ตอนที่ 190 ระดับสีม่วงที่ทรงพลัง
ตอนที่ 190 ระดับสีม่วงที่ทรงพลัง
ไนเรลนั่งหลับอยู่บนพื้นเหล็กกลางห้องโถงกว้าง 50 เมตรที่มีเพียงเสาโลหะขนาดใหญ่สิบต้นล้อมรอบอยู่ภายในของตึกกระดองเต่าที่เคยถูกใช้เป็นสถานที่หลบภัย
เขานั่งนิ่ง ๆ แบบนี้มา 12 ชั่วโมงเพื่อย่อยพลังงานทั้งหมดในร่างและปรับสภาพของตัวเองให้พร้อมกับการเลือนระดับที่สุด
ไนเรลก็ลืมตาขึ้นด้านหน้าของเขามีแก่นพลังงานระดับ 6 ขั้นต้นของจระเข้ยักษ์วางไว้อยู่ ข้าง ๆ มีคริสตัลวิวัฒนาการของอาบิเกลอยู่ด้วย
‘แก่นพลังงานระดับ 6 หรือ เทียบเท่าระดับสีม่วงของมนุษย์ แต่ก่อนอื่นฉันต้องกินคริสตัลของอาบิเกลก่อน’
ถ้าเขาเลือนระดับเป็นสีม่วงแล้วค่อยกินคริสตัลวิวัฒนาการมันอาจจะทำให้คริสตัลชิ้นนี้ไร้ค่า เพราะด้วยระดับพลังที่สูงขึ้น โอกาสในการได้พลังหรือความสามารถของอาบิเกลมามันก็อาจจะน้อยลงไปอีก
‘พลังของอาบิเกลคือพลังจิตใจ S ถ้ากินมันอาจจะสามารถยกระดับ คำบัญชาเผ่าพันธุ์เป็น S ก็ได้’ เขารู้สึกว่ามันมีโอกาสสูงมาก
ไนเรลหยิบคริสตัลวิวัฒนาการขึ้นมาจากนั้นก็กินมันลงไป ทันทีที่ครัสตัลพลังงานเข้าไปในปากและไหลลงท้องไป มันก็ย่อยสลายอย่างรวดเร็ว ไนเรลรู้สึกได้ถึงใบไม้รอยสักที่งอกออกมา แต่หลังจากมันงอกออกมาได้สมบูรณ์แล้วใบไม้รอยสักสีทองใบใหม่ก็สลายหายไป
ซึ่งมันถูกใบไม้รอยสักของความสามารถ [คำบัญชาเผ่าพันธุ์ A] กลืนกิน ใบไม้ของคำบัญชาเผ่าพันธุ์สีของมันเริ่มเข้มขึ้นและใหญ่ขึ้น
‘สำเร็จ’ ไนเรลรู้ว่าความคิดของเขาถูกต้อง คำบัญชาเผ่าพันธุ์ของไนเรลพัฒนาขึ้นมาเป็นระดับ S จากการกลืนกินความสามารถของอาบิเกล นั้นหมายความว่าความสามารถคำบัญชาเผ่าพันธุ์ นั้นทรงพลังกว่าความสามารถของอาบิเกล
ซึ่งมันได้รับการพิสูจน์แล้วในตอนที่อยู่ที่เมืองหลวงใหม่ไทกีล่า โดยเขาสามารถใช้ความสามราถคำบัญชาเผ่าพันธุ์ขัดจังหวะความสามารถของอาบิเกลระดับ S ได้แม้มันจะเป็นแค่ระดับ A ก็ตาม
ไนเรลรับรู้ได้ถึงความสามารถ [คำบัญชาเผ่าพันธุ์ S] ที่พัฒนาขึ้นได้อย่างชัดเจน มันราวกับว่าเขากลายเป็นราชาจริง ๆ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาทดสอบมัน เขาต้องจัดการกับจานหลักก่อน
เขาหยิบแก่นพลังงานระดับ 6 ขึ้นมาจากนั้นกลืนมันลงไปทันที
บึม!
