[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 31 การจากไปของพี่ใหญ่
ตอนที่ 31 การจากไปของพี่ใหญ่
ที่ช่องบันได ฉีหลินผลักหน้าอกของฉินหยู่ให้ถอยออกไปและกระซิบว่า “นายช่วยอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ได้ไหม แกล้งทำเป็นว่านายไม่เห็นอะไรเลยก็ได้ ให้ฉันจัดการเรื่องนี้เอง…”
ฉินหยู่ชี้นิ้วไปที่หน้าอกของฉีหลินด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วพูดว่า “ฉีหลิน นายควรรู้ว่านิสัยของฉันเป็นยังไง ฉันไม่ได้ทำอย่างนี้กับทุกคน ใช้เวลาสงบสติอารมณ์สักหน่อยสิ อาหลงคือคนที่ทางการต้องการ แค่คิดดูสักนิด นายคนเดียวจะช่วยเขาออกจากการควบคุมตัวของตำรวจได้ไหม? ถ้ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น แล้วแม่ของนาย น้องสาว ภรรยาใหม่ของนาย และตัวนายเองอาจจะเสียงานไป หรือแย่กว่านั้นคือเสียนายไปด้วย?”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉีหลินเหงื่อซึมเต็มหน้าผาก แล้วเขาพูดอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาสเลย อาหลงจะอยู่ที่นี่อีกไม่นาน อย่างดีก็แค่เขาก็จะถูกย้ายที่คุมขังพรุ่งนี้เช้า ฉันมีคนรู้จักอยู่ภายใน ทำให้หาเส้นทางการลำเลียงตัวเขาได้ไม่ยาก และฉันเป็นตำรวจอยู่แล้ว ถ้าไปทำอะไรตามท้องถนนคนก็ไม่ค่อยสงสัย นายไม่ต้องกังวลหรอก”
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงต้องเสี่ยงมากเพื่ออาหลงขนาดนี้
นายมีข้อตกลงลับกับเขาหรือนายเอาเงินของเขาไป?” ฉินหยู่ ถามตรงไปตรงมาด้วยความงงงวย
“รู้ไหม ทำไมวันนั้นฉันไม่ยิง” ฉีหลินพูดขึ้นอย่างฉับพลัน “เขาเป็นพี่ชายร่วมสายเลือดของฉัน
เป็นพี่ใหญ่ของฉันเอง เข้าใจไหม?”
ฉินหยู่ ยืนนิ่งด้วยความตกใจเมื่อได้รู้ความจริงที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน
“เสี่ยวหยู่ โปรดฟังฉันด้วย” ฉีหลินพูดต่อด้วยดวงตาแดงก่ำและหอบเหนื่อยเพราะต้องรับความกดดันอย่างมาก
“ความสัมพันธ์ของฉันกับอาหลงอาจเป็นความลับได้อีกไม่นาน ถ้าเรื่องแดงขึ้นเมื่อไหร่ ฉันจะถูกทางกรมจับตามองทันที และจะใช้กฎญาติห้ามเข้าใกล้ เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะไม่เหลือโอกาสอีกแล้ว ฉันคิดดูแล้ว หลังจากกะกลางคืน พรุ่งนี้เช้าฉันจะไม่กลับบ้าน ฉันจะแกล้งทำเป็นนอนออฟฟิศ และสร้างภาพทำเป็นว่าฉันอยู่ในหอพักมาตลอด จากนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงสี่แยกเพื่อส่งมอบ ฉันจะลงมือ ถ้าช่วยเขาได้ มันก็เยี่ยมเลย แต่ถ้าไม่ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่าฉันจะไม่ถูกจับ อาหลงเพิ่งกลับมาจากพื้นที่โครงการพัฒนา และเราไม่รู้ว่าเขามีพวกอยู่ข้างนอกอีกหรือเปล่า ดังนั้นตราบใดที่ฉันไม่ถูกได้จับคาหนังคาเขา พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครเป็นคนทำ เข้าใจไหม”
“นายน่ะ ลังเลที่จะต่อสู้กับคนร้ายในระยะประชิดระหว่างภารกิจจับกุมของเรา แล้วนายจะกล้าช่วยเหลือคนที่ถูกทีมลำเลียงห้อมล้อมอยู่ได้เหรอ? นายประเมินสิ่งต่างๆ ต่ำเกินไป” ฉินหยู่ตอบ
“ฉันไม่อยากเสี่ยงชีวิต แต่ฉันมีทางเลือกไหมล่ะ? มีมั้ย?” ฉีหลินพูดอย่างหนักแน่น “ถ้าฉันไม่เข้าไปยุ่ง ฉันคงต้องดูเขาตายไปต่อหน้าต่อตา”
“...!” ฉินหยู่ฟังแล้วพูดไม่ออก
“ช่างมันเถอะ” ฉีหลินพูดพร้อมกับก้มหัวลงและเริ่มเดินออกจากช่องบันได
“กริ๊งงง!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกริ่งอิเล็กทรอนิกส์ฉุกเฉินดังขึ้นที่ทางเดิน ตามมาด้วยเสียงจากห้องเฝ้าระวัง “เจ้าหน้าที่ที่ประตูห้องสอบสวน 3 โปรดเปิดประตูและตรวจสอบ อาหลงกำลังทำตัวแปลกๆ”
ฉินหยู่และฉีหลินตกใจตัวแข็งอยู่กับที่
ในล็อบบีชั้นหนึ่ง หยวนเค่อได้ยินประกาศผ่านลำโพง เขาหยุดเดินเพื่อฟังและสั่งทันทีว่า “ไปตรวจสอบอาหลง เร็วเข้า!”
