บทที่ 101 การประชุม (8)
“อะไรนะตายเพิ่มอีกคน?”
“ผมขอโทษครับ”
ใบหน้าของมาร์ควิสเปลี่ยนเป็นสีแดง
จากนั้นเขาโยนแก้วไวน์ที่เขาดื่มใส่ลูกน้องที่นำรายงานมาทำให้แก้วนั่นแตก
ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้รับบาดเจ็บเนื้องจากเขาสวมหมวกป้องกัน แต่ในฐานะอัศวินเขายังคงรู้สึกต่ำต้อยที่ถูกปฏิบัติในลักษณะนี้
อย่างไรก็ตามอัศวินเพียงแค่โค้งคำนับพร้อมกับรอยยิ้มที่ประจบประแจง
บนใบหน้าของเขาโดยไม่กล้าที่จะแสดงความไม่พอใจใดๆ
ร่างกายที่อ้วนของดาลามันค่อนข้างใหญ่
แม้ว่าเขาจะเป็นอัศวินที่โดดเด่นที่เคยผ่านเกณฑ์ระดับปรมาจารย์ในอดีต แต่ร่างกายของเขาที่ชุ่มฉ่ำในวัยเกษียณก็กลับใหญ่โตเหมือนหมู
“ฉันบอกให้พวกแกดูแลพวกเอลฟ์ด้วยความระมัดระวังไม่ใช่หรือ? แกรู้หรือไม่ว่าแม้แต่เอลฟ์คนเดียวมันมีค่าแค่ไหน!”
"ผมขอโทษครับ"
“ไอ้พวกไร้ประโยชน์!”
ดาลามันกัดฟันด้วยความหงุดหงิด
มูลค่าของเอลฟ์นั้นสูงมากจนเป็นหนึ่งในทาสที่มีราคาแพงที่สุด1ใน10ชนิดที่หาซื้อได้จากทั่วโลก
ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามความเยาว์วัยที่ยืนยาวและแม้แต่ความสามารถทางจิตวิญญาณที่สูงก็คงแปลกถ้าค่าตัวของพวกเขานั้นจะไม่แพง
แน่นอนว่ายังมีข้อบกพร่องบางประการ
พวกเขาค่อนข้างยากที่จะดูแลรักษา
พวกเค้าคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในป่าและยังดึงพลังงานจากธรรมชาติมาใช้ด้วยดังนั้นหากพลังงานนั้นไม่ได้รับการเติมเต็มเป็นประจำพวกเค้าก็จะตายอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังค่อนข้างยุ่งยากในการ "ทำให้เชื่อง" เนื่องจากเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความภาคภูมิใจสูงและมักจะที่ดูถูกคนอื่น
แน่นอนว่ามีขุนนางประหลาดหลายคนที่ชื่นชอบลักษณะพิเศษนั้น
มีเหตุผลว่าทำไมทาสเอลฟ์ที่ขุนนางซื้อมาจึงใช้อยู่ได้ไม่เกินห้าปี
และแน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับดาลามัน
เมื่อทาสเสียชีวิตนายของพวกเขาก็จะมาหาซื้อเพื่ออีกตัวหนึ่ง
แต่ตอนนี้เอลฟ์ทาส 10 คนที่เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการจับกุมได้เสียชีวิตไปถึงสามคนแล้ว
สองคนเป็นผู้หญิงซึ่งทำให้การสูญเสียครั้งนี่เจ็บปวดมากยิ่งขึ้น
“ฉันต้องใจเย็นลง”
ดาลามันมองไปยังผู้ดูแลที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก่อนจะพูด
“เตรียมแอลกอฮอล์และเนื้อไว้ด้วย”
ผู้ดูแลตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น
นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าดาลามันหมายถึง ‘เนื้อ’ แบบไหน
"แต่ว่าวัตถุดิบ…"
“พวกแกไม่ได้ยิน รายงานของไอ้งั่งนั้นหรือ”
“…ผมขอโทษครับ ผมจะรีบทำตามที่นายย์สั่งทันที”
ดาลามันกลืนน้ำลายเต็มปาก
เนื้อของเอลฟ์เป็นอาหารอันโอชะในบรรดาอาหารอันโอชะทั้งปวง
แต่ไม่ใช่แค่เอลฟ์
ดาลามันชอบกินเนื้อของคนแคระ พวกครึ่งคนครึ่งสัตว์ และแม้แต่เนื้อมนุษย์เองก็ตาม
เขารู้สึกประทับใจว่าเขาเป็นนักชิมที่เชี่ยวชาญ
ขณะที่ดาลามันลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับขวดแอลกอฮอล์
“ท่านมาร์ควิส”
อัศวินที่เขาขว้างแก้วไวน์วิ่งกลับมารายงาน
ความโกรธปะทุขึ้นบนใบหน้าของดาลามันอีกครั้ง
“ถ้าแกมาบอกฉันว่าทาสคนอื่นตาย…”
“มะ..มีผู้บุกรุก!”
