Ep.1005 - มิติรูน
Ep.1005 - มิติรูน
“แล้วมิติอักษรรูนมันคืออะไรกันแน่?” ฉินเฟิงถาม
“จะให้ฉันอธิบายยังไงดี! ประมาณว่ามิติที่พวกเราอยู่กันในตอนนี้ ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดขึ้นหลังจากการตายของจ้าวเหนือหัว ทว่ามันจะไม่มีมิติที่ทรงพลังยิ่งกว่านั้นเลยหรือ?”
“ถ้าให้จำแนกตามข้อมูลที่มนุษย์มีอยู่ในตอนนี้ มิติระดับต่ำ จะถูกเรียกว่าเป็นเขตแดนลับ เป็นการดำรงอยู่ในระดับพื้นที่เล็กๆ ดินแดนแบบนี้ ขอแค่เป็นตัวตนทรงอำนาจก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ หรือกระทั่งสัตว์ยักษ์มิติก็สามารถสร้างมันได้เช่นกัน”
“ขั้นต่อมา คือมิติระดับกลาง จะอยู่ในรูปแบบดาวเคราะห์ไม่ก็ทวีปใหญ่ ทวีปเดียวในมิติแห่งนั้น กรณีนี้จะเกิดขึ้นจากการตายของจ้าวเหนือหัว”
“ต่อไปเป็นมิติระดับสูง ซึ่งไม่สามารถค้นพบได้ และพื้นที่อยู่อาศัยของมัน ก่อตัวเป็นดาวเคราะห์นับไม่ถ้วน ไม่ก็เป็นหลายทวีปที่เชื่อมต่อกันหรือมีเส้นแบ่งที่ทับซ้อนกันอยู่ตลอดเวลา”
“สุดท้ายเป็นมิติเทวะ ถือเป็นการดำรงอยู่ของดินแดนแห่งรูน ภายในมิติเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง ส่วนสาเหตุที่มันเกิดขึ้นไม่สามารถตรวจสอบได้ เป็นเรื่องน่าพิศวงอย่างหนึ่ง!”
“มิติเทวะยังคงล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่า เนื่องจากพลังงานมีความผันผวนมากเกินไป ทุกครั้ง หลังจากที่มันประสานกับมิติอื่น จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนเชิงมิติ หลังจากเข้าไปแล้ว ผู้เยือนจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน!” หนานกงซีหมิงกล่าว แต่น้ำเสียงของเขาไม่ตื่นเต้นเท่าไรนัก เอาจริงๆมันแฝงไปด้วยร่องรอยของความเสียใจมากกว่า
นั่นเพราะหนานกงซีหมิงไม่ใช่ผู้ใช้อบิลิตี้ ดังนั้นมิติรูนเบื้องหน้านี้ เขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์จากมัน
“ที่แท้ก็ยังมีสถานที่มหัศจรรย์เช่นนี้อยู่ด้วย!” ตงหยางกล่าวด้วยความตื่นเต้น จากในมุมมองของเขา นี่คือโอกาสทองที่พระเจ้าประทานให้ตนโดยแท้ เขาไม่เพียงสามารถใช้โอกาสนี้ยกระดับสู่เลเวล S แต่บางทีหากเข้าไปสำรวจข้างใน อาจได้รับสมบัติบางอย่าง ที่ช่วยให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ยังไงก็ตาม เห็นได้ชัดว่าหนานกงซีหมิงไม่เห็นด้วย
“แต่เรื่องที่ว่าข้างในนั้นมันจะอันตรายหรือไม่ ฉันเองก็ไม่รู้ ถ้าให้ดีพวกคุณอย่าเพิ่งเข้าไปจะดีกว่า ได้ยินว่าอันโดรก็เข้าไปแล้วนี่? ถ้าเขาเจอพวกคุณอีก แล้วเกิดนึกอยากสังหารขึ้นมา พวกคุณจะตกอยู่ในอัตราย เอาไว้รอคนให้มากกว่านี้ แล้วค่อยเข้าไปพร้อมกัน น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล SS ในหัวเซี่ย!”
