1009 - พลังอันโหดร้าย
1009 - พลังอันโหดร้าย
สละดินแดนแห่งทองคำในจุดนี้ ยอมแยกตัวออกไปเสาะหาที่อื่น อย่างน้อยฉินเฟิงยังยอมไว้หน้าพวกเขา
เมื่อเห็นฉินเฟิงตอบตกลง ชิน นากาว่า และซิงนาร์ก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน แต่ไม่นาน พวกเขาก็พบว่าหลังจากฉินเฟิงดูดซับอักษรรูนในตำแหน่งหนึ่งเสร็จ อีกฝ่ายก็ย้อนกลับมาในตำแหน่งที่พวกเขาอยู่อีกครั้ง
“เมื่อครู่คุณเพิ่งสัญญาว่าจะไม่มาแย่งชิงดินแดนรูนกับพวกเรา แล้วนี่มันอะไร?” ชิน นากาว่ากำหมัดแน่น เปล่งเสียงเล็ดลอดผ่านไรฟัน
ฉินเฟิงเลิกคิ้ว สีหน้าท่าทีกลายเป็นเย็นชา
“ฉันสัญญากับเขา ไม่ได้สัญญากับคุณ!”
“ว่าไงนะ!?” ชิน นากาว่ารู้สึกได้ว่าความโกรธที่สั่งสมในใจคล้ายถึงจุดเดือด เกิดความคิดที่จะต่อสู้กับฉินเฟิง ตรงเข้าไปบีบคอไอ้หน้าด้านผู้นี้ให้ตายเสีย
แต่เมื่อย้อนนึกไปถึงความสามารถในการดูดซับรูนอย่างบ้าคลั่งของอีกฝ่าย และความหนาแน่นของโล่ปราณกำลังภายในแล้ว ชิน นากาว่าก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ต้องทำอย่างไรคุณถึงจะยอมสละดินแดนอักษรรูนบริเวณนี้ให้ฉัน?”
“คุณก็แค่ทำเหมือนกับริค นำอะไรบางอย่างออกมา แลกเปลี่ยนด้วยทรัพยากรที่สมเหตุสมผล!”
ฉินเฟิงเอ่ยเช่นนี้ นั่นเทียบเท่ากับเป็นการเรียกค่าเช่าที่จากชิน นากาว่า
ชิน นากากว่าเมื่อครั้งอยู่ในมิติอื่น ใช่ว่าเธอจะไม่เคยจ่ายเงินใต้โต๊ะ มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้อ่อนแอจะต้องเล่นบทหลานชายก้มหัวให้พี่ใหญ่
ยังไงก็ตาม หากเป็นในมิติโลกมนุษย์ สถานะของเธออยู่เหนือผู้คนนับร้อยนับพันล้าน ถือเป็นผู้ใช้พลังที่มีตำแหน่งสูงสุด นานเท่าไหร่แล้วหนอที่ไม่ได้ถูกข่มขู่เช่นนี้?
มองไปยังฉินเฟิงที่กำลังดูดซับรูนลมอย่างต่อเนื่อง ดินแดนรูนเริ่มลดขนาดและมีสีซีดจางอย่างช้าๆ เธอก็พาลคิดไปว่า หากพลาดตรงจุดนี้ขึ้นมา คงต้องออกแรงอีกมากในการค้นหามัน ชิน นากากว่าทำได้เพียงกัดฟัน จ่ายสิ่งตอบแทนออกไป
ชิน นากาว่ารู้สึกเกลียดชังฉินเฟิงอย่างยิ่ง อีกฝ่ายบังคับขู่เข็ญผู้คนตามอำเภอใจตัวเอง ทั้งยังหลงคิดว่าทรัพยากรในที่นี้ตกอยู่ในกำมือตนเพียงผู้เดียว แต่เพื่อแลกกับความสงบสุขของเธอที่นี่--
“--เอาไป นี่สำหรับคุณ! พอใจแล้วนะ!” ชิน นากาว่าวาดมือ โยนบางสิ่งที่มีขนาดใหญ่เข้าหาฉินเฟิง ปรากฏว่าเป็นกล่องคริสตัลที่มีขนาดยาวสามเมตร
ฉินเฟิงมองเข้าไปในกล่องคริสตัล ไม่คาดฝันเลยว่าจะได้เห็นพืชพรรณรูปทรงมนุษย์ชนิดหนึ่ง ที่หากไม่สังเกตดีๆ จะไม่รู้เลยว่าไม่ใช่มนุษย์
“โสมไม้ราชันย์!”
นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะมอบพืชกลายพันธุ์ระดับราชันย์ในเลเวล SS ให้ เจ้าสิ่งนี้เป็นสมุนไพรวิญญาณชั้นนำ
คุณสมบัติของมันก็คือ ต่อให้เป็นคนใกล้ตาย แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ เพียงกินโสมไม้นี้เข้าไป จะกลับมามีชีวิตและอาการดีขึ้นทันที หากผู้ใช้พลังระดับต่ำกินเข้าไปอาจถึงกับระเบิดตัวแตกได้ เพราะพลังงานมันร้ายแรงเกินไป
สิ่งของชนิดนี้ ไม่สามารถวัดค่าด้วยเงินตราได้อีกต่อไป แต่เมื่อเทียบกับดินแดนรูนในมิติแห่งนี้แล้ว พอมองดีๆเจ้าสิ่งนี้ก็ไม่ได้ดูล้ำค่าอะไรขนาดนั้น
ฉินเฟิงไม่คิดว่าจะเก็บเกี่ยวผลกำไรก้อนโตเช่นนี้ได้ ยัดมันใส่พื้นที่มิติด้วยความพอใจ
“เชิญคุณฝึกฝนตามสบาย!” ฉินเฟิงกล่าวพลางหันหลังจากไป มุ่งหน้าสู่ตำแหน่งที่ซิงนาร์กำลังดูดซับอักษรรูนอยู่
เพียงแต่ว่า พอซิงนาร์เห็นฉินเฟิง เจ้าตัวไม่แม้จะเสียเวลาคิด หันหลังและจากไปทันที
เขาไม่ต้องการฝึกฝนที่นี่อีกแล้ว ไม่ต้องการถูกคุกคามโดยฉินเฟิงซึ่งมีสถานะต่ำต้อยกว่าตน สมาชิกจากพันธมิตรองค์กรมืดอย่างเขา เคยชินกับอิสระเป็นนิสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่ถูกผูกมัดโดยข้อจำกัด ชอบกระทำตามอำเภอใจ
“เหอะ!” ฉินเฟิงแสยะยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้ไล่ตามซิงนาร์ไป เพราะการดูดซับอักษรรูนยังคงเป็นเรื่องสำคัญกว่า
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวเล็กๆ หลังจากนั้นทุกคนก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขจริงๆ เพียงแต่ว่า ทั้งสองคนยังคงได้รับชมความน่าหวาดกลัวของฉินเฟิงตลอดเวลา
ความเร็วในการดูดซับของทั้งชิน นากาว่าและริค ที่เกรงว่าอาจต้องใช้เวลาครึ่งเดือนในการดูดซับอักษรรูนบริเวณนี้ แต่ฉินเฟิงกลับสามารถดูดซับมันได้ภายในเวลาสองหรือสามชั่วโมง
ท่ามกลางมิติมวลหมู่ดาวรูน ในทุกๆสองหรือสามกิโลเมตร คุณจะสามารถพบสถานที่ซึ่งมีรูนรวมตัวกันอยู่ แต่ตอนนี้ มองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา จะพบว่าดินแดนรูนตามจุดต่างๆ เริ่มลดน้อย ถดถอยลงเรื่อยๆ โดยคนเพียงผู้เดียว เหลือทิ้งไว้เพียงดินแดนธาตุลมของชิน นากาว่า และดินแดนธาตุโลหะของริคเท่านั้น
ที่ไม่ได้กล่าวถึง ล้วนถูกฉินเฟิงดูดซับไปจนหมดสิ้น
ณ จุดนี้ นับตั้งแต่รอยแยกมิติถูกเปิดออก เวลาได้ล่วงเลยไปสองวันแล้ว!
ภายนอกโลก มิติแห่งนี้ได้ถูกตั้งชื่อว่าโลกมวลหมู่ดาวรูน ต่อมาได้ดึงดูดความสนใจของพันธมิตรมนุษย์บนโลก แน่นอนว่าฝ่ายพันธมิตรองค์กรมืดก็เช่นกัน
ผู้ใช้พลังระดับสูงจำนวนมากต้องการเข้ามาที่นี่เพื่อฝึกฝน แต่เนื่องจากสถานที่แห่งนี้อยู่ในน่านน้ำทะเลอันตราย ผู้ใช้พลังเลเวล B ลงไปไม่สามารถย่างกรายเข้ามาได้ แต่เลเวล A ยังพอสามารถไปถึง!
“อักษรรูนมหาศาล … อักษรรูนเต็มไปหมดเลย นี่มันวิเศษจริงๆ!”
“ถ้ามีอักษรรูนเยอะขนาดนี้ ฉันสามารถยกระดับขึ้นเป็นเลเวล S ได้แน่นอน!”
“ถ้าที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์แบบนี้ อีกด้านหนึ่งของรอยแยกมิติ ยิ่งต้องอุดมสมบูรณ์กว่า!”
หลายคนก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ผู้ใช้พลังเลเวล A กลุ่มแรก ย่างเท้าเข้าสู่รอยแยกมิติ หลังจากเดินทางข้ามมิติพักหนึ่ง สามผู้ใช้พลังเลเวล A ก็สามารถเข้าสู่ความว่างเปล่า
วินาทีต่อมา พลังอำนาจอันรุนแรง โถมทับลงบนร่างกายของพวกเขา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!!”