"อะไรนะ?"
ผู้บุกรุก?
ในขณะนั้นดาลามันสงสัยว่าเขาได้ยินผิดหรือเปล่า
นี่เป็นเรื่องปรกติ
เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่เขาลงทุนในการค้าทาสและในเวลานั้นไม่เคยมีผู้บุกรุกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เขามักจะจัดการกับหนูที่อาจรู้มากเกินไปหลังจากทำข้อตกลงแต่ละครั้งเสร็จสิ้น
แต่ดาลามันก็จับมือเขาด้วยความรำคาญ
“จัดการกับมันโดยเร็ว”
เห็นได้ชัดว่าทหารยามที่เขาจ้างมาไม่รู้วิธีจัดการกับผู้บุกรุกดังนั้นพวกเขาจึงมารบกวนดาลามันด้วยเรื่องแบบนี้
พวกเขาไม่มีประโยชน์จริงๆ
ดาลามันกระดกลิ้นของเขา
พวกเขามีค่าแรงราคาถูกแต่มันก็ไม่ได้เหมือนกับว่าดาลามันไม่สามารถจ่ายเพิ่มได้ในตอนนี้
‘ฉันควรจ้างยามจริงๆดีกว่าไหม…’
เขารู้สึกว่าควรใช้เงินมากกว่านี้
เมื่อเขาคิดเช่นนี้ดาลามันก็หันไปเห็นว่าอัศวินที่มารายงานตัวยังคงไม่จากไป
แต่เขากลับเหงื่อออกและพูดติดอ่างอย่างต่อเนื่อง
"มีอะไรอีก?"
ตอนนี้เขารู้สึกโกรธอย่างแท้จริง
ดาลามันเริ่มสงสัยว่าเขาจะลงโทษอัศวินเพื่อสร้างความรำคาญได้อย่างไร
“อัศวินทั้งหมดถูกฆ่าตายหมดแล้วครับ”
"อะไร?!"
การแสดงออกของดาลามันแข็งขึ้น
สิ่งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับกำแพงที่พังลงมาและมีเสียงดัง
* * *
ชายสวมเสื้อคลุมและหน้ากากปรากฏตัวจากเมฆฝุ่นที่เกิดจากการระเบิด
หน้ากากเป็นรูปใบหน้าที่ร้องไห้ แต่มันกลับไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าเลย
แต่หน้ากากของเฟรย์กลับให้ความรู้สึกที่ดูไร้สาระมาก
ถ้าไม่ใช่สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันเป็นไปได้มากทีเดียวที่ดาลามันจะหัวเราะออกมา
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่สามารถหัวเราะได้
ไม่แม้แต่น้อยนิด
ชายคนนั้นเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าและมั่นคงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“แกเป็นใคร”
ดาลาแมนหน้าแดงเมื่อเขาถามคำถามนี้
“นายคือมาร์ควิส ดาลามันใช่ไหม”
“ฉันถามว่าแกเป็นใคร…”
เฟรย์ไม่รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องตอบ
ตอนนั้นเอง
ผู้ดูแลข้างมาร์ควิสกระโจนเข้าหาเฟรย์ด้วยความเร็วสูงเผยให้เห็นฟันของเขายาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
‘พวกครึ่งคนครึ่งสัตว์’
ความเร็วของมันไม่ใช่สิ่งที่จะละเลยได้ แต่เฟรย์ก็ไม่ได้ตกใจมากนัก
เขาไม่จำเป็นต้องตกใจ
เสียงแตก
“อร๊าก!”