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่เวรกลางคืน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากห้องควบคุม หลายคนก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของกลุ่มเจ้าหน้าที่มากมายวิ่งผ่านทางเดินไปอย่างสับสนอลหม่าน ทุกคนมุ่งตรงไปยังห้องสอบสวนทันที
ที่ประตู เจ้าหน้าที่ได้ใช้กุญแจปลดล็อกประตูเหล็ก เมื่อเปิดออกมาและเจ้าหน้าที่ทั้งสี่คนหันมอง ก็เห็นอาหลงใช้ใบหน้าด้านซ้ายของเขาทุบลงไปบนโต๊ะเหล็กที่อยู่หน้าเก้าอี้เหล็กอย่างรุนแรง ราวกับว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว
“เฮ่ย! ทำอะไร อย่าเล่นตลกนะ” หัวหน้าเจ้าหน้าที่เฝ้าประตู รีบก้าวเข้ามาและพยายามยับยั้งอาหลง
“โครมๆ ๆ!” อาหลงใช้ใบหน้าด้านซ้ายใกล้กับปากของเขากระแทกโต๊ะเหล็กอีกหลายครั้ง จนเนื้อบนใบหน้าของเขาฉีกขาด และมีเลือดไหลออกจากปากและจมูกของเขา
หัวหน้าเจ้าหน้าที่รีบเข้าไปคว้าผมของอาหลงแล้วดึงไปข้างหลังพร้อมบอกลูกทีม “เร็วเข้า จับเขาไว้”
“ฮิฮิ ฮิฮิ...!” อาหลงยิ้มเหมือนคนกังวลใจ เงยหน้าขึ้นจ้องมองที่เจ้าหน้าที่พลางบอกว่า “สายไปแล้ว”
สิ้นเสียงของเขา หยวนเค่อ อ๋างสู่ และคนอื่นๆ ก็มาถึงที่ประตู เกือบจะในเวลาเดียวกันกับฉินหยู่และฉีหลิน
“เกิดอะไรขึ้น?” หยวนเค่อถามพร้อมกับเหนื่อยหอบอย่างหนัก
เจ้าหน้าที่หันกลับไปตามเสียงของเขา “จู่ๆ เขาก็ใช้หัวฟาดโต๊ะเหล็ก ส่วนฉัน... ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่…”
เมื่อฉีหลินได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบจะพุ่งเข้าไปในห้องด้วยดวงตาแดงก่ำ
ฉินหยู่คว้าแขนของฉีหลิน พร้อมส่ายหัวด้วยสีหน้าจริงจัง
หยวนเค่อเข้ามาหาอาหลงในห้อง และโบกมือทันทีพร้อมพูดว่า “เปิดปากเขาเร็ว”
เมื่อเจ้าหน้าที่ทั้งสี่ได้ยินดังนั้น ก็ช่วยกันจับหัวของอาหลง และบังคับเปิดปากของเขาซึ่งเต็มไปด้วยเลือด
หยวนเค่อจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง และเอามือล้วงเข้าไปในปากของเขาโดยตรงไม่กลัวที่อาหลงจะกัดนิ้วของเขา ควานอยู่สักพักก่อนจะดึงเอาฟันปลอมออกมา
“อัก!”
อาหลงทำท่าจะอาเจียนและพ่นเลือดออกมาจำนวนมาก
หยวนเค่อก้มลงมองไปที่ฟันปลอมในมือของเขา แล้วถอยไปสองสามก้าวด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ที่ซี่ฟันปลอมมีจุดศูนย์กลางกลวงเป็นช่อง และมีถุงพลาสติกบางสีดำขนาดจิ๋วติดอยู่ที่ขอบ มันดูน่าขยะแขยงอย่างยิ่งในมือของหยวนเค่อ
“นี่อะไร?” ผู้กำกับหลี่รีบเข้ามาถามอย่างรวดเร็ว
“มันเป็นฟันปลอม เขา... เขาหักฟันปลอมของเขา” หยวนเค่อพูดติดอ่างตอบราวกับเข้าใจรางๆ แต่ไม่แน่ใจนัก
ผู้กำกับหลี่ตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้
บนเก้าอี้เหล็ก อาหลงก็สะบัดหัวเพื่อหลุดพ้นจากเงื้อมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสี่คน เขายังคงมีรอยยิ้มกังวลบนใบหน้าของเขา “ตั้งแต่ฉันเริ่มทำงานสายนี้ ฉันก็คิดมาตลอดว่าจะตายยังไงดี มียาพิษเม็ดเล็กๆ อยู่ในฟันปลอมนั่น ฉันก็แค่กัดมัน...”
“บ้าเอ๊ย!” ทันใดนั้น หยวนเค่อก็ระเบิดขึ้น เขาเตะอาหลงที่หน้าอกแล้วตะโกนว่า “เร็วเข้า! ถอดกุญแจมือแล้วพาเขาไปโรงพยาบาล”
อาหลงมองหยวนเค่อด้วยรอยยิ้ม “พวกแกยังดี มีชีวิตที่สูงส่ง พวกเรามันไอ้โง่ธรรมดาๆ แข่งกับแกไม่ได้หรอก แม้ว่าเราจะเสี่ยงชีวิตก็ตาม... แต่… หยวนเค่อ ฉันอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับแก บางสิ่งที่ผู้คนทำ สวรรค์กำลังจับตาดูอยู่...ฉันไม่เชื่อว่ายาที่มีไว้เพื่อช่วยชีวิต จะถูกควบคุมโดยพวกแก ถ้าฉันตาย ฉันจะสาปแช่งแกจนถึงลมหายใจสุดท้าย พวกแกจบไม่สวยหรอก!”
คนอื่นๆ เงียบไปเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
อาหลงบิดคอของเขาอย่างติดขัดหันไปมองทางประตู แล้วตะโกนด้วยเสียงแหบแห้งของเขาว่า
“ถึงเพื่อนของข้าในห้องสอบสวนอื่น อย่ากลัว ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย... กัดลิ้นของแกไว้ อย่าสารภาพ แล้วแกจะไม่ต้องกังวลอะไร...”
เมื่อฉีหลินได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขากำหมัดแน่นและกำลังจะเข้าไป เพราะเขารู้ว่าอาหลงกำลังพูดสิ่งนี้กับเขา
ฉินหยู่คว้าแขนของฉีหลินแล้วกระซิบว่า “นายเข้าใจสิ่งที่เขาพูดไหม? ตอนนี้เขากำลังจะตาย เพราะเขาไม่ต้องการให้นายเข้าไปเกี่ยวข้อง... อย่าเข้าไป ไม่ว่านายจะรู้สึกยังไง อย่าเข้าไป”
“อักก!”
บนเก้าอี้เหล็ก อาหลงโน้มตัวไปข้างหน้าและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ร่างกายของเขาเริ่มกระตุกและบิดไปมาอย่างรุนแรง
เมื่อหยวนเค่อเห็นเขาแบบนี้ เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะส่งอาหลงไปโรงพยาบาล เขาแค่ถือฟันปลอมไว้และก้มลงไปพูดเบาๆ ใกล้หูของอาหลงว่า “แกคิดว่าสิ่งที่แกทำเป็นความลับนักใช่ไหม แกคิดว่าแกตายแล้วจึงดึงคนอื่นลงไปด้วยได้หรือ?”
อาหลงหันหัวไปอย่างว่างเปล่า
“หึหึ นายติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของเรา เขาอยู่ที่หน้าประตูเลยใช่ไหม?” หยวนเค่อถามด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อาหลงก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง จ้องมองไปที่หยวนเค่ออย่างโกรธแค้น และตะโกนว่า “ไอ้…ไอ้เหี้ย!”
…………………………………………………………….