ในฉับพลันที่แก่นพลังงานละลายพลังงานจำนวนมากก็ระเบิดในตัวของเขาอย่างรุนแรง แม้เสียงจะเกิดภายในตัวของเขาเท่านั้น แต่ถ้ามีคนธรรมดาอยู่ใกล้ตัวไนเรลในระยะ 10 เมตรตอนนี้คงจะตายจากพลังงานที่ไหลออกมาทันที
‘พลังงาน...’ เซลล์ในร่างของไนเรลเริ่มดูดซับพลังงานที่ถูกจ่ายมาจากออกมาจากเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการที่หน้าอกของเขา ระดับพลังที่ค้างอยู่ 100,000 หน่วยที่เป็นกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างสีน้ำเงินกับสีม่วงอยู่
พลังงานในตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นระเบิดที่พุ่งชนใส่กำแพง
ตูม!ตูม!ตูม!
ไนเรลไม่รู้ว่ากระบวนการนี้เกิดขึ้นนานแค่ไหน ในความรู้สึกของเขามันเพียงแค่พริบตาเท่านั้น แต่เขาเชื่อว่าเวลาไม่ใช่เพียงแค่เขารู้สึกแน่นอน
ด้านนอกผ่านไป 5 วันตั้งแต่ไนเรลกลืนแก่นพลังงานลงไป ตัวของเขานิ่งอยู่แบบนี้ไม่ขยับแม้แต่น้อย พลังงานที่ปลดปล่อยออกมาถูกความสามารถของคริสตัลวิวัฒนาการบนหน้าผากของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านนอกอาคารกระดองเต่า มันถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนาโดยกองกำลังผู้พิทักษ์สมาพันธุ์ที่ซึ่งไม่ได้เคลื่อนทัพเข้ามาภายเมืองซีกพักแล้ว ยังมีกองกำลังผู้พิพากษาที่นิเรียเป็นผู้นำช่วยปกป้องบริเวณโดยรอบเช่นกัน
“เขาเข้าไปกี่วันแล้ว” ตาเดียวที่มาด้วยตัวเองยืนมองอาคารกระดองเต่าอยู่ด้านข้างนิเรีย
“6 วันแล้ว พี่ได้สั่งไว้ว่าห้ามให้ใครเข้าไปใกล้ ซีโร่บอกพี่ยังปลอดภัยอยู่” นิเรียบอกกับตาเดียว
“เธอควรไปพักก่อนเถอะ” ตาเดียวไม่ได้ถามอะไรอีกเพียงบอกนิเรียไปพักและก็ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
ในฉับพลันนั้นหิมะที่ตกอยู่รอบอาคารกระดองเต่าอยู่ ๆ ก็ละลายหายไป ไม่ว่ามัจะตกลงมาเท่าไหร่ก็ละลายหายไปจนหมด
“เกิดอะไรขึ้น”
“นั้นมัน...ดูบนท้องฟ้าสิ”
ทุกคนต่างเงยหน้ามองด้านบนต่างก็ต้องตกตะลึง เพราะมันมีเงาของต้นไม้ที่เหมือนจะเลือนราง
ต้นไม้นี้ใช้ความรู้สึกราวกับมันอยู่คนละมิติมันทั้งเลือนรางและสวยงามในเวลาเดียวกัน ต้นไม้ค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ มันราวกับว่าได้ผลักดันเมฆออกไปจนหมด เกิดเป็นหลุมบนท้องฟ้า
ทุกคนมองฉากนี้ด้วยความหวาดหวั่น เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ คนธรรมดาต่างพากันคุกเขาลงด้วยความกลัว บางคนก็หาที่หลบเพราะกลัวจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นมา
ส่วนมนุษย์ชั้นสูงทุกคนนั้นรับรู้ได้จากเซลล์ในร่างกายของพวกเขา มันกำลังสั่นด้วยความหวาดกลัว
และในฉับพลันนั้นก็เกิดคลื่นพลังงานจำนวนมากระเบิดออกมาจากภายในอาคารกระดองเต่า ตาเดียวและนิเรีย พร้อมทั้งด้วยความของทั้งสองที่ยืนอยู่ใกล้อาคารกระดองเต่าสุดถูกกระแทกลอยไปเกือบ 3 เมตร คลื่นกระแทกยังเกิดขึ้นอีกหลายครั้งติดต่อกัน
“ถอยเร็ว ถอยออกไปจากตรงนี้” นิเรียสั่งให้ทุกคนถอยออกไปทันที
พวกเขาไม่มีทางเลือกเพราะแม้แต่ยืนยันทำไม่ได้เลย ตอนนี้พวกเขาจึงจำต้องถอยออกไปเท่านั้น
......
