154 - เมื่อไร้เมฆหมอกท้องฟ้าก็สดใส
154 - เมื่อไร้เมฆหมอกท้องฟ้าก็สดใส
ทั้งสามคนเดินไปตามเส้นทางบนภูเขาพวกเขาถือตะเกียงคนละอันและอากาศก็หนาวมากจนแม้แต่พื้นดินก็กลายเป็นน้ำแข็ง ขั้นบันไดตามเส้นทางบนภูเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์เกือบทั้งหมด
ท้องฟ้าว่างเปล่าทั้งดวงดาวและดวงจันทร์เหลือเพียงชั้นเมฆคล้ายตะกั่ว ในป่าทั้งสองข้างทางบนภูเขา ไม่มีเสียงจากแมลงใดๆสิ่งเดียวที่ได้ยินคือเสียงนกหวีดหวิวของลมหนาว
งานวันนี้จะยากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่การนำน้ำขึ้นไปบนภูเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เอี้ยนลี่เฉียงและสหายทั้งสองของเขาต่างนำพลั่วทำนามาจากลานของพวกเขาเอง เมื่อพวกเขาขึ้นไปบนภูเขาพวกเขาก็ไถหิมะออกจากเส้นทาง ทำให้เกิดเป็นทางแคบที่สามารถพาคนขึ้นหรือลงจากภูเขาได้
เอี้ยนลี่เฉียงอยู่ด้านหน้าสุดเป็นผู้นำทาง เขาใช้กำลังดันพลั่วเข้าไปในหิมะลึกแล้วดันไปด้านข้าง ด้วยวิธีการนี้กองหิมะขนาดใหญ่จะถูกผลักออกจากเส้นทางและตกลงไปด้านล่างของภูเขา
“รอให้ข้ากลายเป็นศิษย์หลักของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก่อนเถอะ เจ้าคนแซ่ฮั่วนั่นต้องเสียใจ! ข้าจะไม่ยกโทษให้มันอย่างแน่นอน” กู่เจ๋อซวนสาปแช่งในขณะที่ทำงาน
“เจ้านี่เป็นคนใจดีจริงนะลี่เฉียงถึงได้ทำงานบ้าๆนี้นานถึงสามเดือน ถ้าเป็นข้าบางทีอาจจะหนีไปตั้งแต่เจ็ดวันแรก”
“วันนี้เส้นทางบนภูเขาเดินทางยากหน่อย ปกติก็ไม่ได้แย่ขนาดนี้…” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวอย่างใจเย็นขณะที่เขาใช้พลั่วดันหิมะออกไป
เนื่องจากเขาเพิ่งเข้าสู่ระดับนักรบเอี้ยนลี่เฉียงจึงมีความแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเทียบได้
การประสานระหว่างร่างกาย มือ และดวงตาของเขานั้นไร้เทียมทาน ซึ่งงานที่เขาทำตอนนี้มันไม่สามารถส่งผลกระทบอะไรกับเขาได้เลย
งานประเภทนี้เป็นงานเบ็ดเตล็ดในทางเทคนิค แต่สำหรับเอี้ยนลี่เฉียงกลับสามารถใช้พวกมันทำการบ่มเพาะพลังของตัวเองได้
เช่นเดียวกับตอนที่เอี้ยนลี่เฉียงกำลังพรวนหิมะออกจากทาง เขาก็ฝึกฝนวิชาทวนไปพร้อมกัน ในขณะที่หิ้วน้ำขึ้นมาจากแม่น้ำด้านล่างเขาก็ฝึกฝนวิชาระฆังทองคุ้มกาย
ดังนั้นงานที่เหน็ดเหนื่อยสำหรับคนอื่นกลับเป็นความสุขประการหนึ่งของเขา
กู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงต่างก็ไม่พบอะไรแปลกๆเกี่ยวกับเอี้ยนลี่เฉียง พวกเขายังไม่ทราบว่าหลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งวัน เอี้ยนลี่เฉียงก็กลายเป็นนักรบที่แท้จริงแล้ว
ทั้งสองคนติดตามเอี้ยนลี่เฉียงและรู้สึกเพียงว่าความแข็งแกร่งของเอี้ยนลี่เฉียงในวันนี้นั้นไม่ธรรมดา ทุกการเคลื่อนไหวของเขาอ่อนไหวและเหมาะสมกลมกลืนไปกับความมืดยามราตรี
ตอนที่พวกเขามาถึงห้องน้ำบนยอดเขา พวกเขาทั้งสามต่างก็มีขนตาที่เคลือบด้วยน้ำแข็ง เมื่อกู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงเห็นห้องน้ำ พวกเขาก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง นั่นก็เพราะว่าห้องน้ำนั้นไม่เหมือนกับที่พวกเขาคิดไว้
มันสะอาดเกินไปจนทั้งคู่รู้สึกว่ามันอาจจะถูกใครบางคนแอบมาทำความสะอาดแล้ว
ห้องน้ำนั้นไม่เพียงสะอาดเท่านั้นยังไม่มีกลิ่นแปลกๆอีกด้วย
"มีใครทำความสะอาดห้องน้ำนี้แล้วหรือ?" กู่เจ๋อซวนมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยความประหลาดใจ
“ศิษย์พี่จากภูเขาเทียนเฉียวพวกเขารู้สึกสงสารเจ้าจึงแอบมาทำความสะอาดหรือเปล่า”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า
“ยังไม่ได้ล้าง!”