กระแสไฟฟ้าพุ่งผ่านร่างของผู้ดูแลที่พุ่งเข้าหาเฟรย์
กำแพงสายฟ้า
นี่เป็นความสามารถที่ลูคส์ซึ่งเป็นอัครสาวกของอินดราที่เฟรย์เคยต่อสู้ในอดีตเคยใช้
กำแพงของเฟรย์ไม่ได้สังเกตเห็นง่ายเท่าของลูคส์แวบแรกแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่ามันอยู่ที่นั่นด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตากำแพงของเฟรย์นั้นแข็งแกร่งกว่าของลูคส์มาก
ผู้ดูแลล้มลงกับพื้นร่างกายทั้งตัวของพวกเขาไหม้เป็นสีดำ
พวกเขาเสียชีวิตทันที
การแสดงออกของดาลามันเริ่มแข็งกระด้างจนถึงจุดที่ดูเหมือนว่าเขาสวมหน้ากากบนใบหน้า
หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจสถานการณ์ของเขาทันที
“แกคิดว่าจะรอดไปได้ไหม”
“ไอ้สารเลวอย่างนายมักจะพูดแบบเดียวกันเสมอ”
เฟรย์พึมพำด้วยน้ำเสียงสงบ
จากนั้นดาลามันก็เหวี่ยงมือไปที่อัศวินที่มารายงานตัว
"พวกแกกำลังรออะไรอยู่?! ไปฆ่ามันสิ!”
“ฮึก…”
อัศวินตัวสั่นและชักดาบออกมา
อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันสายฟ้าก็พุ่งออกมาจากเฟรย์และแทงทะลุร่างของพวกอัศวิน
เขาตายโดยไม่สามารถส่งเสียงได้เช่นเดียวกับอัศวินคนอื่น ๆ
ตอนนี้เหลือดาลามันเพียงคนเดียว
“กะ...แกต้องการอะไร”
ดวงตาของดาลามันกลอกไปมาในหัวของเขาอย่างเมามัน
เขาไม่สามารถบอกได้ว่าคนๆ นี้ใช้พลังแบบไหน แต่เขามั่นใจว่าเขาอาจถูกฆ่าได้ในทันที
ถึงกระนั้นเฟรน์ยังคงให้เขามีชีวิตอยู่
มันต้องมีเหตุผล
เขาเกือบจะแน่ใจแล้วว่าเป็นเพราะตัวตนของเขา ท้ายที่สุดเขาเป็นมาร์ควิสแห่งอาณาจักรลัวโนเบิลที่ยิ่งใหญ่
‘เขาคงไม่มีความมั่นใจที่จะฆ่าฉัน’
เมื่อเขาคิดเช่นนี้ใบหน้าของดาลามันก็เปลี่ยนสีเล็กน้อย
เฟรย์พยักหน้า
"ถูกต้องมีบางอย่างที่ฉันต้องการ”
“บอกฉันมาเลยว่ามันคืออะไร ตราบเท่าที่คุณไว้ชีวิตฉัน”
แซ่บ
“อ๊ะ!”