ขณะเดียวกันภายในห้องของกระดองเต่าเกิดการแตกร้าวอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ไนเรลกลับไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก จิตใจของเขากำลังลองลอยไปอย่างอิสระอยู่ภายในร่างกาย
“ความรู้สึกนี้มัน เมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการ นายตื่นแล้ว” ไนเรลพูดกับจิตสำนึกตัวเอง มันมีแต่เพียงเสียงสะท้อนดังกังวานไม่สิ้นสุดเท่านั้น ไม่มีเสียงตอบกลับมา
แต่แล้วภาพการรับรู้ของไนเรลก็เหมือนกับถูกวาบไปมาเหมือนกับครั้งก่อน “เดี๋ยวสิ....”
ฟึบ!
การรับรู้ของไนเรลมาหยุดอยู่สถานที่หนึ่ง มันคือเหนือท้องฟ้าเมืองซานติเกีย แต่ก่อนที่ไนเรลจะได้มองอะไรมากกว่านี้หนึ่งวินาทีต่อมาการรับรู้ของเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายไปอีกครั้ง
ฟึบ!
การรับรู้เขามาอยู่เหนือผืนป่าขนาดใหญ่ ไนเรลสามารถรับรู้ได้ถึงสัตว์กลายพันธุ์มากมาย ซึ่งระดับของพวกมันนั้นไม่สามารถเอาที่ไทกีล่ามาเทียบได้เลยแม้แต่น้อย
‘ผืนป่า...’
ฟึบ!
แต่การเคลื่อนย้ายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง...
ครั้งนี้มันหยุดอยู่ที่เหนือหลุมยักษ์ที่เหมือนกับถ้ำที่เกิดโดยธรรมชาติ ในเสี้ยววินาทีไนเรลพยายามสังเกตดูจุดที่ทำให้เขาสามารถระบุให้ได้ว่ามันคือสถานที่ไหน เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการพยายามพาเขาไปยังที่ไหนสักแห่ง
แต่มันไม่มันไม่มีที่ให้เขาสังเกตเลยแม้แต่น้อยนอกจากป่าและหลุมข้างหน้าเท่านั้น ในตอนนั้นเองเขาก็เห็นว่ามีคนหนึ่งยืนอยู่
‘ใครกัน นั้นคือเธอ หญิงสาวผมสีน้ำเงิน’ เขาเจอกับหญิงสาวสีน้ำเงินครามอีกครั้ง
‘เดี๋ยวสิ เธอคือใคร...’ ไนเรลพยายามเรียกเธอ แต่แล้วการรับรู้ของไนเรลก็ถูกดึงกลับเข้าไปในร่างในพริบตา
ไนเรลกลับมาอยู่อาคารกระดองเต่าที่เกือบจะพลังทลาย เสาโลหะทั้งสิบเกิดอาการบิดเบี้ยวเล็กน้อย พื้นโลหะก็เกิดการพังในหลายจุด
“เชี่ย...เกิดอะไรขึ้น” ไนเรลลุกขึ้นมองสภาพตรงหน้าอย่างงง
เขาพยายามก้าวขาเดิน แต่พอเท้าของเขาเหยียบลงแผ่นเหล้กใต้เท้าของเขาก็เหมือนกับแผ่นฟองน้ำบาง ๆ ยุบลงเป็นรอยเท้าเขาทันที
“หืม...จริงสิฉันเลื่อนเป็นระดับสีม่วงแล้ว” เขาลืมไปว่าตัวเองเลื่อนไปเป็นระดับสีม่วงแล้ว คริสตัลวิวัฒนาการที่หน้าผากของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงอ่อน ๆ แล้ว
เขาค่อย ๆ ก้าวเดินพร้อมกับพยายามควบคุมพลังของตัวเองด้วย ตอนนี้แค่เพียงร่างกายของเขาก็เท่ากับสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 5 ขั้นต้นแล้ว แม้เขาจะไม่ใช้พลังหรือความสามารถอะไรออกมาแต่เขาก็สามารถสู้กับสัตว์ระดับ 5 ขั้นต้นได้สบาย
ไนเรลเดินออกมาด้านนอกเขามองดูกองกำลังผู้พิทักษ์และกองกำลังผู้พิพากษาที่ล้อมที่นี่ไว้