“แล้วทำไมมันสะอาดจัง”
“ถ้าอยากรู้เหตุผลล่ะก็ตามข้าไปตักน้ำเดี๋ยวข้าจะบอกเจ้าเอง!” เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะออกมา
เขาวางกองเครื่องมือและหยิบถังสองถังก่อนที่จะมุ่งหน้าลงจากภูเขา กู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงต่างก็มีถังของตัวเองอยู่ในมือ
ด้วยสายตาปัจจุบันของเอี้ยนลี่เฉียงเขารู้สึกว่าแม้จะไม่มีตะเกียง เขาก็ยังสามารถเห็นเส้นทางบนภูเขาได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาไม่ต้องการเปิดเผยความสามารถออกมาเขาจึงยังคงนำตะเกียงติดตัวไปด้วย
“ลี่เฉียง ทำไมห้องน้ำถึงสะอาดจัง” จ้าวฮุ่ยเผิงซึ่งแทบไม่เคยพูดเลยยังอดที่จะถามออกมาไม่ได้หลังจากที่เขาเดินมาถึงลำธาร กู่เจ๋อซวนก็ให้ความสนใจเช่นกัน ต้องการฟังคำอธิบายของเอี้ยนลี่เฉียง
“ตามธรรมชาติของมนุษย์แล้วถ้ามันสะอาดทุกคนก็ไม่ต้องการให้มันสกปรกแต่ถ้ามันสกปรกอยู่แล้วคนก็จะไม่สนใจว่ามันจะสกปรกเพิ่มหรือเปล่า”
กู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงคิดว่าคำอธิบายของเอี้ยนลี่เฉียงนั้นน่าสนใจมาก และพวกเขาต่างก็หลงใหลในขณะที่ฟังเขาพูดและกู่เจ๋อซวนก็ร้องอุทานเสียงดัง
“ข้ารู้แล้ว ผู้แข็งแกร่งมักจะแข็งแกร่งขึ้นและคนที่อ่อนแอมักจะอ่อนแอลง นี่มันเป็นปรัชญาอันลึกล้ำ สำหรับคนเข้มแข็งเช่นศิษย์สายตรงและแกนหลักพวกเขาต่างพยายามฝึกฝนเพื่อให้ได้ทรัพยากรที่ดีที่สุด
ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามสำหรับคนอื่นๆเช่นเราที่เป็นสาวกภายนอกและไม่มีความพยายามใดก็จะถูกคนอื่นเหยียบย่ำอยู่เรื่อยไป”
“เหตุผลของเจ้าน่าสนใจ เพียงแต่ว่าพวกเราไม่ใช่คนที่ไม่มีความพยายามเหมือนที่เจ้าว่าอย่างแน่นอน!” เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าเรายังเป็นเพียงสาวกภายนอกเราก็แค่พัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับงานที่ข้าทำหากข้ามัวแต่โทษฟ้าโทษดินแล้วไม่ทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดท้ายที่สุดแล้วมันก็จะไม่มีอะไรดีขึ้น แม้ว่าสิ่งที่เจ้าทำจะไม่มีคนเห็นแต่เจ้าก็เห็นในสิ่ความพยายามของตัวเองอยู่ไม่ใช่หรือ”
"ข้ารู้สึกประหลาดใจในความคิดของเจ้าจริงๆ เจ้าไม่เหมือนคนอายุสิบสี่สิบห้าเลย!" กู่เจ๋อซวนถอนหายใจแล้วกล่าวเสริมว่า
“ตอนแรกข้าไม่เข้าใจว่าเหตุไฉนเจ้าจึงต้องทุ่มเทกับการทำความสะอาดห้องน้ำถึงขนาดนี้ แต่เมื่อได้ยินวิธีคิดของเจ้ามันทำให้ข้ารู้สึกนับถืออย่างแท้จริง ...”
