Ep.1013 - การคัดเลือก
Ep.1013 - การคัดเลือก
คนที่มุงกันอยู่รอบๆ ตอนนี้ต่างเฝ้ามองไปยังผู้เข้ารับการทดสอบอย่างตั้งใจ
“ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าจะมีใครสามารถแซงหมิงเทียนห่าวได้อีก!”
“คิดก้าวข้ามหมิงเทียนห่าวคงเป็นไปไม่ได้ ที่เขาได้อันดับหนึ่ง เป็นเพราะเจ้าตัวครอบครองดารากำลังภายในถึง 7 ดวง , มีความแข็งแกร่งทางกายภาพอยู่ในระดับที่ยากจะพบเจอ มันได้ไปถึงระดับราชันย์สัตว์ร้ายแล้ว และว่ากันว่าทักษะฝึกฝนกำลังภายในของเขาก็น่าเกรงขามไม่แพ้กัน มันมีคุณสมบัติสามารถดึงพลังต่อสู้ออกมาได้มากถึง 6 เท่า แข็งแกร่งขนาดนี้ ในการทดสอบคัดเลือกจะมีใครสามารถโค่นเขาได้อีกหรือ?”
“ถูกต้อง หมิงเทียนห่าวคืออันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ไม่แน่ อาจถูกแซงได้ทุกเมื่อ!”
“งานประลองเพื่อสันติภาพอันตรายเกินไป เวลานี้ต่อให้หมิงเทียนห่าวเป็นอันดับหนึ่งก็จริง แต่หลังจากเข้าร่วม จะรอดชีวิตกลับมาได้รึเปล่าก็ยังไม่แน่! อัจฉริยะที่แท้จริงน่ะ ไม่มีใครเขามาเข้าร่วมงานแบบนี้หรอก!”
ฝูงชนต่างคนต่างสนทนา ฉินเฟิงคอยรวบรวมข่าวสารจากพวกเขา
มนุษย์ได้สืบทอดสายเลือดและวิวัฒนาการมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับพลังโจมตี ทั้งหมดสามารถนำมาวิเคราะห์แตกย่อยได้
อ้างอิงตามข้อมูล พลังโจมตีของผู้ใช้พลังเลเวล S ตั้งแต่ในเลเวล S ถึง SS ช่วงแต้มพลังโจมตีขั้นพื้นฐานจะอยู่ที่ 1,000 - 5,000 แต้ม แน่นอนว่าตัวเลขนี้มาจากการคำนวณโดยพันธมิตรมนุษย์
เพราะในส่วนของสัตว์ร้ายในเลเวลเดียวกัน มันมีการจัดอันดับแยกย่อยเป็นทหารสัตว์ร้าย , นายพลสัตว์ร้าย , ราชันย์สัตว์ร้าย , จักรพรรดิสัตว์ร้าย และสัตว์เทวะ และแต่ละระดับก็มีพลังโจมตีต่างกัน แต่เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้ว พลังโจมตีจะแตกต่างกันเป็นทวีคูณ 2 , 4 , 6 , 8 และ 10 ตามลำดับ แต่นี่ยังไม่สามารถใช้คำนวณทั้งหมดได้
เพราะมนุษย์ยังมีดารากำลังภายใน ที่สามารถใช้คำนวณพลังโจมตีเช่นกัน โดยจะเพิ่มเป็นทวีคูณตามจำนวนดวงดาราที่ครอบครอง และยิ่งเลเวลของทักษะฝึกฝนกำลังภายในแข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็จะสามารถระเบิดพลังโจมตีออกมาได้เท่านั้น
กล่าวโดยสังเขปก็คือ สามสิ่งที่จะส่งผลต่อพลังโจมตีของผู้ใช้วรยุทธโบราณ จะได้แก่ ดารากำลังภายใน , ความแข็งแกร่งทางกายภาพ และทักษะฝึกฝนกำลังภายใน
