บทที่ 102 ลอร์ด (1)
สมาชิกเหล่าเซอร์เคิลรวมถึงเชอริลได้ไล่ตามเดมิก็อดแห่งดาบต่อไป
พวกเขาเกือบจะหลงทางไปสองสามครั้ง แต่ยังไงก็ตามพวกเขาก็สามารถตามทันจนได้
หรือจะพูดว่าการติดตามจริงๆก็ไม่ถูกไปทั้งหมด
จะว่าไปแล้วพวกเขาสามารถตามทันได้เพราะหยุดอยู่บนภูเขาใกล้ลู่เฟย และไม่ได้เดินทางไปจากที่นั่น
ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้มากนักแม้ว่าเดมิก็อดแห่งดาบจะหยุดอยู่บนภูเขาก็ตาม
เพราะพวกเขากลัวว่าจะเจอกับกับดัก
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตั้งแคมป์ห่างจากภูเขาและเฝ้าดูจากระยะไกล
ผู้ไล่ตามรู้สึกงงงวยอย่างมากกับการกระทำของเดมิก็อดแห่งดาบ
ด้วยเหตุผลบางประการพวกเขาโจมตีค่ายที่ตั้งอยู่บนภูเขา
"พวกเขากำลังทำอะไร?"
“ผมคิดว่านี่เป็นหนึ่งในป้อมเก่าของพวกเขา”
มีเพียงการแสดงออกของเจอโรมเบอร์เนอร์เท่านั้นที่แปลกไป
“สถานที่นี้…เป็นที่ที่ไว้ทำการค้าทาส”
เขารู้เรื่องของประเทศดีกว่าคนอื่นๆ นั้นเพราะเขาเป็นพลเมืองของลัวโนเบิล
แม้ว่าจะไม่มีศพเหลืออยู่ในสถานที่ที่ถูกทำลายโดยเดมิก็อดแต่พวกเขาก็สามารถตรวจสอบได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในสถานที่เหล่านั้นจากการเห็นกรงและเครื่องมืออื่นๆ
เขายังรู้ด้วยว่าเมื่อเร็วๆนี้ว่าประเทศกำลังตกอยู่ในเส้นทางที่ไม่น่าดู
อย่างไรก็ตามไม่เคยมีการเปิดเผยตำแหน่งที่แน่นอนของสถานที่แห่งนี้
‘ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะทำสถานที่เช่นนี้ข้างๆลู่เฟย’
ใบหน้าของเจอโรมเปื้อนไปด้วยความอับอาย
โชคดีที่สหายของเขาไม่มีเวลาสนใจเรื่องทุจริตในอาณาจักรลัวโนเบิล
นี่เป็นเพราะการกระทำของเดมิก็อดนั้นแปลกเกินไป
‘พวกเขากำลังวางแผนอะไรกันแน่?’
และขณะกับที่พวกเขากำลังปวดหัวกับการพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้น
“นั่น…เป็นไปได้ไง…”
กรามของเชพเพิร์ดลดลง
สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับทุกๆคน
ท้องฟ้าที่เคยเป็นปกติเมื่อสักครู่นี้ได้เปิดกว้าง
เหตุการณ์นี้ทำให้แม้แต่เชพเพิร์ดซึ่งเป็นวิซาร์ดระดับ 7 ดาวยังยากที่จะรักษาความสงบได้
เชอริลเป็นคนเดียวที่ยังใจเย็นอยู่ได้
เธอกัดริมฝีปากด้วยเขี้ยวอันแหลมคมของเธอแสดงให้เห็นว่าประสบการณ์ที่มาพร้อมกับอายุไม่ได้มีไว้เพื่อประดับ
“เรากำลังมีปัญหา”
“ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นละราวเดอร์เชอริล”
“การได้เห็นปรากฏการณ์นี้หมายความว่าเราอยู่ในขอบเขตหรือพื้นที่ของเดมิก็อดแล้ว”
"…นั่นหมายความว่า…"
"ใช่"
การแสดงออกของเชอริลนั้นรุนแรง
“เราไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้จนกว่าการประชุมของเดมิก็อดจะสิ้นสุดลง”
* * *
จู่ๆเฟรย์ก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อน
แต่มันก็แปลกเพราะมันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกร้อน
ความร้อนมาจากท้องฟ้า
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากไฟในรูปของมนุษย์ปรากฏขึ้นท่ามกลางหมู่เมฆ
ร่างของเขาลุกโชนอย่างดุเดือดราวกับว่าเขาจะเผาโลกทั้งใบ
“ฉันเคยบอกนายเกี่ยวกับเขาก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ เขาเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่นายเรียกกันว่าอะโพคาลิปส์”
“…”
“จากนี้ไประวังคำพูดและการกระทำของนาย อันที่จริงมันจะดีกว่าถ้านายไม่พูดอะไรเลย”
เฟรย์พยักหน้า
อย่างที่ริกิพูดมันเป็นการดีกว่าที่จะปิดปากของเขา ดีกว่าพูดและเปิดเผยเบาะแส
ริกิมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
อัคนีซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าภูเขาเริ่มหดตัวลงอย่างช้าๆจนกระทั่งเขามีขนาดเท่ากับมนุษย์ทั่วไป
เขาเป็นเหมือนผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นจากไฟก่อนที่จะแปลงร่างและแต่ในตอนนี้เขาดูเหมือนมนุษย์ธรรมดาที่มีผมสีแดงเพลิง
เฟรย์ได้ปราบและกำจัดเดมิก็อดจำนวนมากในช่วงเวลาของเขา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นภาพเช่นนี้
‘เขาเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เชียวหรือ?’
เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าก็รู้ว่ามันไม่ได้แปลกอะไร
เนื่องจากมังกรก็มีความสามารถในการเปลี่ยนรูปร่างและขนาด
‘บางทีริกิก็อาจจะทำได้เช่นกัน?’
ริกิได้ทำมันไหม?
เฟรย์อยากรู้อยากเห็น แต่เขาไม่สามารถถามได้เมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์นี้
นี่เป็นเพราะอัคนีกำลังเดินเข้าหาพวกเขาแล้ว
ทางด้านขวาของเขาคือร่างที่สวมเสื้อคลุมและหน้ากากเช่นเดียวกับเฟรย์
“ดูเหมือนว่าคุณจะมาเป็นคนแรกในครั้งนี้”
"ใช่"
“อืม… แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและฉันไม่คาดคิดว่าคุณจะทำความสะอาดสถานที่นี้ให้ด้วย”
ทำความสะอาด
ดูเหมือนว่าเขากำลังพูดถึงดาลามันและคนของเขาที่อยู่บนภูเขา
ริกิตอบห้วนๆ
“ฉันทำเพราะฉันอยู่แถวๆนี่”
"ฉันเข้าใจละอย่างไรก็ตามทำได้ดีมาก”
จากนั้นอัคนีก็หันมาสบตากับเฟรย์
“นี่คืออัครสาวกของคุณหรือเปล่า?”
"ใช่"
“อืมแน่นอน”
อัคนีพยักหน้าก่อนจะเดินไปด้านข้าง
“เขาน่าจะทนต่อแรงกดดันเมื่อเขาเห็นลอร์ดแบบตัวต่อตัวได้ คุณได้อัครสาวกที่เก่งทีเดียว”
“ในที่สุดฉันก็เห็นคุณมีอัครสาวกสักที”
"ใช่ฉันพยายามเล็กน้อยเพื่อให้ได้คนนี้มา”
ในขณะนั้นร่างที่ยืนอยู่ด้านหลังอัคนีก็หันมามองเฟรย์
ช่วงเวลาที่ดวงตาของพวกเขาสบกันในอากาศ
“…!”
“…!”
ทั้งคู่รู้สึกถึงอาการตกใจของกันและกัน
จากนั้นพวกเขาก็หันหน้าหนีในเวลาเดียวกันและแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
‘ทำไมเขาถึงมาที่นี่…?’