“เกิดอะไรขึ้น” ไนเรลถามออกไป
“พี่...ไม่เป็นอะไรใช่ไหม เกิดอะไรขึ้นพลังพวกนั้นคืออะไร” นิเรียเดินเข้ามาถามเขา
พลังอะไร” ไนเรลหันไปมองรอบ ๆ เขาพึ่งจะสังเกตพื้นที่ยืนอยู่รอบตัวอาหารกระดองเต่าทั้งหมดนั้นแตกร้าว สภาพพื้นที่แถวนี้ราวกับโดนพายุฝนถล่มมาไม่มีผิด เพียงแต่พายุที่ถล่มนี้ผลักทุกอย่างออกไปก็
‘ทำไมถึงเกิดผลกระทบมากขนาดนี้ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจะเกิดการเหตุการณ์แบบนี้เมื่อเลือนระดับพลังเป็นสีม่วง เดี๋ยวก่อนหรือว่าเป็นเพราะเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการ’ คิดได้ดังนั้นเขาก็พอจะเข้าใจได้
“ส่งคนมาจัดการพื้นที่โดยรอบด้วย ส่วนพลังพวกนั้นเป็นพี่เป็นคนทำเอง”
“พี่หมายความว่ายังไง หรือว่พี่เลือนระดับสำเร็จแล้ว” นิเรียถามด้วยสายตาที่เป็นประกาย
“แน่นอน พี่เป็นระดับสีม่วงแล้ว ตอนนี้แม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ระดับ 6 ขั้นต้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่แน่นอน” ไนเรลตอบอย่างมั่นใจ ‘ถ้าประเมินจากเจ้าจระเข้ตัวนั้นละก็นะ’
ทุกคนที่อยู่โดยรอบได้ยินแบบนั้นก็ต่างยินดี เพราะถ้าไนเรลแข็งแกร่งขึ้นก็หมายความว่าพวกสมาพันธุ์นักล่าก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคนระดับสูงของสมาพันธ์นักล่าต่างก็รับรู้เรื่องที่ไนเรลขึ้นไปเป็นระดับสีม่วงได้สำเร็จ เขาเป็นเพียงมนุษย์คนเดียวที่อยู่ในระดับนี้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
......
ก่อนหน้านั้นสถานที่ซึ่งการรับรู้ของไนเรลพึ่งมาถึง หญิงสาวผมสีน้ำเงินครามที่กำลังหันหลังอยู่ เธอเหมือนจะรับรู้ได้ถึงบางอย่าง จึงหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว
แม้จะเป็นเพียงความว่างเปล่าแต่หญิงสาวผมสีน้ำเงินเหมือนมองเห็นบางอย่างอยู่ เธอพึมพำกับตัวเอง “พ่อ...”
แต่แล้วคิ้วของเธอก็ขมวดแน่นมองไปอีกทิศทางหนึ่ง เธออ้าปากพูดเหมือนจะเบา แต่มันกับดังก้องไปทั้งผืนป่าสีขาวโพลน เกิดเป็นลมกระโชกแรงดังสะท้อนไปมาเหมือนกับกำลังมีพายุหิมะ
“ระบบแกกำลังทำผิดพลาด!!!!!!!”
“ระบบแกกำลังทำผิดพลาด!!!!!!!”
“ระบบแกกำลังทำผิดพลาด!!!!!!!”
ตูม!!!!!!!!!!!!!!!!
หลังจากนั้นภายในวินาทีเดียวพลังงานจากระบบก็ถล่มจุดที่เธอยืนอยู่จนหายไป หญิงสาวผมสีน้ำเงินครามก็หายไปด้วยเช่นกัน
“เป้าหมายหนีไปได้ เริ่มการไล่ล่าสิ่งมีชีวิตต่างโลกอีกครั้ง”
“ตรวจพบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรมีอยู่อีกครั้ง เริ่มการแกะรอยเพื่อกำจัด” เสียงของระบบลอยหายไปในอากาศพร้อมกับทุกอย่างในบริเวณนี้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าในตอนนั้นที่เกิดเรื่องทั้งหมด สัตว์กลายพันธุ์ต่างสั่นสะท้านด้วยความกลัว
..............