอย่างชัดเจน ที่โดดเด่นที่สุดก็คือกลิ่นอายทางกายภาพ มันอยู่ในระดับราชันย์อย่างแน่นอน คาดว่านั่นคงไม่พ้นเป็นหมิงเทียนห่าว

และหมิงเทียนห่าวในเวลานี้ เจ้าตัวไม่รีรอ เหยียบย่างขึ้นไปบนเรือหยกขาวลำใหญ่อย่างไม่ลังเล คล้ายตระหนักดีว่าไม่มีอันตรายใด และน่าจะรู้ถึงขั้นที่ว่ามันจะพาพวกเขามุ่งหน้าไปในทิศทางไหน แต่ฉินเฟิงเองก็ทราบเหมือนกัน เพราะเรือที่คล้ายๆกับแบบนี้ เขาเคยนั่งมันมาก่อน

ใช่แล้ว มันคือเรือน้ำแข็งที่เขาพบตอนออกสำรวจเกาะมังกร!

ดังนั้น ฉินเฟิงจึงเดินตามผู้ประลองที่น่าจะเคยได้รับการฝึกฝนมาก่อนแล้วไปทันที ก้าวขึ้นไปด้านบน คนอื่นๆเมื่อไม่เห็นว่ามีภัยคุกคามใดๆ ก็ตามขึ้นไปบนเรือด้วย

แม้ฉินเฟิงจะปลดปล่อยการรับรู้อย่างระมัดระวัง และสามารถปิดซ่อนการกระทำจากผู้ประลองคนอื่นๆได้ แต่มันไม่อาจปิดบังเส้าตงเฟิง สายตาขออีกฝ่ายเบนตกลงบนร่างฉินเฟิงอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เส้าตงเฟิงไม่ได้กล่าวอะไร เขารอจนกว่าทุกคนจะขึ้นมาครบ ก็วาดมือ สั่งการให้เรือลอยออกไป

และจุดเริ่มต้นของเรือหยกลำนี้ คือพื้นดินที่เกิดรอยแยกขนาดใหญ่ เรือหยกค่อยๆจมลง หายเข้าไปในรอยแยก

คนที่เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้วไม่พูดอะไร แต่คนที่ไม่เคยกลับตื่นเต้น รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดผู้ใช้พลังคนหนึ่งอดใจไม่ไหว เอ่ยถามขึ้น

“ท่านผู้ใหญ่เส้า เรือลำนี้เป็นของท่านใช่หรือไม่? นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ!”

แม้จะไม่เคยได้พบได้เจอมาก่อน แต่มองจากทิศทางที่เรือกำลังแล่นไปข้างหน้าแล้ว เหล่าผู้ใช้พลังเลเวล S ก็ตระหนักได้ทันทีว่าพวกเขากำลังเดินทางไปยังแกนกลางของมิติ  แต่สถานที่เช่นนั้น กลับสามารถเดินทางโดยเรือลำเล็กแบบนี้ได้ ดิ่งลึกลงมาใต้พื้นดินโดยตรง นี่ทำให้พวกเขารู้สึกทึ่งไม่น้อย

แม้ว่าเส้าตงเฟิงจะหยิ่งผยองและมีความแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆมาก ทั้งยังเป็นเจ้าของมิตินับร้อยแห่ง แต่ความสามารถเช่นนี้ ใช่ว่าเลเวล SSS จะสามารถใช้งานได้

“สมบัติประหลาดอย่างเรือหยกลำนี้ ไม่ใช่สิ่งที่สามารถสร้างขึ้นด้วยความแข็งแกร่งของฉัน ฉันแค่ได้รับอนุญาตมา เลยใช้มันได้ก็เท่านั้น”

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เส้าตงเฟิงสามารถสร้างได้ เขาเพียงได้รับสิทธิ์ในการใช้งานมันเท่านั้น และในประโยคเมื่อครู่ ได้เผยคำเฉลยบางอย่างออกมาแล้ว

“ถ้าอย่างงั้นเรือหยกลำนี้ ก็ถูกสร้างขึ้นโดยจ้าวเหนือหัวน่ะสิ!” เห็นได้ชัดว่าผู้เข้าร่วมประลองไม่ทันคาดคิดว่าจะได้รับคำตอบนี้ มันค่อนข้างน่าตกใจเกินไป

ส่วนฉินเฟิง แม้เขาจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่พอได้ฟังจริงๆ ก็ยังอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้ เพราะจากจุดนี้ มันคงไม่ใช่แค่เรือหยกที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งาน แต่จ้าวเหนือหัวคนนั้น ยังมอบสิทธิ์ในการเข้าถึงแกนกลางมิติได้อย่างง่ายดาย ราวกับแจกขนมออกจากกระเป๋า

‘นี่คงเป็นเรื่องปกติใช่ไหม? เมื่อมีความแข็งแกร่งถึงระดับนั้น บางทีอาจไม่ต้องการแกนกลางของมิติอื่นๆเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองแล้วกระมัง แต่ทุกอย่างคาดเดาไปก็เท่านั้น ยังไงก็ไม่มีทางรู้จนกว่าจะไปยืนอยู่ในจุดนั้น มองจากมุมต่ำ ยังไงก็ไม่มีทางรับชมทิวทัศน์ในมุมสูงได้!’

เฉกเช่นเดียวกับในกรณีของผู้ใช้พลังเลเวล A หรือในเลเวลที่ต่ำกว่า ยามแหงนมองเลเวล S พวกเขาล้วนมิอาจคาดหยั่ง ไม่ว่าจะเป็นกำลังภายในที่เป็นสถานะเป็นของแข็ง หรือแก่นอบิลิตี้ที่เติบโตขึ้น พวกเขาคงไม่อาจจินตนาการได้ว่ามันเป็นแบบไหน

ระหว่างฉินเฟิงกำลังจมอยู่กับตัวเอง เรือหยกก็สามารถแล่นผ่านโซนพื้นผิวไปได้แล้ว เข้าสู่โซนพื้นที่หลักในที่สุด สถานที่แห่งนี้ อัดแน่นไปด้วยสสารที่ควบแน่นสีขาวขุ่นโปร่งแสง

ไม่ต้องสงสัยเลย ว่ามันเอ่อล้นไปด้วยพลังงาน

นอกจากนี้ ฉินเฟิงยังค้นพบว่า เรือหยกลำนี้ เร็วกว่าเรือน้ำแข็งในตอนแรกมาก

ต้องรู้นะว่า เรือน้ำแข็งน่ะไม่มีใครคอยควบคุม แต่เห็นได้ชัดว่าเรือหยกนี้อยู่ในเงื้อมมือของเส้าตงเฟิง ดังนั้นสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงได้

ใช้เวลาแค่สามชั่วโมง ดาวเคราะห์ดวงใหญ่ก็ปรากฏสู่สายตาพวกเขา

มันมีสีหยกขาวบริสุทธิ์ ไม่ต่างจากจันทรา นี่คือดาวเคราะห์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 500 เมตร และเป็นดวงเคราะห์กำลังภายในดวงแรกที่ฉินเฟิงได้พบเจอ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด