WS บทที่ 104 ดินแดนมนต์ดำ PART 2
“ดินแดนมนต์ดำอยู่ที่นี่!”
เมอร์ลินเบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาเปลี่ยนความสนในจากคาเปซกับแคทเธอรีนโดยทันที เขารีบขยายพลังจิตอย่างรวดเร็วและเริ่มค้นหารอบตัวเขา
เขาสังเกตเห็นตัวอักษรรูนลึกลับที่สลักบนแหวนได้กระพริบอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกันเขามองเห็นลำแสงจาง ๆ ที่อยู่บนอากาศ เขาได้ใช้พลังจิตตรวจสอบลำแสงนั่น เขารู้สึกได้มันมีรูปแบบพลังที่คล้ายกับตัวอักษรรูนบนแหวนเลย
“หรือว่าแหวนนี้จะเป็นวงแหวนเวทย์?”
เมอร์ลินนึกขึ้นได้ว่าวงแหวนเวทย์นั้นมันถูกสร้างขึ้นโดยคาถาที่ทรงพลังในตำนาน มันจำเป็นต้องใช้พลังจิตในการขับเคลื่อนวงแหวนเวทย์ หากเปิดใช้งานมันได้ มันจะสามารถพาคน ๆ หนึ่งไปยังสถานที่ที่ห่างไกลหลายร้อยหรือหลายพันกิโลเมตรแต่เนื่องจากเมอร์ลินมีความรู้เรื่องตัวอักษรรูนน้อยมากและเขาไม่มั่นใจว่าแหวนวงนี้จะใช่วงแหวนเวทย์ที่เขารู้จักรึเปล่า ดังนั้นเขาจึงตั้งใจลองทดสอบมัน
เมอร์ลินคิดว่าแหวนน่าจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการค้นหาดินแดนมนต์ดำ เมอร์ลินได้ยกแหวนสีดำขึ้นมา จากนั้นก็ส่งพลังจิตไปกระตุ้นมัน
ในขณะที่เมอร์ลินกำลังจะใช้พลังจิตกระตุ้นแหวนอยู่นั้น ทางด้านหมาป่าน้ำแข็งได้หันมามองเมอร์ลินอย่างตื่นตัว มันรู้สึกว่าเมอร์ลินเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับมัน มันจึงตัดสินใจพุ่งทะยานไปหาเมอร์ลินพร้อมกับไอเย็นที่หนาวเหน็บ
“หมาป่าน้ำแข็ง มันไปที่ทางคุณแล้ว!!”
แม้ว่าคาเปซกับแคทเธอรีนจะอยู่ในสถานการณ์อันตรายแต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเตือนเมอร์ลิน
“ถอยไปซะ!!”
เมอร์ลินหันมามองหมาป่าน้ำแข็งอย่างเย็นพร้อมกับเสกลูกไฟจำนวนมากใส่มัน พวกลูกไฟพุ่งใส่มันอย่างไร้ปรานี
*ฉ่า*
ไอเย็นและคลื่นความร้อนได้ปะทะกันอย่างไม่ขาดสาย มันทำให้เกิดกลุ่มควันจำนวนมาก
“แช่แข็ง!”
เขาจ้องมองหมาป่าน้ำแข็งอย่างเย็นชา ตัวมันกำลังขัดขวางการค้นหาของเขา ทำให้เขาตัดสินใจใช้คาถาแช่แข็งใส่มันทันที
*ครึ่ก!*
แม้ว่าตัวของหมาป่าน้ำแข็งจะถูกสร้างขึ้นจากธาตุน้ำแข็งแต่คาถาแช่แข็งของเมอร์ลินมีความพิเศษมากจึงสามารถตรึงร่างของเจ้าหมาป่าได้แต่อย่างไรคาถาแช่แข็งทำได้แค่เพียงหยุดหมาป่าน้ำแข็งได้เท่านั้นแต่ไม่สามารถทำอะไรตัวมันได้
ดังนั้นเมอร์ลินจึงส่งลูกไฟขนาดมหึมาใส่มัน
*ตูม!!*
เมื่อลูกไฟยักษ์ถึงเป้าหมาย เขาก็ส่งให้มันระเบิดทันที ด้วยแรงระเบิดอันมหาศาลทำให้หมาป่าน้ำแข็งถูกเผาเป็นจุล เพียงพริบตาตัวของมันก็กลายเป็นเถ้าธุลี
“นะ...นักเวทย์ เขาเป็นนักเวทย์งั้นเหรอ?”
คาเปซกับแคทเธอรีนจ้องมองเบื้องหน้าอย่างงุนงง พวกเขาไม่คิดว่าเมอร์ลินที่ได้ร่วมเดินทางกับพวกเขาจะเป็นพ่อมดที่ทรงพลัง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถจัดการหมาป่าน้ำแข็งที่พวกเขาวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนได้ในพริบตาเพียงแค่สะบัดมือ
เมอร์ลินไม่ได้สนใจอะไรกับมหาป่าน้ำแข็งอยู่แล้ว เขาสามารถจัดการมันอย่างง่ายดาย ตอนนี้เขากำลังจดจ่อกับแหวนที่อยู่ในมือของเขา
*วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!*
เมอร์ลินช้พลังจิตส่งเขาไปในแหวนอย่างเต็มกำลัง จากนั้นมันก็เปล่งแสงอันเจิดจ้าออกมา แสงเหล่านี้ได้เข้ามาห่อหุ้มตัวของเมอร์ลินไว้
“อย่างที่ฉันคิดเลย แหวนวงนี้เป็นวงแหวนเวทย์สินะ”
เมอร์ลินสัมผัสได้ถึงอักษรรูนมากมายรอบตัวเขา มันได้ก่อตัวเป็นวงกลมและห่อหุ้มตัวเขาไว้
“พวกคุณไม่มีคุณสมบัติของพ่อมด รีบออกมาจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เมอร์ลินได้หันมาพูดกับคาเปซกับแคทเธอรีน
เขายังไม่ลืมสาเหตุที่พวกเขาเดินทางมายังเทือกเขาเคอร์ริชแห่งนี้ พวกเขาต้องการมาเป็นนักเวทย์แต่พวกเขาไร้ซึ่งคุณสมบัติ มันจึงไร้ประโยชน์ที่พวกเขาจะเดินทางต่อ
หากพวกเขาเป็นคนทั่วไป เขาจะไม่สนใจพวกเขาแต่เนื่องจากแคทเธอรีนที่ไร้เดียงสา มันทำให้เขานึกเชลลี่ บุตรสาวของเคานต์เซลินด้วยเหตุนี้เขาจึงยอมให้คำเตือนแก่พวกเขา
แต่พวกเขาจะยอมทำตามคำแนะนำของเขาหรือไม่ มันไม่ใช่ธุระของเขา
เมื่อสิ้นเสียงของเมอร์ลิน เขาก็รู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่กำลังพาเขาไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก
*หวู่ม!!*
แสงสว่างได้สาดส่องไปทั่วบริเวณ ร่างของเมอร์ลินได้หายไปทันที จากนั้นป่าทึบก็กลับสู่สภาวะปกติ
ถ้าคาเปซกับแคทเธอรีนไมได้เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาก็คงคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
“คุณเมอร์ลินจะต้องเป็นนักเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนมนต์ดำอย่างแน่นอน ช่างน่าเสียดายที่พวกเราพลาดโอกาสในการผูกมิตรกับเขา...” แคทเธอรีนก้มหน้าลงและกล่าวอย่างขุ่นเคือง
ทางด้านคาเปซ เขาจ้องมองไปยังจุดที่เมอร์ลินหายตัวไปด้วยสายตาที่ซับซ้อน จากนั้นเขาก็ส่ายหัวเบา ๆ และถอนหายใจเฮือกใหญ๋
“แม้แต่คุณเมอร์ลินยังบอกว่าพวกเราไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อมด...แคทเธอรีน พี่ว่าเราควรกลับบ้านและไปขอโทษพ่อดีกว่านะ”
ตอนนี้คาเปซล้มเลิกที่จะเป็นนักเวทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แคทเธอรีนเม้มปากแน่นและพูดด้วยความไม่พอใจ “หนูได้ยินมาว่า ถ้าเราสามารถเป็นนักดาบธาตุขั้นสูงได้ พวกเขาจะมีพลังที่ไม่ด้อยกว่านักเวทย์เลย ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะกลับไปฝึกฝนอย่างขันแข็งเพื่อกลายเป็นนักดาบธาตุที่แข็งแกร่งที่สุด...”
