Ep.1007 - เผชิญหน้ากับเลเวล SS อีกครั้ง
Ep.1007 - เผชิญหน้ากับเลเวล SS อีกครั้ง
ผู้มาเยือนเป็นหญิงที่ทั้งร่างห่อหุ้มไปด้วยกระแสลม คาดว่าน่าจะเป็น 1 ใน 19 ซึ่งฉินเฟิงสามารถระบุสถานะของฝ่ายตรงข้ามได้ในทันที
เลเวล SS แห่งแดนอาทิตย์อุทัย --ชิน นากาว่า
ถ้าไม่ใช่เพราะชิน นากาว่าเป็นพันธมิตรญี่ปุ่นคงไม่สามารถมีสถานะดังที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้ ผู้หญิงคนนี้ สำหรับญี่ปุ่นแล้ว เธอได้รับการยอมรับว่าเป็นเทพที่แข็งแกร่งที่สุด แน่นอน ทั้งหมดเป็นเรื่องที่พวกเขาโมเมกันเองทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม สถานะเลเวล SS ของเธอแห่งพันธมิตรมนุษย์ในโลกใบนี้ ก็ยังเป็นเรื่องจริง
แต่ช่วงเวลานี้ ผู้มาเยือนมิใช่เธอเพียงคนเดียว ผู้ใช้อบิลิตี้อีกสองคนปรากฏตัวขึ้น และทั้งคู่มีเลเวล SS ณ จุดนี้ ไม่จำเป็นต้องคาดเดาว่าผู้มาเยือนคนต่อไปเป็นคนจากพันธมิตรมนุษย์หรือองค์กรมืด
เพราะคนที่สองที่ปรากฏกาย ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาปกคลุมไปด้วยความมืดมิด คุกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอันแรงกล้า--
--ผู้ใช้อบิลิตี้มืด เทพปีศาจผู้น่าเกรงขาม ซิงนาร์!
เจ้าตัวเป็นคนขององค์กรมืด แต่เกรงว่าคงอยู่มานานเกินไป ดังนั้นแทบไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าในกองกำลังมืดมีเขาอยู่ด้วย
อีกคนที่ตามมาติดๆ ปรากฏกายในรูปลักษณ์ที่ผิวหนังชั้นนอกคล้ายถูกเคลือบไปด้วยโลหะ เอกลักษณ์ของชายผู้นี้ชัดเจนเกินไป ตราบใดที่เห็น ก็จะสามารถระบุสถานะอีกฝ่ายได้ทันที--
--ตัวตนทรงอำนาจผู้ใช้อบิลิตี้โลหะแห่งจักรวรรดิเมเฮอร์ ยักษ์เหล็ก ริค!
ในเมืองไซเร็นที่ฉินเฟิงเคยไปในครั้งก่อน มันก็ตั้งอยู่ในจักรวรรดิเมเฮอร์เช่นกัน
ทั้งสามปรากฏกาย และสัมผัสได้ทันทีว่าอักษรรูนรอบตัวพวกเขาเบาบางลงมาก ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาไม่แข็งแกร่งเท่ากับฉินเฟิงในปัจจุบันก็จริง แต่พลังสมาธิของทั้งหมดไม่ได้อ่อนแอ เพียงปลดปล่อยก็สามารถตระหนักถึงการดำรงอยู่ของฉินเฟิงได้อย่างรวดเร็ว
“ทำไมถึงมีเลเวล S อยู่ที่นี่ได้?” ชิน นากาว่าเอ่ยปากเป็นคนแรก ก่อนสังเกตเห็นสีผมและดวงตาของฉินเฟิง คาดว่าน่าจะเป็นคนเอเชียเหมือนกัน เอ่ยถามทันที “เจ้ามาจากพันธมิตรไหน?”
ความแข็งแกร่งของพันธมิตรญี่ปุ่นค่อนข้างสูงเพราะว่ามีชิน นากาว่า แต่ฝั่งตนไม่ได้มีผู้ใช้พลังเลเวล S อยู่มากมายอะไรนัก ดังนั้นสามารถจดจำทุกคนได้ แต่ชิน นากาว่าไม่รู้จักฉินเฟิง ดังนั้นระบุได้ทันทีว่าฉินเฟิงไม่ใช่คนของพันธมิตรญี่ปุ่น
“พันธมิตรหัวเซี่ย!”
ร่องรอยของห้วงอารมณ์ที่ผิดแผกไป ฉายวาบขึ้นบนใบหน้าของชิน นากาว่า
อาณาเขตพันธมิตรญี่ปุ่นมีขนาดเล็กมาก เลยมีอยู่หลายครั้งที่ร้องขอให้พันธมิตรหัวเซี่ยสละดินแดนบางส่วนให้ ประจวบกับที่พันธมิตรหัวเซี่ยมีเลเวล SS อยู่สองคน ชิน นากาว่าเลยเกรงใจอยู่หลายส่วน ไม่กล้ายั่วยุคนของประเทศนี้มากเกินไป
ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนของพันธมิตรหัวเซี่ย ชิน นากาว่าเลยมิอาจชักสีหน้าไม่พอใจได้
“ไม่คาดคิดเลยว่าพันธมิตรหัวเซี่ยจะได้รับเลเวล S เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง” ชิน นากาว่ากล่าวผ่านพลังสมาธิ แต่อาจเพราะอารมณ์ที่แสดงออกมาซื่อตรงเกินไป ฉินเฟิงเลยจับน้ำเสียงได้ ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยชอบใจอยู่หลายส่วน
การที่คนของพันธมิตรหัวเซี่ยเติบโตขึ้น ชิน นากาว่าย่อมไม่มีความสุขอยู่แล้ว สำหรับชิน นากาว่าผู้นี้ ตัวเธอแม้ไม่ใช่ศัตรู แต่ไม่ใช่มิตรอย่างแน่นอน
ฉินเฟิงไม่สนใจชิน นากาว่า ยังคงดูดซับอักษรรูนต่อไป แต่ลดระดับความเร็วลง แบ่งสมาธิไว้ป้องกันตัว โดยเฉพาะกับอย่างยิ่งกับซิงนาร์
เนื่องจากพื้นที่ที่ฉินเฟิงยืนอยู่ มันคือดินแดนแห่งความมืด และกระแสแห่งความมืดกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของฉินเฟิงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดนี้ล้วนตกอยู่ในสายตาของซิงนาร์
แม้ฉินเฟิงจะจงใจชะลอความเร็วในการดูดซับของเขา แต่ในสายตาของผู้อื่น มันยังคงเร็วไปอยู่ดี
หากดูดซับด้วยอัตราเร็วเท่านี้ เกรงว่าดินแดนแห่งความมืดนี้ ไม่นานคงถูกดูดซับไปหมดสิ้น
“ไสหัวออกไปให้พ้น!” ซิงนาร์ไม่ต้องการออกค้นหาดินแดนแห่งความมืดในตำแหน่งอื่น เพราะอย่างน้อยที่สุด หมู่มวลอักษรรูนมืดในที่แห่งนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอันตราย ฉินเฟิงที่มาก่อนเป็นแค่เลเวล S เท่านั้น หากไม่เชื่อฟังกันก็ฆ่าทิ้งซะให้จบๆ!
โดยที่ซิงนาร์ไม่ทราบเลย ว่าตัวเองดันไปเตะแผ่นเหล็กเข้าซะแล้ว
ฉินเฟิงไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นความเร็วในการดูดซับอักษรรูนของเขาก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ฉินเฟิงจะต้องยอมก้มหัวให้ผู้อื่นที่มาพังประตูหน้าบ้านเขา
ด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิงในปัจจุบัน ไอ้หน้าไหนกล้ามาหาเรื่อง นั่นไม่ต่างจากการแส่หาที่ตาย
“แกนั่นแหละ ถ้าคิดว่าแน่พอ ก็ลองเข้ามา แต่ถ้าไม่แน่จริง ก็ไสหัวออกไปซะเดี๋ยวนี้! อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงเย็นชา
ผู้ใช้พลังเลเวล SS แม้มีเพียงน้อยนิด ทั้งมิติโลกมนุษย์มีแค่ 19 คนเท่านั้น แต่ฉินเฟิงฆ่าไปแล้วหนึ่ง ฉะนั้น หากให้สังหารเพิ่มอีกหนึ่ง ฉินเฟิงก็ไม่รังเกียจ
“แกว่าอะไรนะ? หูของฉันคงเพี้ยนไป เมื่อกี้แกพูดกับฉันงั้นหรอ?” ซิงนาร์ฉีกยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าเขา เจ้าตัวคิดว่าฉินเฟิงคงไม่รักชีวิตแล้ว กล้าดียังไงถึงพูดแบบนั้น
กระทั่งริคที่ไม่ได้เอ่ยคำใดมาตั้งแต่ต้น ยังชำเลืองมองฉินเฟิงอย่างเหนือความคาดหมาย
ชิน นากาว่าเองก็เช่นกัน แต่เธอไม่คิดเข้าไปช่วยเหลือ กระทั่งลึกๆในใจยังเกิดความคิดที่ว่า ถ้าซิงนาร์ฆ่าฉินเฟิงได้ก็ดี เพราะนั่นสามารถช่วยบั่นทอนความแข็งแกร่งโดยรวมของพันธมิตรหัวเซี่ยลงได้!
ฉินเฟิงไม่สนใจซิงนาร์ แต่เขายังคงดูดซับต่อไป มีอักษรรูนมากมายในดินแดนแห่งความมืดแห่งนี้ ทว่าเนื่องเพราะพลังสมาธิของคนในที่นี้แข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นพวกเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าขอบเขตของดินแดน กำลังลดทอนลงทีละหนึ่งมิลลิเมตร
แค่หนึ่งมิลลิเมตรก็จริง แต่หากชำแหละหนึ่งมิลลิเมตรนั้นออกมา จะพบว่ามันอัดแน่นไปด้วยอักษรรูนนับไม่ถ้วน
บนใบหน้าของซิงนาร์ฉายวาบด้วยความโกรธ ฉินเฟิงไม่คิดจากไป นั่นเท่ากับเป็นการท้าทายศักดิ์ศรีของเขา
ปังงงง!
ซิงนาร์กระโจนเข้าสู่ดินแดนแห่งความมืด แต่เพียงครู่เดียว เขาก็ถูกรายล้อมไปด้วยอักษรรูนมืด
“อะไรกัน!?” ช่วงเวลานี้ ซิงนาร์ถึงค่อยสัมผัสได้ ว่ารูนอันไร้ขอบเขตรอบตัวเขายิ่งใหญ่เพียงใด ยิ่งผสานเข้ากับพลังงานอันรุนแรงของจักรวาล ภายในดินแดนแห่งความมืดนี้ เขาต้องพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังจึงจะตั้งหลัก และดูดซับอักษรรูนบางส่วนได้
นี่ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างในครั้งก่อนบนทวีปที่เกิดจากการตายของจ้าวเหนือหัวธาตุมืด ภายในหุบเขาไขกระดูกมังกร กระทั่งผู้ใช้อบิลิตี้ธาตุมืดเลเวล SS บางคนยังหวาดกลัวกระแสธารทมิฬ ซึ่งธารทมิฬในที่แห่งนี้ ไม่เลวร้ายไปกว่าที่นั่นเลย มันไม่ใช่สถานที่ที่ซิงนาร์จะสามารถหยิ่งผยองได้
ฉินเฟิงกล่าวเยาะหยัน “ตอนนี้ยังอยากจะสู้กับฉันอยู่อีกไหม? ก็บอกแล้วไงให้ลองเข้ามา แต่เข้ามาแล้วก็อยู่เงียบๆอย่าทำเป็นอวดดี เพราะในที่นี้ การจะฆ่าแก มันง่ายราวพลิกฝ่ามือ!”
สีหน้าของซิงนาร์แดงก่ำทันที
‘เจ้าเด็กนี่ รอให้ฉันดูดซับอักษรรูนที่นี่ให้หมดก่อนเถอะ เดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน!’ ซิงนาร์คิดในใจ แต่เขาไม่กล้าที่จะยั่วโมโหฉินเฟิง เพื่อเพิ่มปัญหาให้กับตัวเอง
มองไปยังซิงนาร์ที่ตกอยู่ในสภาพกล้ำกลืนฝืนทน ผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล SS ที่เหลืออดประหลาดใจไม่ได้ แต่เมื่อฝั่งนั้นไม่คิดสู้ พวกเขาก็ไม่อยากเสียเวลาดูต่อ แยกย้ายกันไปยังตำแหน่งอื่น เสาะหาพื้นที่ที่เหมาะสมกับธาตุของตน ก้าวเข้าไปข้างในเพื่อดูดซับอักษรรูน
ชั่วขณะนี้ ทั้งสี่รักษาสมดุลไว้ ไม่ก่อกวนซึ่งกันและกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับชิน นากาว่าและริคแล้ว ซิงนาร์เผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่ามาก ยิ่งคิดเท่าไหร่เขาก็ยิ่งโกรธจนดวงตาแดงก่ำ
แต่การดูดซับรูนต้องใช้สมาธิ ซิงนาร์ไม่มีทางเลือกอื่นจำต้องใช้อบิลิตี้มืดสร้างจิตมารออกมาเพื่อควบคุมความคิดของเขา
เพียงแต่ว่าเพิ่งสร้างจิตมารได้ไม่นาน อักษรรูนของที่นี่กลับค่อยๆบางเบาลง
สำหรับผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล SS การเข้าสู่จิตมารไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากอักษรรูนบางเบา อบิลิตี้มืดก็ไม่สามารถไล่สูบกลืนอักษรรูนได้อีก ซิงนาร์ฟื้นคืนสติ กวาดตาสำรวจรอบๆ และพบว่าดินแดนแห่งความมืดนี้ ปัจจุบันเบาบางลงจนเหลือสถานะเป็นแค่หมอกเท่านั้น
“นี่-- นี่มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!” ซิงนาร์ตกใจมาก เขามาอยู่ที่นี่แค่สองสามชั่วโมงเท่านั้นเอง
เขาเงยหน้าขึ้น มองไปยังทิศทางของฉินเฟิง พบว่ามีกระแสวังวนก่อตัวขึ้นระหว่างคิ้วของฉินเฟิง มันกำลังสวาปามรูนมืดเข้าไป จนดินแดนแห่งความมืดนี้พังทลายลง อักษรรูนทั้งหมดไหลบ่าไปทางฝั่งนั้น เข้าสู่จักรวาลแห่งจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์
ฉากนี้ทำให้ซิงนาร์รู้สึกริษยาฉินเฟิงอย่างถึงที่สุด