ดาลามันร้องลั่น
เฟรย์ต้องการให้เขาทรมาน
ต่างจากคนอื่นๆ ตรงที่เฟรย์ลดพลังของกระแสลงเพื่อที่จะไม่ฆ่าเขาในทันที
เสียงกรีดร้องของดาลามันดังก้องเป็นเวลานานก่อนที่จะกลายเป็นเสียงแหบในที่สุด
เขาอยู่ได้ไม่นานอย่างที่เฟรย์คิด
หลังจากนั้นดาลามันก็หลับตาลงและเฟรย์ก็รู้ว่าเขากำลังจะตาย
เขาไม่เคยมีนิสัยที่ชอบทรมานผู้คน
นั้นก็เพราะว่าเขาไม่ได้รับความสุขจากการได้ยินเสียงคนกรีดร้อง
เฟรย์รู้ตัวว่าเขากำลังระบายความโกรธ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นจริงๆ
ชิ
เฟรย์ออกจากปราสาทและมองไปที่โล่งขนาดใหญ่
"มันจบแล้ว"
ริกิโผล่มาข้างๆ
เขากำลังมองดูทาสที่ติดอยู่ในกรง
“นายจะทำอะไรกับพวกเขา”
“…”
“นายจะทิ้งพวกเขาไว้กลางอาณาจักรลัวโนเบิลหรือ?”
เฟรย์มองไปที่พวกทาส
เขามองไม่เห็นแม้แต่เศษเสี้ยวแห่งความหวังบนใบหน้าของพวกเขา
ดาลามันและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาตายไปหมดแล้ว แต่ทาสก็ยังไม่สามารถแสร้งทำเป็นมีความสุขได้
พวกเขาสูญเสียความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว
เฟรย์ทิ้งความรับผิดชอบให้กับริกิ
เฟรย์ไม่เชื่อว่าริกิให้เขาช่วยพวกเขาโดยไม่คำนึงถึงผลพวง
‘ฉันสามารถพาพวกเขาไปที่ไหนสักแห่งที่ปลอดภัยได้ด้วยวาร์ป’
อย่างไรก็ตามนั่นจะเสียจุดประสงค์ของการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อปกปิดออร่าของมานาของเขาโดยสิ้นเชิง
ริกิกระโดดลงไปที่โล่งแจ้ง
จากนั้นเขาก็เข้ามาหาพวกเขาและชักดาบของเขาออกมา
ชิ้ง
เพลงดาบของเขานั่นแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างไรก็ตามเหล่าทาสกลับดูไม่พอใจที่เครื่องพันธนาการของพวกเขาถูกทำลายลง
พวกเขามองไปที่ริกิด้วยดวงตาที่ตายแล้ว
“ตอนนี้พวกคุณเป็นอิสระแล้ว”
“…อิสระเสรีภาพคืออะไร”
เป็นชายครึ่งคนครึ่งสัตว์ที่ถามเรื่องนี้ด้วยเสียงแหบ
เขามองไปที่กองศพและพูดว่า
“น้องชายของฉันอยู่ที่นั่น เขามีชีวิตเหมือนหุ่นเชิดสำหรับมนุษย์และยังต้องมาเสียชีวิต ไม่ใช่แค่น้องชายของฉัน จากญาติยี่สิบคนของฉันตอนนี่เราเหลือเพียงห้าคนเท่านั้น”
จูก
น้ำตาเลือดร่วงหล่นจากดวงตาของเขา
“งั้นช่วยบอกหน่อย เสรีภาพคืออะไร”
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่ความตาย”
น้ำเสียงของริกิยังคงเหมือนเดิม
“ฉันรู้ว่าคุณสูญเสียมามากมาย และนั่นจะเป็นรอยแผลเป็นที่ต้องใช้เวลาที่เหลือของชีวิตในการรักษา”
“อย่าพยายามปลอบใจเรา!”