ในบรรดาทั้งสาม ความแข็งแกร่งทางกายภาพถ้าจะให้ดีที่สุด ต้องเพิ่มพูนระดับของมันตั้งแต่ยังมีความแข็งแกร่งในเลเวลต่ำ เพราะยิ่งคุณมีเลเวลสูงมากเท่าไหร่ การยกระดับมันขึ้นเป็น ทหาร , นายพล , ราชันย์ , จักรพรรดิ และเทวะ ก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ตรงจุดนี้ทำให้ตัวตนทรงอำนาจนับไม่ถ้วนที่พยายามแสวงหาความสมบูรณ์แบบยังต้องยอมแพ้
ในขณะที่หมิงเทียนห่าวครอบครอง 7 ดารากำลังภายใน , ความแข็งแกร่งทางกายภาพระดับราชันย์เท่ากับทวีคูณเป็น 6 เท่า และทักษะฝึกฝนกำลังภายในเลเวล S ที่สามารถระเบิดพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นได้อีก 6 เท่า ทำให้ในพันธมิตรมนุษย์ กล่าวได้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะผู้มีวาสนาสูงส่ง เป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลชั้นสูง มิเช่นนั้นคงไม่มีเข้าร่วมงานประลองเพื่อสันติภาพที่มีอันตรายมากเช่นนี้ เพราะโอกาสที่จะเสียชีวิตสูงถึง 80%!
อย่างไรก็ตาม รางวัลที่สามารถครอบครองมิติหลายแห่งได้ มันก็น่าดึงดูดใจจริงๆ
ฉินเฟิงลองจินตนาการถึงพลังโจมตีที่เขาจะทำได้
‘ครั้งก่อนฉันใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพระดับเทวะในเลเวล A1 ชกเครื่องทดสอบ แต่ตอนนี้ร่างกายฉันตัดผ่านขึ้นมาเป็นเลเวล S แล้ว เทียบเท่ากับพลังโจมตี 10,000 แต้ม ประกอบกับดารากำลังภายในเก้าดวง ที่ช่วยเสริมพลังโจมตีอีก 9 เท่า และทักษะลับกลืนดาราอีก 10 เท่า โดยรวมแล้วพลังโจมตีปัจจุบันของฉัน น่าจะอยู่ที่ 190,000 แต้ม!’
และนั่นคือสองเท่าของพลังโจมตีของหมิงเทียนห่าว
แน่นอน นั่นแค่พลังโจมตีคร่าวๆ ยามต่อสู้จริง ฉินเฟิงสามารถสำแดงประสิทธิภาพการต่อสู้ได้ยิ่งกว่านั้นมาก
อย่าลืมว่าเขายังมีพลังสมาธิระดับเทวะ ซึ่งสามารถทวีคูณได้เป็น 10 เท่า และแก่นอบิลิตี้มืดที่ใหญ่โต จนสามารถปลดปล่อยพลังในระดับเดียวกับผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล SS
แต่เมื่อเทียบกับกำลังภายในแล้ว แต้มโจมตีโดยรวมของอบิลิตี้ มันคำนวณได้ยุ่งยากกว่ามาก ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะปรากฏขึ้นเมื่อคุณต่อสู้เท่านั้น
ถึงแม้ในพันธมิตรมนุษย์ ผู้ใช้อบิลิตี้มืดจะไม่ค่อยเป็นที่นิยม แต่อำนาจที่มันสามารถสำแดงได้ น่าหวาดกลัวมากจริงๆ