เขาไม่สามารถจินตนาการถึงเหตุผลได้
แต่เขามั่นใจว่าเขารู้จักคนที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากนั้น
เฟรย์รีบแก้ไขการแสดงออกของเขา
โชคดีที่อัคนีไม่ได้สังเกตเห็นความตกใจของเฟรย์
เขาเดินผ่านเฟรย์และเข้าไปในปราสาท
เฟรย์อยากจะบอกริกิเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีนัก
ทันใดนั้นพายุขนาดใหญ่ก็พัดมาและการแสดงออกของเฟรย์ก็แข็งขึ้น
เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่ท่วมท้นสามอย่างในเวลาเดียวกันและในขณะนั้นเขาพบว่ามันยากที่จะหายใจ
พื้นที่ดูเหมือนจะบิดเบี้ยวและไม่นานนักร่างของทั้งสามคนก็ก้าวออกมา
หญิงสาวผมบลอนด์ โครงกระดูกและชายชราเหี่ยวย่นหลังค่อม
เรย์รินนอซด็อกและอนันตา
เฟรย์ตระหนักว่าเขาเคยมีประวัติบางอย่างกับพวกเขาทั้งสามคน
เรย์รินเป็นนักเชิดหุ่นที่ชักใยตระกูลเบลคจากหลังม่าน เธอเป็นสาเหตุที่ทำให้ ‘เฟรย์’ สามารถใช้ทั้งพลังศักดิ์สิทธิ์และมานาในร่างเดียวกันได้
นอซด็อกพยายามหลอกล่อผู้ทรยศโดยใช้โอดินเป็นเหยื่อและเขาก็ปรากฏตัวเป็นภาพลวงตาต่อหน้าเฟรย์ก่อนที่โอดินจะตาย
เขารู้สึกถึงแรงกดดันจากออร่าของเขาในเวลานั้น แต่มันก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับการพบเขาด้วยตัวเองในตอนนี่
และอนันตาเป็นหนึ่งในเดมิก็อดที่เขาต่อสู้เมื่อเขาเป็นลูคัส
ในเวลานั้นลูคัส ชไวเซอร์ ไอริส คาซาจิน และ ลูซิดไม่สามารถเอาชนะ "ชายชราที่น่ากลัว" คนนี้ได้
ในทางตรงกันข้ามคาซาจินได้รับพิษของเขาและต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งเดือนในสภาพใกล้ตาย
แน่นอนว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างความเสียหายให้กับอนันตา แต่ความพ่ายแพ้ก็คือความพ่ายแพ้
นับเป็นเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ ในตอนนั้นลูคัสและพรรคพวกของเขาเพิ่งเริ่มสร้างความมั่นใจในการต่อสู้กับเดมิก็อดเป็นครั้งแรก
เมื่อเทียบกันแล้วอนันตาไม่ได้ดูแตกต่างกันมากนักนอกจากเสื้อผ้าของเขา
“ฉันไม่คิดว่าเราจะมาสายเกินไป”
“คุคุคุ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าอัคนีจะมาก่อนเราได้ ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ”
อนันตายิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมยขณะมองไปที่ปราสาท
เขารู้สึกได้ถึงพลังของอัคนีภายในนั้น
ริกิมองพวกเขาขณะที่กำลังกอดอก
“พวกคุณสามคนมาด้วยกันเหรอ”
"ใช่"
"เพื่ออะไร?"
“ฉันได้ยินข้อมูลที่น่าสนใจจากลอร์ดดังนั้นฉันจึงมาดูว่ามันเป็นความจริงหรือไม่”
“…ข้อมูลที่น่าสนใจ?”
“ฉันจะบอกคุณเมื่อการประชุมเริ่มขึ้น ฉันแน่ใจว่าคุณจะต้องชอบมัน”
เรย์รินยิ้มขณะพูด แต่ริกิก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
นอซด็อกที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่พวกเขามาถึงก็มองลงมาจากภูเขาขณะที่เขาพูด
[มีผู้บุกรุก]
"อะไรนะ?"
[แค่นั้น มีผู้บุกรุกพยายามเข้าไปในแนวกั้น ไม่พวกเขาเข้ามาแล้ว…มันแปลกจริงๆ ]
ดวงตาที่ลุกโชนของนอซด็อกหันมาที่ริกิ
[ฉันไม่เชื่อว่านายซึ่งจับพลังได้ดีที่สุดในหมู่พวกเราไม่รู้สึกถึงพวกเขา เกิดอะไรขึ้นริกิ?]
“…มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันต้องกังวลเมื่อไม่นานมานี้ความรู้สึกของฉันจึงไม่ค่อยดีนัก”
[…]
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งนอซด็อกก็พยักหน้า
[ถ้ามันมาจากคำพูดนายก็ต้องเป็นเรื่องจริง]
“…”
[งั้นฉันจะไปดูแลเหล่าหนูน้อยเอง]
“นายจะโอเคไหม? นายจะไม่โดนลงโทษเหรอ”
[เรย์รินพูดแล้วไม่ใช่เหรอ? เรามีสิ่งที่น่าสนใจมากจากลอร์ด]