ชายครึ่งคนครึ่งสัตว์ลืมตาขึ้นและตะโกน
เขารู้ว่าริกินั้นไม่ธรรมดา
เขารู้ว่าริกิสามารถฆ่าเขาได้ด้วยเพียงแค่นิ้วเดียว
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ยับยั้งความโกรธ
ตั้งแต่แรกนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
“ไม่ใช่คำปลอบใจ”
"…พวกเราเหนื่อยมากคุณบอกว่าความตายไม่ใช่อิสรภาพ แต่สำหรับเรามันคงเป็นการพักผ่อนที่ยาวนาน”
ชายคนนั้นทรุดตัวลงและทาสคนอื่นๆ ก็ลดศีรษะลงในเวลาเดียวกัน
มันเหมือนกับว่าพวกเขาทั้งหมดเห็นด้วยกับคำพูดของผู้ชายคนนั้น
ริกิมองไปรอบๆ ก่อนจะพูด
“ถ้าพวกนายอยากตายจริงๆ ฉันก็จะทำให้ จะไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ในความเป็นจริงพวกนายคงไม่สามารถบอกได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้น”
ริกิชักดาบออกมาช้าๆใบมีดของดาบกระทบกับแสงจันทร์
“แต่พวกนายพอใจกับสิ่งนั้นจริงๆหรือ”
“…คุณกำลังพูดถึงอะไร”
“ฉันเคยเห็นหลายคนที่เหมือนพวกนาย ผู้ที่ปรารถนาจะจบชีวิตเพื่อหลุดพ้นจากความสิ้นหวัง ผู้ที่หยุดก้าวไปข้างหน้า ผู้ที่ยอมแพ้”
"ยอมแพ้? คุณกำลังบอกว่าพวกเรายอมแพ้แล้วใช่ไหม?”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกนายกำลังเป็นอยู่เหรอ?”
ริกิเอียงศีรษะเล็กน้อย
"ฉันเข้าใจ ฉันไม่อยากยอมรับแต่ในที่สุด พวกนายเลือกได้และเป็นสิ่งที่ฉันต้องเคารพ ไม่ใช่สิ่งที่บุคคลที่สามจะแสดงความคิดเห็นได้ แต่พวกนายควรพิจารณาจากอีกมุมหนึ่งด้วย”
“อีกมุมหนึ่ง?”
“พวกนายโชคดีมาก ฉันและผู้ชายคนนี้บังเอิญมาที่นี่โดยบังเอิญและได้เรียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกนายและมีอำนาจมากพอที่จะฆ่าหทารที่นี่รวมถึงมาร์ควิสด้วย พวกนายจึงได้รับการปลดปล่อย แล้วคนที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือล่ะ?”
อารมณ์เริ่มแสดงอย่างช้าๆด้วยเสียงของริกิ
“มีอีกหลายคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าพวกนายมาก แต่ก็ยังไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้”
“คุณอยากให้เราอยู่ต่อไปเพราะความโชคดีของเราหรอ?”
“ไม่”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งริกิก็ยืนยัน
“ฉันอยากให้ทุกคนไปช่วยชีวิตพวกเขาต่อ”
"ฮะ…?"
“บนภูเขานี้ยังมีคนเหมือนพวกนายอีกมากมาย มีค่ายหลายสิบแห่งรอบๆ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทาส”
ร่างกายของมนุษย์ครึ่งคนครึ่งสัตว์สั่นสะท้าน
ไม่ใช่แค่เขา
ราวกับว่าพวกเขาถูกฟ้าผ่า ทาสทุกคนเงยหน้าขึ้นมองและฟังคำพูดของริกิ
เสียงของเขาเงียบลง แต่มีบางอย่างอยู่ในนั้นที่ดูเหมือนจะปลุกใจทุกคนที่ฟัง
“พูดตามตรงมันจะง่ายกว่ามากที่พวกนายจะตายอยู่ที่นี่ ดังนั้นหากใครคนไหนไม่มั่นใจก็บอกมาได้เลย ฉันจะส่งนายไปโดยไม่เจ็บปวดเหมือนที่ฉันบอก แต่ถ้าพวกนายรู้สึกสะเทือนใจแม้เพียงเล็กน้อยจากสิ่งที่ฉันพูด”
ปุก!
