ตอนที่แล้วEp.1002 - เลเวล SS จากองค์กรมืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1004 - ความแข็งแกร่งและความกลัว

Ep.1003 - สังหาร 1 ใน 19


Ep.1003 - สังหาร 1 ใน 19

“ฮึ่ม! อักษรรูนพวกนี้ ไม่ใช่สิ่งที่แกจะสามารถดูดซับตามอำเภอใจ ไสหัวไป!” พลังสมาธิของอันโดรแผดเสียงคำราม ดังสนั่นราวกับฟ้าร้องลั่น

อันโดรเป็นผู้ใช้อบิลิตี้สายฟ้าที่แข็งแกร่งมาก ในบรรดาอบิลิตี้ทั้งสิบสาย ธาตุนี้ครองครอบคุณสมบัติโจมตีได้รุนแรงที่สุด

ตัวอย่างเช่นแค่ปลดปล่อยเสียงผ่านพลังสมาธิ ให้พวกมันสะท้อนเข้าไปในหูผู้ใช้พลังเลเวล S ธรรมดาๆ ก็ยังถือเป็นการโจมตีชนิดหนึ่งเช่นกัน แต่น่าเสียดาย เพราะคนที่อันโดรเจอ ดันเป็นฉินเฟิง!

ฉินเฟิงหยุดดูดซับอักษรรูน กระแสวังวนระหว่างคิ้วเขาหายไป ในสายตาของอันโดร การกระทำนี้แสดงถึงความศิโรราบ ยอมพ่ายแพ้คิดจะหลบหนี

และในสายตาของตงหยางกับเจียวหลินฮาน มันก็ให้ความรู้สึกแบบนั้นเช่นกัน

แต่ในความเป็นจริง ฉินเฟิงไม่ได้กลัวอันโดรเลย ก็แค่อักษรรูนที่นี่ ถูกฉินเฟิงดูดซับไปทั้งหมดแล้วก็เท่านั้นเอง

“นั่นมันแกต่างหาก ถ้ายอมม้วนหางหนีไปซะตั้งแต่ตอนนี้ ฉันจะยอมเหลือศพเน่าๆของแกทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า!” ฉินเฟิงยิ้มเย็นชา พลังสมาธิระเบิดออก สร้างกลิ่นอายอันทรงพลัง

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” อันโดรราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในรอบหลายปี หัวเราะออกมาดังๆ

ต้องขอบอกว่า ในมิติโลกมนุษย์แห่งนี้ ตัวตนเช่นอันโดร นับเป็นการดำรงอยู่ในจุดสูงสุดอย่างแท้จริง

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในพันธมิตรมนุษย์มีเลเวล SS เพียง 11 คนเท่านั้น ในขณะที่ฝั่งพันธมิตรองค์กรมืดมี 8 คน

ซึ่งเท่ากับว่า อันโดรคือหนึ่งในสิบเก้าระดับสูงสุดในหมู่มวลมนุษย์หลายร้อยล้านคน

ด้วยความแข็งแกร่งดังกล่าว หากคิดสังหารคนของพันธมิตรใด อันโดรสามารถกระทำได้ดั่งใจต้องการ กี่ปีแล้วหนอ ที่ไม่มีใครกล้าพูดเขากับเช่นนี้ กระทั่งเลเวล SS ด้วยกันยังไม่กล้าเลย

“เจ้าหนู ถ้าอยากไปเยี่ยมยมบาล ก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรก!”

ในมือของอันโดรปรากฏบางสิ่งคล้ายมีดสังหาร สาดประกายรังสีแสงสีม่วงสว่างไสว

ยังไม่พอ กลิ่นอายของมัน แสดงให้เห็นว่านี่คืออาวุธเทวะ!

“ฉันจะทำให้ฝันของแกเป็นจริงเอง!”

อาวุธเทวะในมืออันโดรยื่นไปข้างหน้า ปลดปล่อยรังสีสายฟ้าอันน่าหวาดกลัวโถมเข้าสังหารฉินเฟิง

แต่ไม่คาดคิดเลยว่าฉินเฟิงไม่เพียงไม่ยอมหลบเลี่ยง แต่เขายังยิงเทคนิคสายฟ้าในทำนองเดียวกันสวนกลับไป

เปรี๊ยะ!

สองเทคนิคสายฟ้าปะทะกัน อักษรรูนสายฟ้าเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว อันโดรที่เดิมปลดปล่อยอบิลิตี้ออกมาอย่างไม่ใส่ใจ ถูกฉินเฟิงหยุดเอาไว้ได้

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังคงระดมอักษรรูนสายฟ้าจำนวนมาก ถ่ายเทมันออกไปอย่างต่อเนื่อง หมายเอาชนะอันโดรด้วยธาตุสายฟ้าของตัวเอง ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป

เพียงแต่ว่า การปะทะกันในครั้งนี้ มันจบลงด้วยการเสมอ ซึ่งอันโดรไม่มีทางยอมรับได้

ใบหน้าของเขาหมองลง รังสีฆ่าฟันลุกพรึบ ในดวงตา

เดิมเขาคิดแค่บี้คราหนึ่งฉินเฟิงก็ตาย แต่ตอนนี้ อันโดรเกิดความคิดฆ่าฟันแล้วจริงๆ วันนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาต้องสังหารฉินเฟิงให้จงได้

“ไปลงนรกซะ! เทคนิคเขตแดนสายฟ้า : หมื่นอัสนีสังหาร!!”