และในเมื่อการทดสอบนี้ สามารถแก้ปัญหาได้โดยใช้วรยุทธโบราณ งั้นฉินเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาทั้งหมดออกมา
มีคนจำนวนมากต่อแถวเบื้องหน้าฉินเฟิง ทั้งหมดเข้ารอรับการทดสอบ ในความเป็นจริงแล้วทุกคนไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วงชิง 23 ตำแหน่ง เพราะในจุดนั้นมันค่อนข้างอันตราย โอกาสเสียชีวิตสูงเกินไป ดังนั้นแค่มาประกาศศักดาที่นี่ เผยพลังโจมตีที่ทำได้ เผื่อว่าจะมีตระกูลหรือกลุ่มใหญ่เห็นผลงานอันยอดเยี่ยมของพวกเขา แล้วชักชวนให้เข้าร่วม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายๆ ที่มักจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุด จะมีพวกนักล่าค่าหัวหลายคนมาทดสอบพลัง เจ้าพวกนี้ตั้งใจโชว์ฝีมือกันเต็มที่ เลยเสียเวลาไปมาก
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้กว่าจะถึงตาฉินเฟิง อีกแค่ 5 นาทีก็จะหมดเวลาทดสอบแล้ว
ยังมีคนอื่นที่อยู่ข้างหลังฉินเฟิงอีก สีหน้าของเขาค่อนข้างกระวนกระวายเล็กน้อย เนื่องจากการระเบิดพลังอย่างเต็มที่ จำเป็นเร่งสภาวะร่างกายให้ถึงขีดสุด แต่ยังไงก็ไม่ถึงตาของพวกเขาเสียที ดังนั้นมีสภาพไม่ต่างจากหม้อเดือด ต้องคอยระงับกำลังภายในไม่ให้ทะลักออกมา แต่ด้วยเวลาที่เหลืออีกห้านาที ดูเหมือนจะไม่ทันถึงตาเขา!
“อาเร๊ะ? เจ้าหนู นายอยู่แค่เลเวล S0 ใช่ไหม? งั้นช่วยหลีกทางให้ฉันเถอะ ปล่อยให้ฉันได้โชว์ฝีมือ เพราะอย่างนายยังไงก็คงมาเล่นๆอยู่แล้ว!” ชายคนนั้นพูด และเริ่มผลักฉินเฟิงออกไป ในมือของเขาอัดฉีดกำลังภายในลงไปหลายส่วน ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะให้ฉินเฟิงหลีกทาง
อย่างไรก็ตาม แรงผลักนี้ กลับไม่สามารถทำให้ฉินเฟิงเคลื่อนไหว หรือสั่นคลอนได้เลย
ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น สายตาเขาชำเลืองมองเพียงแว่บเดียวก็ทำให้ทั้งร่างของชายคนนั้นแข็งทื่อ รู้สึกขนลุกเกรียวกราว
“ไม่ต้องรีบ ฉันขอต่อยแค่หมัดเดียวก็พอแล้ว!” ฉินเฟิงกล่าวน้ำเสียงเย็นชา
ไม่รอให้ชายคนนั้นรับคำ ฉินเฟิงก็ก้าวไปข้างหน้าแล้ว ควงกำปั้นแล้วซัดในวูบเดียว!
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วเกินไป ไม่เหมือนกับอยู่ในสภาวะเร่งเร้าประสิทธิภาพร่างกายเลย เอาจริงๆเหมือนเป็นแค่การชกๆไปอย่างไม่ใส่ใจ
แต่ในเวลานั้นเอง ตัวเลขบนเครื่องจักรเบื้องหน้าฉินเฟิง กลับวิ่งเต้นอย่างบ้าคลั่ง!