ริกิปักดาบลงไปที่พื้น
“พวกนายทุกคนที่นี่ก็จะเป็นความโชคดีของพวกทาสเหล่านั่นเช่นกัน”
* * *
เฟรย์มองดูมนุษย์ครึ่งคนครึ่งสัตว์และทาสคนอื่นๆขณะที่พวกเขาจากไปโดยไม่สามารถลืมสายตาของพวกเขาได้
มีความโกรธความมุ่งมั่นและความมีชีวิตชีวาที่ไม่เคยมีมาก่อน
และเห็นได้ชัดว่าใครเป็นผู้ให้พลังงานใหม่แก่พวกเขา
ริกิ
เขาเป็นคนที่ทำให้พวกเขากลับใสมีชีวิตอีกครั้ง
“พวกเขาจะอยู่ได้ไม่นานนัก”
ไม่น่าแปลกใจที่มาร์ควิสแห่งอาณาจักรลัวโนเบิลสามารถมีส่วนร่วมในการค้าทาสได้เป็นเวลานาน
อย่างที่ริกิพูดมีโอกาสมากที่ราชวงศ์และขุนนางของอาณาจักรนี้จะเน่าเหม็นทั้งหมด
และสถานที่ที่ทาสเหล่านี้ถูกปล่อยออกไปคือใจกลางของอาณาจักรลัวโนเบิล
แม้ว่าพวกเขาจะทำสงครามแบบกองโจรในภูเขาระหว่างเมือง แต่อีกไม่นานพวกเขาก็จะพ่ายแพ้
และจะต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อไปยังชายแดนที่ใกล้ที่สุด
ดังนั้นความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถหลบหนีออกจากประเทศนี้จึงน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์
เฟรย์แน่ใจว่าริกิรู้เรื่องนั้น
"ฉันรู้"
“แต่นายก็ปล่อยพวกเขาไปใช่ไหม มันไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี”
“ตอนนี้ขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้ว ฉันทำส่วนของฉันเสร็จแล้ว”
ริกิพูดอย่างไร้อารมณ์เช่นเคย
‘เขากำลังคิดอะไรอยู่?’
เขาเป็นคนตรงไปตรงมามาก
ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้เกี่ยวกับริกิหลังจากอยู่กับเขาในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา
ริกินั้นแตกต่างจากเดมิก็อดคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง
เขารู้สึกอย่างนั่นเป็นพิเศษในตอนที่ริกิคุยกับทาสครึ่งคนครึ่งสัตว์
“ยังมีค่ายอีกมากมายแถวๆนี่”
นี่คือสิ่งที่เฟรย์ได้รู้ก่อนที่เขาจะโจมตีสถานที่แห่งนี้
เฟรย์มองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนและพึมพำ
“ยังมีเวลาอีกพอสมควร”
“ไม่...นั่นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้มาร์ควิส ดาลามันตายไปแล้วและที่เหลือก็เป็นเพียงขยะ”
“ความจริงที่ว่าดาลามันเสียชีวิตจะถูกปล่อยข่าวไปทั่วและพวกเหล่าทาสจะรอคอยเรา”
"ถูกตัองอย่างน้อยพวกเขาก็คงเตรียมตัวไม่เหมือนกับกลุ่มนี้ พวกเขาจะต้องเตรียมพร้อมมากกว่านี้แน่นอน”
"ใช่"
การต่อสู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ได้ มันเป็นการสังหารหมู่
ริกิเคยบอกให้เขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ให้มากที่สุด แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรถ้ามันเป็นไปเพื่อ ‘การต่อสู้’ แบบนั้น
“ฉันยังคิดว่ามันใหญ่เกินไปสำหรับกลางใจของอาณาจักร”
“ลัวโนเบิลจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเปิดเผย เนื่องจากพวกเขาเปิดสถานที่ทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายตั้งแต่แรกพวกเขาจะไม่สามารถส่งทีมปราบปรามได้ มาร์ควิส ดาลามันควรจะอยู่ที่ที่บ้านของตัวเองอย่างเป็นทางการในช่วงที่เขาเกษียณ”