ในชั่วลมหายใจเดียว เมฆดำปรากฏขึ้นบนผืนฟ้า สายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดผ่าลงมา โดยปลายทางของพวกมันทั้งหมด คือฉินเฟิง

หมื่นอัสนีสังหาร คือเทคนิคอบิลิตี้เลเวล S !

“รีบหนีเร็ว!” เจียวหลินฮานตะโกนคำหนึ่ง การโจมตีของผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล SS ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถต้านทาน เขาไม่กล้าขัดขืนอันโดร

และยิ่งเกิดความหวาดกลัวมากกว่าเดิม ว่าหลังจากอันโดรฆ่าฉินเฟิงแล้ว อีกฝ่ายจะหันมาเชือดตนเป็นรายต่อไป

เจียวหลินฮานยังไม่อยากตายในสภาพนี้

ส่วนตงหยางเขาลังเล ยังไม่อยากจากไปเช่นนี้ แต่เมื่อต้องเผชิญกับอานุภาพอันร้ายแรงของอบิลิตี้เหนือหัวเขา เจ้าตัวก็รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานได้

แต่ในจังหวะนั้นเอง ในที่สุดไป๋หลีก็เริ่มเริ่มเคลื่อนไหว

ในพริบตาเดียว เกิดช่องว่างมิติขึ้น ตงหยางถูกรวบเข้ามาข้างในพื้นที่มิติ แยกตัวเขาออกจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง

“หรือนี่จะเป็นเทคนิคพื้นที่มิติ!?” ตงหยางไม่เคยเห็นอบิลิตี้อันวิเศษเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกว่าร่างตนถูกแยกออกจากมิติเดิม มาอยู่ในมิติอื่น

ไป๋หลีไม่ตอบคำถามเขา เธอกำลังเฝ้าดูการต่อสู้ในสนามรบ แต่ในใจไม่ค่อยวิตกกังวลมากนัก

ดูเหมือนว่าในสายตาของไป๋หลี อันโดรผู้นี้ ไม่นับเป็นคู่ต่อสู้ของฉินเฟิง

ฉินเฟิงมองไปยังเทคนิคสายฟ้าเหนือหัวเขา ไม่ลังเลที่จะลงมือ

“เทคนิคปรมาเทพน้ำแข็ง!”

ภายในมิติของพระเจ้า ในที่สุดอบิลิตี้เลเวล S เทคนิคสุดท้ายก็ถูกใช้ออกมา มันขับหนุนให้ร่างของฉินเฟิงสูงใหญ่ขึ้น ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ

แต่หากอยากให้อธิบายชัดๆ สมควรบอกว่าเป็นพายุหิมะที่ก่อตัวขึ้น กลายเป็นมนุษย์หิมะสูงร้อยเมตร ห่อหุ้มฉินเฟิงเอาไว้จึงจะถูก

ยักษ์หิมะสูงร้อยเมตร ให้ความรู้สึกราวกับเทพเจ้า  ง้างแขนมหึมาไปเบื้องหลัง และ--

--ตูมมมม!

ยักษ์หิมะซัดกำปั้นออกไป หวดเข้าใส่เขตแดนสายฟ้า ทะลุชั้นเมฆดำ

แน่นอน เขตแดนสายฟ้าก็โจมตีลงบนร่างของยักษ์หิมะเช่นกัน สะเก็ดหิมะและน้ำแข็งปลิวว่อนไปทั่ว

ถูกทำลายไปทั้งสองเทคนิค!

การปะทะกันระหว่างทั้งคู่ ไม่นึกเลยว่ากระทั่งในครั้งที่สองก็ยังเสมอกัน แต่อย่าลืมนะว่าในครั้งนี้ อันโดรมิได้โจมตีฉินเฟิงอย่างไม่ใส่ใจอีกต่อไป เมื่อครู่เขาทุ่มเต็มกำลังเพื่อสังหารฉินเฟิง

“ถ้าแกมีความสามารถเท่านี้ พวกเราคงได้เวลาบอกลากันแล้ว!” ร่างของฉินเฟิง ก้าวออกมาจากหิมะยักษ์

“พูดจาเพ้อเจ้อ!”