“อ๊าาา! นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย! ไม่! ช่วยฉันด้วย ช่วยฉัน!”
“ไม่!!”
เลเวล A ทั้งสามร้องโวยวาย ใช้ออกด้วยอบิลิตี้นับไม่ถ้วน แต่อักษรรูนของพวกเขากลับไม่สามารถปลดปล่อยออกมา สุดท้ายถูกพลังงานอันบ้าคลั่งนี้ แทรกซึมไปทั้งร่าง แหวกเนื้อหนังจากภายใน
โผล๊ะ โผล๊ะ โผล๊ะ!
ทั้งสามกลายเป็นระเบิดเนื้อมนุษย์ ฉากดังกล่าวทำให้ผู้ใช้พลังเลเวล S ข้างในรู้สึกตกใจพอสมควร เพราะแม้พลังงานในที่นี่จะรุนแรงก็จริง แต่นึกไม่ถึงเลย ว่ามันจะส่งผลกระทบร้ายขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม แทบจะในทันที ผู้ใช้พลังเลเวล S ที่เหลือ สัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม
เพราะแม้พวกเขาจะสามารถต่อต้านพลังงานอันรุนแรงนี้ได้ แต่บางส่วนของมันยังคงแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ค่อยๆส่งผลกระทบต่อพวกเขา ในเวลาสองวัน พลังงานเหล่านี้แทรกซึมลึกไปถึงไขกระดูก ทำให้ยากที่จะต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ
พอวันที่สาม ดูเหมือนว่าจะถึงขีดจำกัดของเลเวล S แล้ว
ด้วยเหตุนี้ มิติมวลหมู่ดาวรูน แม้ว่าจะเป็นสวรรค์ของเหล่าผู้ใช้อบิลิตี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะสามารถอาศัยอยู่ในสวรรค์ได้ทุกวัน
เช่นตงหยางที่เพิ่งยกระดับขึ้นเป็นเลเวล S เขากัดฟันและฝืนทนได้สองวันครึ่ง ก็ไม่สามารถทานรับแรงกดดันอันรุนแรงได้อีกต่อไป ในที่สุดหนีไปยังรอยแยกมิติ ออกจากที่นี่
หลังจากข้ามรอยแยกมิติ และกลับมาถึงพื้นที่โลกมนุษย์ ได้สัมผัสกับพื้นผิวมิติเดิมที่มีเพียงพลังงานบางเบาในอากาศ บรรยากาศนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก
จากนั้น ตงหยางก็เริ่มตรวจสอบร่างของตัวเอง ถึงค่อยพบว่าปัจจุบันเขาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่แค่ไหน
ภายในจักรวาลแห่งจิตสำนึก แก่นอบิลิตี้ของเขาสามารถขยาย มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 3 ซม. ทว่าร่างกายภายนอก ตัวเขาเวลานี้กลับเหมือนชายชราไม้ใกล้ฝั่ง ร่างกายถูกเคี่ยวกรำจนหมดสิ้น
นอกจากนี้ ลึกลงไปในร่าง ยังสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แทรกซึมในตลอดสองวัน กำลังอาละวาดอยู่ ตงหยางไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงใช้พลังสมาธิของเขาขับไล่พลังงานคลุ้มคลั่งนี้ สลายมันจากร่างกายเขา
แต่กระบวนการดังกล่าวให้ผลเชื่องช้า คาดว่าน่าจะใช้เวลาสักราวๆ 10 วัน ถึงจะชะล้างพวกมันได้สำเร็จ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล S จะสามารถเข้าสู่มิติมวลหมู่ดาวได้แค่เดือนละสองครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับเลเวล SS พวกเขาสามารถฝืนทนได้นานกว่า หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ชิน นากาว่ากับริคก็สามารถดูดซับอักษรรูนทั้งหมดในบริเวณนั้นได้อย่างสมบูรณ์ การเติบโตของแก่นอบิลิตี้ในร่างกายตนทำให้ทั้งคู่ต้องประหลาดใจ แต่หลังจากผ่านไปได้ราวๆหนึ่งชั่วโมง พลังงานอันรุนแรงคลุ้มคลั่งได้ปรากฏขึ้น ทันใดนั้น จู่ๆเขาและเธอก็ค้นพบว่า สภาพร่างกายตนย่ำแย่มาก
“เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่!”
ทั้งสองล่าถอยอย่างรวดเร็ว ส่วนฉินเฟิง พวกเขาไม่หาอีกฝ่ายแล้ว และไม่คิดที่จะตามหาด้วย
ฉินเฟิงในขณะนี้ อยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของมิติมวลหมู่ดาวรูน เขาแตกต่างจากทุกคนที่กล่าวมา เพราะกระทั่งพลังงานคลุ้มคลั่งที่ว่านี้ เขาก็ยังสามารถดูดซับมันได้
ดังนั้นมีเวลาไม่จำกัด สามารถอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ตามใจต้องการ ...