ฉินเฟิงไม่ได้ใช้ทักษะลับกลืนดารา เพียงระดมพลังจากดาราทั้งเก้าดวงเท่านั้น แต่เมื่อบวกกับศักยภาพร่างกายระดับเทวะเลเวล S ของเขา ผลลัพธ์เลยน่ากลัวมาก
ตัวเลขพุ่งทะยานดั่งพายุเฮอริเคน ทะลุ 90,000 แต้มในพริบตาเดียว
【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!】
เสียงเครื่องจักรดังขึ้น
【กรุณาให้เราทำการตรวจสอบสถานะของคุณ เพื่อยืนยันว่าคุณต้องการส่งข้อมูลนี้】
ฉินเฟิงใช้อุปกรณ์สื่อสารเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องจักร ป้อนข้อมูลชีวภาพของเขา แม้ตัวอักษรจะแตกต่างกันไปในแต่ละมิติ แต่ด้วยพลังสมาธิ ย่อมสามารถอ่านชื่อได้อย่างไม่เป็นปัญหา นอกจากนี้ยังเข้าถึงรหัสพิเศษได้
ฉินเฟิงตรวจสอบข้อมูลของเขา จากนั้นทำการยืนยันว่าจะส่งข้อมูลนี้
【ขอแสดงความยินดีด้วย! พลังโจมตีของคุณอยู่ในอันดับ 5 เป็นการชั่วคราว โปรดรอจนกว่าผู้เข้าประลองทั้งหมดจะได้รับการทดสอบ!】
แม้ข้อความแจ้งเตือนจะบอกว่าเป็นอันดับชั่วคราว แต่ผลลัพธ์นี้แน่นอนแล้ว มันแทบไม่ต่างจากการตอกตะปูปิดฝาโลง
ฉินเฟิงทราบดี ว่าเขามีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าร่วมงานประลองเพื่อสันติภาพแน่ๆ
ณ ขณะนั้นเอง บังเกิดเสียงดังกังวานออกมาจากเครื่องจักรของฉินเฟิง ข้อมูลบนกระดานจัดอันดับเปลี่ยนแปลงไป ผู้ชมรอบข้างร้องอุทานด้วยความตกใจ
“มีคนเลื่อนตำแหน่งแล้ว! แถมยังอยู่ในอันดับที่ 5 โอ้สวรรค์! แท้จริงแล้วยังมีคนซุกซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้แล้วลงมือในช่วงท้าย!”
“ฉินเฟิง ..? เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน ทำไมฉันไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเลย!”
“รหัสนี้ ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งเข้าร่วมกับทางพันธมิตรมนุษย์ได้ไม่นาน แค่ 2 - 3 เดือนเท่านั้นเอง”
“ความแข็งแกร่งอยู่แค่เลเวล S0? แน่ใจนะว่าเขาไม่ได้ซ่อนความแข็งแกร่งไว้ ยังไม่ได้ทำการเลื่อนขั้นอะไรทำนองนั้นรึเปล่า?”
ทุกคนต่างฮือฮา ยิ่งไปกว่านั้นสายตายังพยายามค้นหาร่องรอยของฉินเฟิง ตามเครื่องจักรที่วางเรียงรายอยู่หลายร้อยเครื่อง
ณ จุดนี้ ฉินเฟิงเดินกลับลงมาอย่างเงียบๆ แสดงท่าทีให้ดูเหมือนว่าความสำเร็จในอันดับห้าไม่ได้เกิดจากเขา
แม้มนุษย์เราบางคนรักที่จะมีชื่อเสียง แต่ก็ยังมีบางคนที่เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบมัน ดังนั้นจะประกาศตัวว่าตนคือคนๆนั้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติ ขณะที่ฝูงชนรอบๆ ไม่ทราบว่าฉินเฟิงคือคนไหน
เพียงแต่ว่า ยังมีอยู่คนหนึ่งที่รู้ และแน่นอนว่าเขาคือคนที่เคยพยายามแซงคิวฉินเฟิง
ตอนนี้ เมื่อเห็นฉินเฟิงเดินลงมา สลับกับมองตราเลเวล S ที่ไม่มีเลข บนอกฉินเฟิงอีกครั้ง แล้วลองย้อนนึกไปถึงตอนที่ตนพยายามออกแรง แต่ไม่สามารถผลักไสอีกฝ่ายได้ เหงื่อนเย็นก็เริ่มผุดพราย หยดย้อยลงทั่วแผ่นหลัง