Ep.1002 - เลเวล SS จากองค์กรมืด
Ep.1002 - เลเวล SS จากองค์กรมืด
ยังไงก็ตาม รอยแยกมิติไม่ได้เปิดกว้างขึ้น แต่ยังคงปลดปล่อยริ้วกระแสอักษรรูนอย่างต่อเนื่อง ฉินเฟิงและตงหยางคอยดูดซับมัน
สามวันผ่านไปราวกับพริบตา เนื่องจากการดูดซับของทั้งสอง ส่งผลให้ระยะการกระจายของอักษรรูนค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่ไกลจนเกินไป ดังนั้นเลเวล S คนอื่นๆ เลยไม่สังเกตเห็น
แล้วอีกอย่าง คงไม่มีใครหรอกที่ตั้งใจออกมาสำรวจท่ามกลางมหาสมุทร
ภายในพื้นที่จิตสำนึกของฉินเฟิง หลังจากดาวเคราะห์หลายดวงถูกห่อหุ้มไปด้วยอักษรรูนประจำธาตุของตัวเองเป็นเวลากว่าสามวัน ธาตุสายฟ้า , ธาตุโลหะ และธาตุไม้ ในที่สุดเส้นผ่านศูนย์กลางก็มากถึง 2 ซม.
หากอ้างอิงในระดับสามัญ ฉินเฟิงนับว่าได้บรรลุเป็นผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล S ทั้งเก้าสายแล้ว
ขณะเดียวกัน ทางด้านตงหยาง ความแข็งแกร่งของเขาค่อยๆเพิ่มพูนขึ้น เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เริ่มขยับเข้ามาใกล้ขอบเขตของเลเวล S ขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุด ด้วยการสั่งสมอักษรรูนอย่างไม่ลดละ ตงหยางสามารถตัดผ่านได้สำเร็จ
ตูมมมม!
ช่วงเวลาที่พลังสมาธิตัดผ่านสู่เลเวล S กระแสวังวนได้ก่อตัวระหว่างคิ้วของตงหยาง ทันใดนั้นแสงสีฟ้าน้ำทะเลได้ปรากฏขึ้น และหากสังเกตดีๆ คุณจะพบว่ามันคือดาวเคราะห์สีฟ้าที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่มาก
แก่นอบิลิตี้ตอนนี้ได้กลายเป็นเหมือนการดำรงอยู่ของศิลาศักดิ์สิทธิ์ เพียงมองดู ก็ให้ความรู้สึกของมหาสมุทรอันไร้ที่สิ้นสุด
เปี่ยมไปด้วยแรงกดดัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะที่ตัดผ่านสู่เลเวล S กลิ่นอายของตงหยางพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
ตลอดทั้งพันธมิตรหัวเซี่ย และผู้คนในพันธมิตรรอบด้าน ทั้งหมดต่างสัมผัสได้ถึงมัน
“มีคนยกระดับขึ้นสู่เลเวล S !”
“เป็นใครกัน?”
“กลิ่นอายนี้ ดูเหมือนว่าจะมาจากทิศทางทะเลตะวันออก ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนของพันธมิตรหัวเซี่ย หรือใครบางคนจากพันธมิตรญี่ปุ่น”
“ใครกันที่สามารถตัดผ่าน? คนของพันธมิตรมนุษย์หรือองค์กรมืดกันแน่? พวกเราไปดูกันเถิด บางทีถ้ามีค่าหัวพวกเราอาจได้เงินรางวัลติดไม้ติดมือกลับมาก็ได้”
ผู้คนเริ่มเคลื่อนไหวจากทุกทิศทาง
ณ ขณะนี้ บนผิวน้ำทะเล เนื่องจากตงหยางสามารถยกระดับสู่เลเวล S กลิ่นอายที่ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าของเขา ดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบต่ออักษรรูนมิติเช่นกัน รอยร้าวเหล่านั้นที่ไม่เคยเกิดการเปลี่ยนแปลง จู่ๆก็ลอยมารวมตัวกัน
เวลานี้ ณ ใจกลางของรอยแยกมิติ ราวกับว่าถูกเจาะเป็นโพรง
บนท้องฟ้า รอยแยกมิติน้อยใหญ่หลอมรวมกัน กลายเป็นรอยแยกมิติที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางนับหลายร้อยเมตรปรากฏขึ้น
นี่จะเรียกว่าช่องว่างมิติก็คงไม่ใช่ เพราะมันไม่มีความเสถียร แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้น ช่างน่าตกตะลึง
อักษรรูนนับไม่ถ้วนกระพือออกมาจากรอยแยก บางส่วนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงของริ้วกระแสและกลิ่นอายของอักษรรูน สามารถทำให้เลเวล S ตระหนักถึงได้อย่างง่ายดาย
บางส่วนร่วงตกลงมา ปะปนเข้ากับน้ำทะเล อักษรรูนต่างๆเมื่อสัมผัสกับน้ำทะเล ก่อให้เกิดภาพอันประหลาดตา และอำนาจทำลายล้าง
ตงหยางคาดไม่ถึงเลย ว่าอักษรรูนในเวลานี้ จะไม่เหมือนกับในตอนแรก ที่สงบ ไร้ซึ่งอำนาจทำลาย สภาวะของมันพลิกผันจากเดิมอย่างสิ้นเชิง อาจเป็นเพราะเวลานี้มีอักษรรูนหลุดออกมาเยอะเกินไป จนพวกมันเริ่มก่อตัวเป็นกระแสอันยิ่งใหญ่
อักษรรูนสีแดงเพลิงอันร้อนแรง ร่วงลงมาราวกับสายธาร ตกลงตรงตำแหน่งเหนือหัวของตงหยางพอดิบพอดี
“เทคนิคน้ำตกยักษ์!”
ด้านตงหยางเมื่อรู้ตัวว่าหลบไม่พ้น ก็ปลดปล่อยอบิลิตี้น้ำทันที ผลักดันรูนนี้ออกไป ทว่าหากรูนไฟยังคงไหลบ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง ต่อให้ตงหยางที่เพิ่งยกระดับเป็นเลเวล S เกรงว่าอาจไม่สามารถสามารถต้านทานมันได้จริงๆ
ไม่เพียงแค่นั้น บริเวณตำแหน่งรอบๆตงหยาง เวลานี้ถูกปกคลุมไปด้วยสายลม , เปลวเพลิง และสายฟ้า ไม่มีทิศทางที่จะหลบหนี
แต่ในช่วงเวลานั้นเอง รูนมิติสีเงินพลันปรากฏขึ้นคลุมตัวตงหยาง แยกอักษรรูนที่กำลังทำร้ายเขาออกไป ตงหยางกำลังคิดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันตอบสนอง วินาทีถัดมา เขาก็หายวับไปจากสถานที่เดิม ปรากฏกายขึ้นอีกที ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้พื้นที่มิติอีกต่อไปแล้ว
ตงหยางมาโผล่ในตำแหน่งที่ห่างออกมาราวพันเมตร ในแววตาสะท้อนแสงสีเงินรำไรของรูนมิติ
ข้างกายตงหยาง เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง มิใช่ใครอื่นคือไป๋หลี
“มิสไป๋ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ!” ตงหยางรีบขอบคุณเธอ
“แค่เรื่องเล็กน้อย” ไป๋หลีโบกมือ พูดอย่างไม่ใส่ใจ แนวสายตายังคงเฝ้ามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากรอยแยกมิติ
ตงหยางมองตามเช่นกัน ต่อมาเขาก็ต้องตกใจ เอ่ยถามว่า “แล้วฉินเฟิงอยู่ที่ไหน? การเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่นี้ทำให้อักษรรูนมีอำนาจรุนแรงมาก ถ้าฉินเฟิงยังอยู่ข้างใน เขาอาจตกอยู่ในอันตราย!”
“เขายังคงดูดซับอักษรรูนอยู่” ไป๋หลีกล่าว ขณะเดียวกันก็กระตุ้นพลังสมาธิ ดึงอักษรรูนมิติให้ใกล้เข้ามา แล้วทำการดูดซับมัน
“แม้แต่ตอนนี้ก็ยังดูดซับมันอยู่หรือ? อักษรรูนเหล่านั้นมีจำนวนมหาศาลเกินไป ถ้ารับไม่ไหว จะกลายเป็นเจ็บตัวแทน!” ตงหยางกล่าวด้วยความกังวล
“เขาไม่เป็นไรหรอกน่า” ไป๋หลียืนยันหนักแน่น
พอได้ฟัง ตงหยางย้อนนึกไปถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงสามารถดูดซับอักษรรูนได้เร็วแค่ไหน เขาก็รู้สึกว่าความกังวลของเขา มันไม่จำเป็นเลย!