อันโดรคำรามด้วยความโกรธ ระเบิดอบิลิตี้สายฟ้าอีกครั้ง

อบิลิตี้แล้ว อบิลิตี้เล่าโถมโจมตีอย่างรุนแรง กระหน่ำใส่ฉินเฟิง แต่พวกมันก็ถูกทำลายไปเรื่อยๆ

“อะไรกัน ได้แค่นี้เองหรือ หมดสนุกจริงๆ ลาล่ะ!” ฉินเฟิงกล่าวโดยไม่ใช้พลังสมาธิ เขาไม่จำเป็นต้องบอกให้ศัตรูทราบว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่

เขาต้องการจบปัญหาให้เร็วที่สุด เพราะภายใต้ขอบเขตการรับรู้ของเขา อีกหลายคนใกล้จะมาถึงแล้ว

นอกจากนี้ กลิ่นอายของผู้ใช้พลังเหล่านั้นยังแสนคุ้นเคย เป็นผู้ใช้พลังที่เขารู้จักดี ฉินเฟิงสามารถต่อกรกับอันโดรได้ก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆจะทำได้ ถึงเวลานั้นหากอันโดรคลั่งขึ้นมา แล้วสังหารผู้บริสุทธิ์ นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่ฉินเฟิงอยากจะเห็น

“เทคนิคจ้าวมังกรคำรน!”

เหนือหัวของฉินเฟิง รูนดำอันน่าสะพรึงผุดพรายออกมา อักษรรูนแห่งความมืดจำนวนมหาศาลปรากฏขึ้น ก่อตัวเป็นหัวมังกรดุร้าย จากนั้นมันเริ่มอ้าปากกว้าง

“โฮกกกกกก!”

มังกรดำพ่นกระแสธารแห่งความมืดมิด ซัดสาดไปทางอันโดร

อันโดรที่แสดงท่าทีโกรธจัดตลอดมา ในที่สุดในแววตาก็สะท้อนถึงความหวาดกลัว

“นี่มันเทคนิคอบิลิตี้เลเวล SS!!!” พลังสมาธิที่ใช้ถ่ายทอดน้ำเสียงดังสนั่นไปถึงชั้นฟ้า แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ สิ่งที่เขาอยากทำในตอนนี้ คือหันหลังวิ่งหลบหนีไป

แต่ช่างน่าสงสาร ที่แรงกดดันของเทคนิคอบิลิตี้เลเวล SS มันได้ทำลายอักษรรูนโดยรอบจนหมดสิ้น รวมไปถึงรูนสายฟ้าที่ปกคลุมร่างกายอันโดร ส่งผลให้ความเร็วของเขาลดทอนลงกว่าปกติ สุดท้ายถูกท่วมทับภายใต้กระแสธารทมิฬ

ภายใต้กระแสธารทมิฬ อันโดรไม่มีความสามารถที่จะต่อต้านขัดขืน ถูกความมืดเข้ากลืนกิน ปลิดชีวิตของเขา

แม้อันโดรคือตัวตนทรงอำนาจระดับสูงสุดของมิติโลกมนุษย์ เป็นหนึ่งในสิบเก้าคนที่ยืนหยัดอยู่บนยอดของปิรามิด แต่เขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับมนุษย์หมาป่าเลเวล SS ของเผ่าฮาส เมื่อถูกเทคนิคนี้เข้าไป  การตายของเขา มันได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว

ท่ามกลางกระแสธารทมิฬ ร่างของอันโดรเริ่มแห้งเหี่ยว พลังชีวิตทั้งหมดถูกสูบออกมา กลายเป็นร่างผอมติดกระดูก เกลือกกลิ้งจมอยู่ใต้น้ำ

ต่อมา พลังสมาธิถูกส่งย้อนกลับมายังร่างของฉินเฟิง

นี่คือพลังสมาธิหลังจากการเสียชีวิตของอันโดร

อย่าลืมนะว่าก่อนหน้านี้ฉินเฟิงได้หมกมุ่นอยู่กับการดูดซับกระแสรูนตั้งหลายวัน ทำให้เงื่อนไขการยกระดับถูกเติมจนเกือบเต็มแล้ว เมื่อรวมเข้ากับพลังสมาธิของอันโดร พลังสมาธิก็สามารัดตัดผ่านขีดจำกัดไปได้อีกขั้น!

พลังสมาธิยกระดับขึ้นสู่เลเวล S1 !

อย่างไรก็ตาม นี่มิใช่การยกระดับในขอบเขตใหญ่ ดังนั้นความผันผวนจึงไม่รุนแรงเท่ากับตอนตัดผ่านจากเลเวล A9 ไปเลเวล S ในไม่ช้า กลิ่นอายของมันก็ถูกซ่อนเอาไว้โดยอบิลิตี้มืดของฉินเฟิง

“จงกลับคืน!”

กระแสธารเริ่มเหือดหาย หัวมังกรดุร้ายเลือนราง ฉินเฟิงรวบเอาอุปกรณ์รูนมิติของอันโดรมาหลายชิ้น สำหรับการตกตายของผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล S ขึ้นไป จักรวาลแห่งจิตสำนึกจะถูกทำลายโดยตรง แม้ในส่วนของพลังสมาธิ ฉินเฟิงจะสามารถช่วงชิงมาจากอันโดรได้ ทว่าอักษรรูนกลับไม่ทราบว่าหายไปที่ใด

มันอาจแหลกสลายไปในมิติที่ไม่มีใครรู้จักก็เป็นได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด