WS บทที่ 103 ดินแดนมนต์ดำ PART 1
*สวบ*
ในผืนป่าอันกว้างใหญ่ที่ร่างสองร่างปรากฏตัวขึ้นเป็นผู้ชายและอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิง
หญิงสาวร่างสูง เธอได้มัดผมเป็นหางม้าสภาพของเธอตอนนี้ดูใกล้จะหมดแรง เธอหายใจอย่างเหนื่อยหอบและจ้องมองไปยังผืนป่าเบื้องหน้าที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด เธอได้พูดอย่างเซ็งว่า
“อีกเมื่อไหร่เราจะถึงพี่ เราเดินมาครึ่งวันแล้วนะ”
คาเปซที่มองไปเบื้องหน้าด้วยสีหน้าที่ลึกซึ้ง ท่าทางของเขาดูสุขุมและสงบ จากนั้นเขาก็เบนสายตามามองน้องสาวและพูดว่า
“พี่ว่าเราใกล้จะถึงที่หมายแล้ว น้องอดทนเดินทางต่อกันเถอะ”
แคทเธอรีนรู้สึกทำตัวไม่ถูกแต่เมื่อเธอนึกถึงความเป็นไปได้ในการพบองคกรนักเวทย์ที่เธอใฝ่ฝันที่จะเข้าร่วมมาโดยตลอด มันก็ทำให้เธอฮึดสู้และก้าวเดินไปข้างหน้า
“โฮก!!!”
ทันใดนั้นเองกมีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายขนาดมหึมาดังขึ้น
คาเปซกับแคทเธอรีนหันไปมองรอบ ๆ อย่างตื่นตัว
จากนั้นก็มีเสือโคร่งสูงสองสามเมตรกรธดจนออกมาจากป่า ด้วยขนาดของมันทำให้พวกเขาเข้าคู่ดูตัวเล็กราวกับคนแคระไปเลย
“นี่มันเสือลายพาดกลอนไม่ใช่เหรอ? ทำไมตัวมันถึงได้ใหญ่ขนาดนี้?”
แคทเธอรีนส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอเคยเห็นเสือลายพาดกลอนมาก่อน ขนของพวกมันมีมูลค่าสูงมาก อย่างไรก็ตามปกติตัวมันไม่สูงถึงขนาดนี้
แม้ตัวเสือจะใหญ่และน่ากลัวแต่แววตาของมันกลับว่างเปล่าราวกับตุ๊กตา
“แคทเธอรีนระวังตัวให้ดี ที่เทือกเขาเคอร์ดิชมักจะมีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา พี่ได้ยินเรื่องเล่าจะนักผจญภัยมาว่าพวกเขาเคยพบกับพวกสัตว์ที่ถูกควบุมด้วยอะไรบางอย่าง”
หลังจากกล่าวจบ คาเปซได้ถอยหลังไปทีละกว้าง ในใจของเขาคิดว่าการได้พบกับเสือโคร่งยักษ์ตัวนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าพวกเขาใกล้จะถึงส่วนลึกของเทือกเขาเคอร์ดิชแล้ว
“โฮก!!!”
เสือเงยหน้าคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นมันก็ก้าวเดินไปหาคาเปซทันที
เพียงพริบตาเจ้าเสือก็เข้ามาใกล้คาเปซแล้ว เห็นได้ชัดว่าพลังกระโดดของมันยอกเยียมเพียงใด
*หวู่ม!*
ทันใดนั้นความผันผวนของธาตุลมได้ระเบิดออกมาจากร่างกายของคาเปซ เขาได้พุ่งเข้าหาเจ้าเสือสวนกลับไปอย่างไม่กลัวเกรง
“ย้าก!!”
คาเปซส่งเสียงคำรามพร้อมกับง้างดาบใหญ่ออกมา ทันใดนั้นแสงยาวได้ฟันผ่านร่างของมันไป
*ฉัวะ*
เสือลายพาดกลอนที่ดูเกรงขามและทรงพลังราวกับไม่มีใครเทียบเคียงได้ มันได้ถูกโค่นลงอย่างง่ายดาย เลือดสด ๆ พุ่งออกมจากสมองของมันทันที
“กรร...” เสียงร้องอู้อี้ได้ดังออกมาจากเจ้าเสือที่นอนอยู่กับพื้น
ทางด้านคาเปซ เขามองดูซากของเสือโคร่งที่แววตาที่หวั่นเกรง จากนั้นเขาได้ยกดาบใหญ่ขึ้นและพูดโดยน้ำเสียงอันสงบว่า
“โชคดีที่ฉันเอาดาบเหล็กดำมาด้วย ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน”
ดาบเหล็กดำที่อยู่ในมือของเขาคาเปซ มันถูกสรเงขึ้นจากแร่เหล็กดำที่หายาก ด้วยแร่นี้หากถูกตีเป็นดาบมันจะมีความคมมากและสามารถันทะลุเกราะหนักได้อย่างง่ายดาย
นอกจากเรื่องดาบแล้ว ตัวของคาเปซยังเป็นนักดาบวายุระดับสาม มันจึงทำให้เขาเคลื่อนที่ได้เร็มากดังนั้นเขาจึงสามารถรับมือเสือลายพาดกลอนได้สบาย ๆ
แคทเธอรีนได้เดินเข้ามาใกล้ ๆ เปธเห็นซากของของเสือที่หัวของมันถูกผ่าเป็นสองซีก เธอได้พูดอย่างกลัว ๆ ว่า
“ยังดีที่พี่ได้เอาดาบเหล็กดำของพ่อออกมาด้วยเลยจัดการเจ้าเสืออย่างง่ายดายแต่ถึงอย่างนั้นน้องก็ไม่รู้ว่าจะมีเจ้าอะไรโผล่ออกมาจากป่าอีกมั้ย พี่ว่าเราควรจะไปต่อหรือพอแค่นี้?”