เบื้องบนท้องฟ้า กระแสวังวนระหว่างคิ้วของฉินเฟิงหมุนวนอย่างดุเดือด รูนนับไม่ถ้วนถูกดูดซับ ไหลเข้ามาปกคลุมแก่นอบิลิตี้ของเขา
นี่แหละคือสิ่งที่ฉินเฟิงต้องการ
กระบวนการขยายตัวของแก่นอบิลิตี้ อันที่จริงแล้วมันเชื่องช้ามาก แต่เมื่อเทียบกับเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา วันนี้ยังถือว่าเร็ว
อย่างไรก็ตาม แก่นอบิลิตี้ยิ่งมีขนาดใหญ่ มันก็ยิ่งจำเป็นต้องใช้อักษรรูนมากขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่ว่าต่อให้เราต้องการเพิ่มเส้นผ่านศูนย์กลางของมันเพียง 1 - 2 ซม. แต่กลับใช้อักษรรูนในปริมาณที่มากกว่าเดิมหลายสิบเท่า
ฉินเฟิงดูดซับอย่างบ้าคลั่ง ไม่คิดหยุดนิ่ง เห็นแค่เพียงกระแสอักษรรูนที่ลอยออกมา ทั้งหมดถูกรวม เข้ากับจักรวาลแห่งจิตสำนึกของฉินเฟิง อักษรรูนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็ค่อยๆลดลงเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ที่ตงหยางยกระดับขึ้นสู่เลเวล S กลิ่นอายของมันเข้มข้นเกินไป ประกอบกับรอยแยกที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน และอักษรรูนมหาศาลที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้มีผู้ใช้พลังเลเวล S นับไม่ถ้วน สัมผัสได้ถึงที่นี่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้อบิลิตี้ การปะทุของอักษรรูน คือสิ่งที่พวกเขารอคอยมากที่สุด บนมิติโลกมนุษย์แห่งนี้ เดิมทีก็มีทรัพยากรไม่มากนัก ดังนั้นหากจู่ๆมีอะไรทำนองนี้ปรากฏขึ้น พวกเขาย่อมไม่พลาด
วู้มมมมม ….
เพียงแต่ว่า ต่อให้พวกเขาอยากมาให้เร็วมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถมาถึงได้ในทันที
เนื่องจากการกระพือของกระแสอักษรรูน ส่งผลให้สภาพอากาศพื้นที่ทะเลโดยรอบเปลี่ยนแปลงไป บ้างอาจพบกับพายุหิมะ บ้างอาจเจอทอร์นาโดหรือสึนามิ บ้างอาจเจอกระทั่งความบ้าคลั่งของสายฟ้าฟาดและอุกกาบาตร่วงตกลงมา หรือฝนเพลิงเป็นต้น
กล่าวได้ว่าในระยะสั้นๆ ภัยพิบัติเหล่านั้นได้ปรากฏขึ้น สกัดฝีเท้าของผู้มาเยือน คนที่เร็วที่สุด กว่าจะมาถึง เวลาก็ล่วงเลยไปกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว
ช่วงเวลานี้ เหล่าผู้ใช้อบิลิตี้พบว่าอักษรรูนมหาศาลที่พวกเขาสัมผัสได้หายไปแล้ว เนื่องจากทั้งหมดมันถูกดูดซับไปโดยฉินเฟิงจนสิ้น!
แก่นอบิลิตี้ของฉินเฟิง ได้ขยับขึ้นมาอีกเป็น 2 ซม. แม้ว่ามันจะไม่ถึงขั้น 10 ซม. เหมือนธาตุน้ำแข็ง แต่ก็ถือว่าได้ไปอยู่ในระดับทหารแล้ว
แน่นอน กระแสอักษรรูนหายไป แต่ริ้วอักษรรูนยังกระพือออกมาจากรอยแยกมิติเป็นระยะๆ คนแรกที่เห็นฉากนี้ ปากอ้าตาค้างทันที
“หรือว่านี่จะเป็นมิติอักษรรูน? โลกเราสามารถเปิดรอยแยกของมันได้? สวรรค์ประทานโอกาสมาให้แล้ว!”
ผู้ใช้พลังคนนั้น ตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบมิได้
ตงหยางกับเจียวหลินฮานในที่เกิดเหตุ ณ เวลานี้ไม่กล้าพูดอะไร ทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและระแวดระวัง
นั่นเพราะผู้มาเยือน ไม่คาดฝันเลยว่าจะเป็นเลเวล SS !
ตอนนี้ ในกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ของโลกมนุษย์ มีผู้ใช้พลังเลเวล SS เพียง 11 คนเท่านั้น แต่ชายผู้นี้ ดันไม่ได้มากจากพันธมิตรมนุษย์
เขาคือบุคคลของพันธมิตรองค์กรมืด เป็นผู้ใช้พลังเลเวล SS จากรัสเซีย นามว่าอันโดร หรือที่รู้จักกันในฉายาเผด็จการจอมเชือด
บุคคลผู้นี้ เมื่อเห็นคนจากพันธมิตรมนุษย์ ความคิดแรกที่ผุดเข้ามา คือสังหารมันเสีย!
สายตาของอันโดร ไม่ได้มองไปที่ตงหยางหรือคนอื่นๆ แต่เขามองไปยังฉินเฟิงที่ยืนอยู่บนท้องฟ้า ผู้ที่กำลังดูดซับอักษรรูนจากในรอยแยกมิติ ...