ในขณะนั้นเฟรย์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าโครงกระดูกไร้ผิวหนังตรงหน้าเขากำลังยิ้ม
[ทุกอย่างได้รับการยืนยันแล้ว มันจะสนุกและน่าตื่นเต้นมาก]
จากนั้นนอซด็อกก็หายตัวไป
เฟรย์ตามมาดู โชคดีที่เขาสามารถมองเห็นด้านนอกของปราสาทได้อย่างชัดเจน
และเขาก็สับสนทันที
เนื่องจากมีอัศวินในชุดเกราะสีดำหลายร้อยคนยืนอยู่ในที่โล่ง
ริกิพึมพำ
“…พวกเขามาที่นี่พร้อมกับวาร์ป”
เขาพูดเหมือนกำลังอธิบายให้เฟรย์ฟัง
“ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะส่งอัศวินมังกรดำมา ดูเหมือนว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับธุรกิจของมาร์ควิสมากกว่าที่ฉันคาดไว้”
“ริกิลัวโนเบิลเป็นเขตปกครองของคุณ พวกเขามาตั้งฐานที่นี่ได้ยังไงโดยที่คุณไม่รู้”
เรย์รินเป็นคนตอบคำพูดของอนันตา
“อาณาเขตนี้นับเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่เขาจากมา เส้นทางของประเทศนี้ค่อนข้างน่าชื่นชม อีกอย่างคุณรู้ไหมริกิ? เหตุผลที่ลอร์ดต้องการประชุมที่ ลัวโนเบิล”
“ไม่”
“เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่”
เรย์รินชี้ไปที่อัศวินมังกรดำ
“นี่คือจุดเริ่มต้น”
นอซด็อกที่ยืนอยู่บนท้องฟ้ามองลงมาที่พวกเขา
อัศวินมังกรดำสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขาและพวกเขาก็เริ่มเตรียมตัวอย่างวุ่นวาย แต่ก็ไม่มีอะไรช่วยพวกเขาได้อีกต่อไป
พวกเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับนอซด็อกที่อยู่กลางอากาศได้ด้วยดาบของพวกเขา
นอซด็อกเหยียดนิ้วออกด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายและกลุ่มพลังงานสีดำก็เริ่มรวมตัวกันที่ปลายนิ้ว
จุ๊
จากนั้นพลังงานสีดำก็แยกออกเป็นหนามแหลมสีดำขนาดเล็กหลายร้อยอัน
เฟรย์ตระหนักได้ว่าจำนวนของแหลมนั้นตรงกับจำนวนของอัศวินมังกรดำอย่างแน่นอน
จากนั้นหนามแหลมก็ได้แทงทะลุหมวกป้องกันอย่างแม่นยำยังกับกระดาษ
อัศวินที่ยืนอยู่ที่นั่นสักครู่หลังจากการตายของพวกเขา ก็ล้มลงพร้อมเพรียงกัน
นั่นแหล่ะ
ในไม่ช้าอัศวินมังกรดำทั้งหมดก็ถูกทำลายล้าง
[นี่คือความตาย]
หลังจากพึมพำอย่างพอใจร่างของนอซด็อกก็กระพริบและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งข้างๆริกิ
ริกิมีสีหน้าที่ไม่เข้าใจ
“แม้ว่านายจะทนต่อบทลงโทษได้…แต่การฆ่าคนหลายร้อยคนมันไม่มากไปหรือ?”
[หุหุ พวกเราไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว]
"อะไรนะ?"
[ดีใจด้วยนะริกิ ในที่สุดเราก็พบความเป็นไปได้ที่จะหลีกเลี่ยงการลงโทษจากกฏของพระเจ้า]
“… !!”
การแสดงออกของเฟรย์บิดเบี้ยวหลังหน้ากากของเขา
ริกิประหลาดใจไม่น้อยไปกว่าเขา
ตอนนั้นเอง
[เข้ามาข้างในเถอะพี่น้องของข้า]
ร่างกายทั้งหมดของเฟรย์แข็งตัว
มันเป็นเสียงที่เขาไม่มีวันลืม
เป็นเสียงที่ฟังดูศักดิ์สิทธิ์ราวกับได้ยินเสียงเรียกของพระเจ้าในมหาวิหาร แต่เจ้าของเสียงนี้กลับไม่ได้เป็นอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์เลย
เฟรย์หันไปมองด้านในของกำแพงที่ถูกทุบของปราสาท
สิ่งมีชีวิตที่ชื่ออัคนีกำลังเปิดเผยการปรากฏตัวของเขาอย่างเงียบ ๆ
สาเหตุที่เรียกว่า "สิ่งมีชีวิต" นั้นเป็นเพราะไม่มีวิธีอื่นในการบรรยายตัวตนของเขา
มันมีรูปร่างโดยรวมของผู้ชาย อย่างไรก็ตามหัวของมันเรียบเหมือนไข่เพราะไม่มีคุณสมบัติใดๆ เลย
มันไม่มีผมด้วยซ้ำ
ไม่มีรอยของเสื้อผ้าบนร่างกายเผยให้เห็นรูปร่างผู้ชายที่แข็งแกร่งและเหนือสิ่งอื่นใดแสงสีขาวยังคงเปล่งออกมาจากร่างกายของเขาอยู่ตลอดเวลา
มันดูเหมือนเดิมจากเมื่อ 4,000 ปีก่อน
[เข้ามาข้างในเถอะ ครอบครัวที่รักของข้า]
ลอร์ดกวักมือเรียกทุกคนเบาๆ