ปัจจุบันผู้ใช้พลังเลเวล SS ในหัวเซี่ยมีเพียงแค่สองคน หนึ่งคืออาวุโสตระกูลหลง ตัวตนทรงอำนาจนามหลงเฉิน อีกคนหนึ่งเป็นพ่อขององค์ชายเซียว นามหลี่มู่
ทว่าทั้งสองคนนี้ ล้วนเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ ดังนั้นต่อให้พวกเขาจะมา แล้วเข้าไปในมิติรูน ก็ไม่ได้ผลประโยชน์ใดอยู่ดี อีกทั้งเป็นเพราะมีอักษรรูนมหาศาลอยู่ข้างใน มันอาจก่อความเสียหายบางอย่างได้ เช่นเดียวกันในกรณีก่อนหน้านี้ของตงหยาง
เพียงแต่ว่า ความกังวลของหนานกงซีหมิง เห็นได้ชัดว่าไร้สาระ เพราะฉินเฟิงสังหารอันโดรไปแล้ว
ณ จุดนี้ ตงหยางเองก็ทราบเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวอันโดรเลย ตรงกันข้าม ปรารถนาจะก้าวเข้าไปให้เร็วขึ้นกว่านี้
“ฉันก็เข้าใจความคิดของพี่ชายหนานกงนะ แต่มิติเบื้องหน้านี้อย่างน้อยไม่มีทางเล็กกว่ามิติของพวกเราอย่างแน่นอน ดังนั้นต่อให้อันโดรเข้าไป ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะเจอเขา ฉันคิดว่ามันไม่น่าจะอันตรายขนาดนั้น และอีกอย่าง เมื่อเจอภูเขาขุมทรัพย์อยู่ตรงหน้า แต่ไม่เอื้อมมือไปคว้าไว้ มันคงขัดต่อหลักเหตุผล ทำร้ายจิตใจกันไม่น้อยเลยถูกไหม?” เจียวหลินฮานกล่าว
คำเหล่านี้ เอ่ยเพื่อช่วยเหลือฉินเฟิงกับตงหยางอย่างสิ้นเชิง ในเมื่อเจียวหลินฮานไม่สามารถชักจูงฉินเฟิงมาเป็นลูกน้อยของเขาได้ และเขาได้เห็นแล้วว่าตอนนี้ฉินเฟิงแข็งแกร่งเพียงใด ดังนั้นจึงตัดสินใจริเริ่มสานสัมพันธ์กับฉินเฟิง ให้การช่วยเหลือเขา
ตงหยางกับฉินเฟิงย่อมได้ยิน น้อมรับน้ำใจของเจียวหลินฮานด้วยความยินดี
“ใช่แล้ว ฉันจะไม่ลองเข้าไปสำรวจได้ยังไง ในฐานะสมาชิกของพันธมิตรมนุษย์ ยิ่งไม่อาจปล่อยให้อันโดรคว้าสมบัติได้!” ตงหยางประกาศกร้าวด้วยท่าทีเที่ยงธรรมน่าเกรงขาม
“ในเมื่อพูดกันถึงขนาดนั้น ผมก็จะขอเข้าไปสำรวจด้วย!” ฉินเฟิงตามน้ำและกล่าว ทั้งๆที่ในความเป็นจริงทั้งสองคนรู้ดี ว่าไม่มีอันโดรอยู่ที่นี่ และในมิติเทวะต้องมีสมบัติอยู่อย่างแน่นอน
“ก็ได้ แต่คุณทั้งสองคนต้องระมัดระวังตัวให้ดี ยังไงซะ พยายามอย่าเข้าไปในมิติรูนลึกเกินไป ใครจะรู้ว่ารอยแยกนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยอักษรรูน ตัวเชื่อมมิติไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เว้นเสียแต่ว่าพวกคุณจะมีสัตว์ยักษ์มิติ … ฮ่าฮ่า ฉินลืมไปเลย ว่ายังมีมิสไป๋อยู่นี่นา”
หนานกงซีหมิงยิ้ม ไม่คิดหยุดรั้งทั้งสองอีกต่อไป “ฉันหวังว่าพวกคุณจะคว้าโอกาสนี้ สามารถติดปีกโบยบินสู่ท้องฟ้าได้!”
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของท่านหนานกง!”
ณ ขณะนี้ ภายในขอบเขตพลังสมาธิ มีผู้ใช้พลังมากมายกำลังก้าวเข้ามา ฉินเฟิงกับตงหยางไม่ต้องการพลาดโอกาสอีกครั้ง ดังนั้นไม่พล่ามไร้สาระอีก พวกเขาบอกลาเจียวหลินฮานกับหนานกงซีหมิง บุกเข้าไปในรอยแยกมิติ
ในครั้งนี้ ช่วงเวลาที่ใช้ในการเดินทางข้ามมิติดูเหมือนจะยาวนานเป็นพิเศษ เฝ้ารอจนกระทั่งสายตาและพลังการรับรู้กลับมาอีกครั้ง ฉินเฟิงก็พบว่าตนเองกำลังจมอยู่ในหล่มบางอย่างที่ให้ความรู้สึกหนืด
ปรากฏว่าเขากำลังเหยียบย่ำอยู่ในอักษรรูนไฟ แต่เพราะความแข็งแกร่งที่เขามี ประกอบกับมันคือธาตุที่เข้ากันได้กับอบิลิตี้ของเขา บวกกับฉินเฟิงเคยเป็นคนที่มีประสบการณ์เข้าไปสำรวจในบริเวณหัวใจโลกมาแล้ว สำหรับสถานที่ที่คล้ายแอ่งลาวาเช่นนี้ มันไม่ได้ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกแสบร้อนหรือถูกลวกแต่อย่างใด
ไป๋หลีเธออยู่ข้างกายฉินเฟิง ส่วนตงหยางอยู่ห่างออกไป 100 เมตร เจ้าตัวตกอยู่ท่ามกลางรูนสีเขียว
ฟึ่บบบ! ตงหยางพยายามดิ้นรนสุดกำลัง เรียกใช้เทคนิคน้ำพัดพาตนเองไปอีกฝั่ง ห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตร สามารถทิ้งตัวลงในทะเลได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแอ่งลาวาที่ฉินเฟิงยืนอยู่ , กลางพายุก่อนหน้านี้ หรือทะเลที่ตงหยางหนีไป พวกมันล้วนอยู่ใกล้กับทางเข้ารอยแยกมิติ นั่นหมายความว่าเป็นเจ้าพวกนี้เอง ที่เล็ดลอดออกไป เป็นกระแสรูนให้ฉินเฟิงดูดซับในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ตอนนี้ จุดที่เป็นรอยแยกมิติมีรูปทรงเหมือนกรวย เป็นช่องแคบๆให้รูนอื่นๆร่วงตกลงมา
“สถานที่นี้ มันจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว แต่พลังงานมันรุนแรงเหลือเกิน!” ใบหน้าของตงหยางซีดลงเล็กน้อย เขาเพิ่งยกระดับขึ้นสู่เลเวล S ยังไม่แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น กลิ่นอายจากสภาพแวดล้อมที่บ้าคลั่ง ทำให้เขารู้สึกอึดอัด
ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น และพบว่าสามารถมองเห็นอวกาศได้จริงๆ อีกอย่าง ตำแหน่งปัจจุบันที่เขาอยู่ในตอนนี้ พลังงานของจักรวาล เกรงว่าจะรุนแรงยิ่งกว่าภายนอกดาวทะเลดอกไม้หลายเท่า
ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ตงหยางจะรู้สึกอึดอัด สภาพแวดล้อมเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ใช้พลังเลเวล A จะสามารถฝืนทน ขอแค่หลุดเข้ามา ร่างกายอาจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
พลังสมาธิของฉินเฟิงกระจายออกไป เพื่อตรวจสอบว่าสถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไร
ในพริบตา พลังสมาธิของเขายืดยาว ขยับขยายออกไป
พลังสมาธิของผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล S ตามปกติสามารถตรวจสอบได้ในระยะ 100 กิโลเมตร ทว่าฉินเฟิงคือตัวตนทรงอำนาจระดับเทวะ ดังนั้นระยะการตรวจสอบของพลังสมาธิมากกว่าคนอื่นๆเป็น 10 เท่า บวกกับเชี่ยวชาญในธาตุทั้งเก้า ทำให้มันสามารถซ้อนทับกันได้รวมเป็น 19 เท่า
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแรงกดดันของมิติ ทำให้รัศมีการสำรวจของฉินเฟิงไกลถึงแค่ 200 กม. เท่านั้น ทว่าเท่านี้ถือว่าเป็นระยะที่น่ากลัวมากแล้ว
ฉินเฟิง ‘เห็น’ โลกที่ประกอบไปด้วยอักษรรูนลอยอยู่ที่นี่ บ้างมีขนาดเล็ก บ้างมีขนาดใหญ่ มีกระทั่งการดำรงอยู่ของรูปแบบสิ่งมีชีวิตรูนอีกด้วย และแต่ละตัว ล้วนเป็นเลเวล S อันตรายเป็นอย่างมาก แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ แม้อันตราย แต่ที่นี่ก็เต็มไปด้วยโอกาส
“มิน่าเล่า ในชีวิตที่แล้วพวกเลเวล S ถึงเรียกมิติแห่งนี้ว่าโลกมวลหมู่ดาวรูน!”
โลกใบนี้ เชื่อมต่อกับโลกมนุษย์เป็นเวลากว่าเจ็ดปี เกรงว่าหลังจากเชื่อมต่อกัน พลังงานและอักษรรูนในโลกใบนี้ น่าจะช่วยเหลือมิติโลกมนุษย์ที่กำลังอยู่ในสภาวะล่อแหลม ให้ได้รับประโยชน์มากขึ้น สามารถยื้อชีวิตต่อไปได้
ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เป็นเพราะความเมตตาของพระเจ้าใช่หรือไม่?