แคทเธอรีนที่รู้สึกท้อแท้เมื่อครู่แต่ตอนนี้จิตวิญญาณแห่งนักสู้ได้กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้เธอได้เปลี่ยนเป้าหมายเป็นนักดาบธาตุขั้นสูง
...
*ซ่า ซ่า*
แนวชายฝั่งที่ไหนสักแห่ง สายลมที่ได้พัดพากลิ่นอายของทะเลขึ้นบนอย่างไม่หยุดหย่อน คลื่นทะเลได้ซัดเข้าหาแนวปะการังอย่างต่อเนื่อง
เหล่านกนางนวลบนวนเหนือท้องฟ้าของเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง บางตัวก็ร่อนลงบนชายหาดเพื่อเล่นน้ำ
*หวู่ม*
ทันใดนั้นได้มีคลื่นพลังอันผันผวนได้หมุนวนบนชายหาดอันแสนสงบ จากนั้นก็มีแสงสีขาวส่องออกมาจากตรงนั้น
จากนั้นก็มีชายของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวบนโขดหิน
“ที่นี่คือดินแดนมนต์ดำงั้นเหรอ?”
เมอร์ลินขมวดคิ้วและพึมพำเบา ๆ จากนั้นเขาได้ตรวจสอบร่างกายของตัวเอง เขาพบว่าตัวเหนื่อยจากการใช้พลังจิตไปจำนวนมาก ส่วนนอกจากนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ
จากนั้นเขาก็เดินออกจากโขดหิน เขาได้พบว่าบนหินมีอักษรหินสลักไว้เป็นจำนวนมาก เป็นได้ชัดว่าวงแหวนเวทย์นี้ถูกสร้างโดยนักเวทย์
เขาหันไปมองท้องทะเลอันกว้างไกล เขาจำได้ว่าที่เทือกเขาเคอร์ริชไม่ได้อยู่ติดกับทะเลอยู่เหมือนว่าวงแหวนเวทย์จะส่งเขามาที่สถานที่อันไกลแสนไกล
เขาไม่พบสิ่งมีชีวิตตัวไหนเลย นอกเสียจากพวกนกนางนวลที่บินไปมาบนชายหาด
เขาได้เดินเข้าไปในเกาะ เขาก็พบกับแผ่นหินโบราณที่สูงเท่ากับมนุษย์ มันตั้งตระหง่านบนพื้นหญ้าสีเขียว
มันถูกสลักด้วยภาษามอลต้าว่า - ดินแดนมนต์ดำ
“ที่นี่คือดินแดนมนต์ดำสินะ”
เมอร์ลินได้หันไปมองรอบ ๆ เขาเพียงความว่างเปล่า เขาไม่เห็นสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ของที่นี่เลย ราวกับที่นี่เป็นเพียงเกาะร้าง
‘ที่แบบนี้จะเป็นดินแดนมนต์ดำได้อย่างไร?’
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? อย่างบอกนะว่าดินแดนมนต์ดำจะตั้งอยู่บนเกาะร้างแห่งนี้?”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหัวเราะอันแหลมสูงดังขึ้นในโสตประสาทของเมอร์ลิน
“ฮิฮิ ในที่สุดก็มีคนเข้ามา พ่อมดหนุ่มเอ๋ย ยินดีต้อนรับเข้าสู่ดินแดนมนต์ดำ!”
เมอร์ลินตกตะลึง เขาหันไปมองทางต้นเสียงทันที เขามองเห็นร่างโปร่งแสงที่ค่อย ๆ ลอยออกมาจากแผ่นหินโบราณที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ จากนั้นมันก็เปลี่ยนร่างเป็นแมวสีดำที่มีขนเงางามและเปล่งประกาย
แมวดำลอยอยู่บนอากาศ มันมีดวงตาสองสี ข้างหน้าสีแดงและอีกข้างเป็นสีขาว มันจ้องมองเมอร์ลินอย่างเงียบ ๆ