จ้าวฮุ่ยเผิงเหลือบมองเอี้ยนลี่เฉียงด้วยแววตาที่น่าชื่นชม หลังจากที่จ้าวฮุ่ยเผิงได้ยินคำพูดของเอี้ยนลี่เฉียงเขารู้สึกเหมือนกับตัวเองได้รู้แจ้งในทันที
...
ในขณะที่ใช้น้ำส้มสายชูดินผสมน้ำเช็ดพื้นห้องน้ำกู่เจ๋อซวนก็พูดขึ้นมาทันทีว่า
"ลี่เฉียงข้ารู้สึกเหมือนจ้าวฮุ่ยเผิงกับข้าตกหลุมพรางของเจ้าซะแล้ว หลังจากที่เราผสมน้ำส้มสายชูดินที่เจ้าให้เราทำเสร็จแล้ว ก็มีแต่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่ได้ใช้ประโยชน์ เมื่อเร็วๆนี้เราเอาน้ำส้มสายชูจากดินไปยังตลาดกลับไม่สามารถขายได้แม้แต่ขวดเดียว ... "
"ฮ่าฮ่าฮ่า ... " หยานลี่เฉียงหัวเราะเสียงดัง "ถ้าจะขายน้ำส้มสายชูดิน ก็ต้องโฆษณาบ้าง..."
"เอ๊ะ โฆษณาอะไรน่ะ"
“หมายความว่าต้องเผยแพร่ให้ทั่วถึง คอยดูเถอะไม่ต้องรีบหรอก…”
...
ในตอนเช้ามืดทั้งสามก็ออกจากห้องน้ำเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขากำลังเดินออกไปเอี้ยนลี่เฉียงก็พบว่ามีคนยืนอยู่ข้างนอกแล้ว
คนๆนั้นหัวล้านใบหน้ามีเคราเต็มไปหมดแม้ว่าจะเป็นวันที่อากาศหนาวเย็นแต่เขาก็ดูไม่หนาวเลย เขาสวมเสื้อแขนกุดสายตาของเขากวาดมองไปทั่วทั้งสามคนก่อนจะหยุดอยู่ที่เอี้ยนลี่เฉียง
ในตอนที่เอี้ยนลี่เฉียงยังคงเดาอยู่ว่าคนๆนี้เป็นใครใบหน้าของกู่ เจ๋อซวนก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขารีบแสดงความเคารพออกมาด้วยความสุภาพมากที่สุด
“คารวะอาจารย์ซู…..”
เมื่อได้ยินว่าบุคคลนี้เป็นปรมาจารย์ในสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ เอี้ยนลี่เฉียงและจ้าวฮุ่ยเผิงก็ไม่กล้าที่จะรีรอพวกเขารีบทำความเคารพเช่นกัน
ชายคนนั้นยิ้มเล็กน้อยและมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียง
“เป็นเวลาหนึ่งร้อยวันเต็มแล้วตั้งแต่ที่เจ้าเริ่มทำความสะอาดห้องน้ำของเขาเทียนเฉียว เจ้าไม่เคยหย่อนยานแม้แต่วันเดียวและทำความสะอาดอย่างถี่ถ้วนเจ้าไม่รู้สึกว่ามันเป็นงานที่น่าเบื่อหรือ ?”
“ข้าก็แค่พยายามทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้น” เอี้ยนลี่เฉียงตอบกลับอย่างสุภาพ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เลือกใช้คำได้ดีมาก…” ปรมาจารย์ซูหัวเราะเสียงดัง
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเจ้ามีงานใหม่ที่เขาเทียนเฉียว ไปทำเอกสารให้เสร็จในวันนี้แล้วพรุ่งนี้มารายงานตัวกับข้า…”