ริกิชี้ไปที่ลู่เฟย
“อย่างดีที่สุดพวกเขาจะสามารถขอกำลังเสริมจากเมืองใกล้เคียงเท่านั้นดังนั้นพวกเขาจึงไม่เป็นภัยคุกคามมากนัก”
"ถูกต้อง"
พวกเขาเล่นกับไฟมาตั้งแต่แรกดังนั้นแม้ว่าเฟรย์จะทำเรื่องวุ่นวาย แต่พวกเขาก็ต้องรับมือกับมันอย่างยากลำบาก
เฟรย์คิดว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการกำจัดร่องรอยของมานาของเขาในขณะที่ฝึกฝนพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาด้วย
“ถ้าอย่างนั้นเราจะอยู่ในปราสาทนี้ตลอดทั้งเดือน”
“…”
เฟรย์หันกลับไปมองที่ปราสาท
มันดูไม่จืดเลย
นี่เป็นเรื่องธรรมดาเนื่องจากเขาได้ใช้พลังอันศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างอย่างเต็มที่
ถ้าเขารู้ว่าเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในนั้นเขาคงจะฝึกความยับยั้งชั่งใจมากขึ้น
* * *
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เฟรย์ทำลายค่ายรอบตัวเขาอย่างเป็นระบบ
พวกเขาเตรียมการให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ความแตกต่างของพลังนั้นมันมากจนเกินไป
นอกจากนี้เมื่อทาสถูกปลดปล่อยมากขึ้นความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นทีละน้อยและพวกเขาก็กลายเป็นภัย
ในที่สุดนักค้าทาสที่ไม่สามารถรับมือกับแรงกดดันได้จึงละทิ้งค่ายและวิ่งหนีไป
ก็เป็นอย่างที่ริกิบอก
ลัวโนเบิลไม่ได้ส่งกำลังเสริมอย่างเป็นทางการ
ในวันสุดท้ายของพวกเขาบนภูเขาเฟรย์มั่นใจว่าเศษค่ายที่เหลือของมาร์ควิสดาลามันทั้งหมดถูกทำลายไปแล้ว
"ขอบคุณ"
ชายครึ่งคนครึ่งสัตว์ก้มศีรษะของเขา
ดูเหมือนว่าหลังจากต่อสู้ร่วมกันมาหนึ่งเดือนพวกทาสที่ถูกปลดปล่อยถือว่าเฟรย์เป็นผู้มีพระคุณของพวกเขา
“พวกคุณจะไปไหน”
“เรากำลังคิดว่าจะไปที่เทือกเขาอิสปาเนียทางตอนใต้”
มันเป็นสถานที่ที่ใกล้ที่สุดที่พวกเขาสามารถไปได้
และที่ที่เป็นสวรรค์ของสัตว์ประหลาดหากพวกเขาหนีไปยังสถานที่นั้นอาณาจักรลัวโนเบิลก็จะไม่สามารถไล่ตามพวกเขาได้
“นั่นไม่ใช่สถานที่ที่จะมีชิวตรอดได้ง่ายๆ”
“มันจะยังดีกว่าที่นี้…เราจะตอบแทนพระคุณที่คุณมอบให้เราอย่างแน่นอน”
"รอเดี๋ยว"
เฟรย์หยุดเขา
"คุณชื่ออะไร?"
“บีเอนด์ครับ”
หลังจากพูดอย่างนั้นบีเอนด์ก็หันหลังและจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ขณะที่เขาเฝ้าดูอดีตทาสจากไปเฟรย์พูด
“การประชุมจะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ใช่ไหม”
"ถูกตัอง"
การแสดงออกของริกิค่อนข้างผ่อนคลายเมื่อเขาพูดแบบนี้
ออร่ามานาของเฟรย์ได้หายไปอย่างสมบูรณ์และไม่มีใครสัมผัสได้อีกต่อไป
เฟรย์ที่งงงวยเล็กน้อยก็พยักหน้า
“ฉันว่าเราไปที่นัดหมายกันเถอะ”
“หืม?”
ริกิมองเฟรย์ด้วยสีหน้าแปลกๆ ครู่หนึ่งก่อนจะรู้ตัว
“ดูเหมือนว่าฉันจะลืมบอกนาย”
"บอกว่า?"
"ที่นี่"
“…ที่นี่?”
“ที่นี่คือสถานที่ประชุม … รีบใส่หน้ากากซะเฟรย์”
เขาไม่จำเป็นต้องถามว่าทำไม
ทันทีที่ริกิพูดคำเหล่านั้นท้องฟ้าก็ถูกแยกออกจากกัน