สีหน้าของแคทเธอรีนดูซับซ้อน เธอดูเหมือนจะถอดใจที่จะไปต่อแล้วเนื่องจากสิ่งที่เธฮพบเจอมันน่ากลัวเกินไป
“แคทเธอรีน เรามาไกลกว่าที่จะถอยกลับแล้ว น้องไม่ต้องกลัวไปตราบใดที่มีพี่อยู่น้องจะปลอดภัย เดินทางกันต่อเถอะ พี่ว่าเราใกล้จะเจอดินแดนมนต์ดำแล้ว”
แคทเธอรีนลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ เธอได้ตัดสินใจเดินตามหลังของคาเปซเข้าไปในส่วนลึกของป่า
...
“เอ๋? แหวนมันทำงานแล้ว”
เมอร์ลินกล่าวออกมาด้วยความดีใจ ตอนนี้เขาอยู่ในป่าลึกและจู่ ๆ แหวนสีดำได้ส่องแสงจาง ๆ ขึ้นมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งใจ
เขาสังเกตเห้นว่าแสงมันมาจากอักษรรูนบนแหวน ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างเปิดการใช้งานพวกมัน
มีเพียงพ่อมดเท่านั้นที่จะเข้าใจควมลับอันยิ่งใหญ่ของอักษรรูนพวกนี้ได้ โดยอักษรรูนถือเป็นศาสตร์ลึกลับที่สามารถนำไปใส่ในวงแหวนเวทย์หรืออุปกรณ์เวทมนต์ได้
เมอร์ลินคิดว่าแสงที่ส่องออกจากแหวนมานี้จะนำพาเขาไปยังที่ตั้งของดินแดนมนต์ดำอย่างแน่นอน
“ไปข้างหน้า...ไม่สิไปทางซ้าย เอ๋ ต่อไปตรงข้างหน้าสินะ”
เมอร์ลินสังเกตเห็นว่าแสงนั้นค่อย ๆ สว่างขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้มันก็เริ่มสั่นเล็กน้อย เขารู้สึกว่ามีพลังงานอย่างกำลังดึงดูดแหวนไปยังส่วนลึกของภูเขา บางทีที่นั่นอาจเป็นที่ตั้งของดินแดนมนต์ดำ
“โฮก!!”
ทันใดนั้นเอง เสียงดังของสัตว์ร้าย มันกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
เมอร์ลินตื่นตัวทันที เขาจำได้ว่าเทือกเขาแห่งนี้มีสิ่งแปลก ๆ มากมายเกิดขึ้น มันทำให้นักผจญภัยจำนวนมากเสียชีวิตที่นี่ดังนั้นเมอร์ลินจึงระวังตัวตลอดเวลา
*สวบ*
ทันใดนั้นร่างสองร่างพุ่งออกมาจากพุ่มหญ้าและพุ่งตรงมาที่เมอร์ลิน
“พวกคุณ?”
สองร่างได้เงยหน้าขึ้น เมอร์ลินจำพวกเขาได้ในทันที พวกเขาคือแคทเธอรีนกับคาเปซที่แยกกันก่อนหน้านี้
“รีบหนีไปเร็วเข้า! มีหมาป่าน้ำแข็งกำลังไล่ตามพวกเรามา ให้ตายเถอะทำไมถึงมีสัตว์ประหลาดแบบนี้ในเทือกเขาเคอร์ริชได้”
คาเปซตะโกนใส่เมอร์ลินด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีหมาป่าสีขาวเงินขนาดมหึมาที่ปล่อยความหนาวเย็นทั่วบริเวณได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของคาเปซและแคทเธอรีน
“หมาป่าน้ำแข็ง?”
เมอร์ลินจ้องมองมันด้วยแววตาที่ตระหนกเนื่องจากหมาป่าน้ำแข็งไม่ใช่สัตว์ที่มีเลือดและเนื้อแต่เป็นอสูรธาตุที่เกิดจากธาตุน้ำแข็งจำนวนมากรวมตัวกัน
พวกนักดาบธาตุขั้นต้นไม่สามารถต่อสู้กับอสูรธาตุอย่างมหาป่าน้ำได้ มีเพียงนักดาบธาตุขั้นกลางขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถจัดการมันได้
ดังนั้นจึงทำให้คาเปซกับแคทเธอรีนทำได้เพียงวิ่งหนีเท่านั้น
“เสร็จกัน มันเร็วเกินไป พวกเราไม่รอดแน่!” คาเปซกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว
*วิ้ง วิ้ง วิ้ง*
ทันใดนั้นเองแหวนสีดำบนนิ้วของเมอร์ลินได้เปล่งแสงจ้าออกมา ดูเหมือนตัวอักษรรูนบนแหวนจะถูกเปิดใช้งาน ทำให้มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง